บทที่ 1 ความทรงจำที่ไม่เคยลืม
“ฮือ ฮือ อย่าเข้ามานะ ไปให้พ้น!!” สาวน้อยวัยห้าขวบพยายามปัดป้องตนเองจากการโดนเพื่อนรุ่นเดียวต่างรุมทำร้าย และต่อว่า เพียงเพราะเธอมีรูปร่างที่อ้วน ดำ แถมยังขี้เหร่
“ฮ่า ฮ่า นังดำ แกมันอ้วน” เด็กน้อยในกลุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมทั้งใช้ไม้ขนาดเล็กฟาดลงบริเวณลำตัวสาวน้อยวัยห้าขวบ
“อย่าทำร้ายเอยเลย เอยเจ็บ ฮือ ฮือ” เอิงเอยพนมมือทั้งสองร้องขออย่างน่าสงสาร เธอเจ็บเหลือเกิน ตอนนี้ตามร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ
“แกล้งแกสนุกจะตาย ใครมันจะหยุดง่ายๆ” เด็กชายอีกคนพูดขึ้นพร้อมปาก้อนหินโดนศีรษะเอิงเอย กระทั่งเด็กน้อยวัยห้าขวบรับรู้ถึงกลิ่นคาวเลือดค่อยๆไหลลงมาบริเวณหน้า
“เฮ้ยเลือด!! หัวนังอ้วนดำมันมีเลือดไหล”
“หยุดเดี๋ยวนี้!!!”
ขณะเด็กในกลุ่มต่างพากันตกใจ จู่ๆก็มีเด็กชายวัยสิบสองขวบเดินเข้ามายังจุดเกิดเหตุ ก่อนที่พวกเด็กทั้งหลายจะพากันวิ่งหนี ทิ้งเพียงเอิงเอยนั่งร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
“น้องเป็นอะไรมากไหมครับ” ก้องภัทรเดินมาหาสาวน้อยวัยห้าขวบกำลังนั่งร้องไห้ด้วยความเจ็บ เดิมทีก้องภัทรตั้งใจออกมาเดินเล่นสนามเด็กเล่น จู่ๆก็เห็นเด็กกลุ่มหนึ่งต่างพากันรังแกสาวน้อยตรงหน้า ก่อนที่เขาจะเข้ามาช่วยเหลือพวกเด็กเหล่านั้นต่างก็วิ่งหนีไปหมด
“พี่ไม่กลัวหนูจะทำให้พี่เปื้อนคราบสกปรกจากตัวหนูเหรอคะ” สาวน้อยวัยห้าขวบไม่ตอบคำถามชายหนุ่ม แต่เธอกลับย้อนเด็กชายตรงหน้า ทุกคนต่างก็รังเกียจเธอเพียงเพราะเธอ อ้วน ดำ ทั้งยังขี้เหร่
“ไม่ครับ น้องออกจะน่ารักไม่เห็นต้องกลัว รอพี่เดี๋ยวนะครับ” ก้องภัทรลูบศีรษะเด็กน้อยวัยห้าขวบก่อนจะลุกออกจากบริเวณนั้น ผ่านไปประมาณสักพักเขาก็กลับมาพร้อมถุงยาในมือ
“อะไรเหรอคะ”
“ยาครับ เดี๋ยวพี่ทำแผลให้นะครับ”เอิงเอยมองการกระทำของเด็กหนุ่มตรงหน้า กำลังทำแผลบริเวณศีรษะตนเองอย่างอ่อนโยน
นับตั้งแต่วันนั้นมาเด็กทั้งสองมักจะมาพบเจอกันบ่อยครั้งที่สนามเด็กเล่น เด็กหนุ่มไม่เคยนึกรังเกียจสาวน้อยวัยห้าขวบเลยที่เธออ้วนและดำ ทุกครั้งเอิงเอยโดนรังแกจากกลุ่มเด็กอันธพาล ก้องภัทรจะเป็นฝ่ายเข้ามาช่วยเหลือเสมอ กระทั่งช่วงหลังที่ผ่านมาไม่มีใครกล้ามากลั่นแกล้งเอิงเอยอีกเลย
“ฮือ ฮือ พี่ภัทรจะไปจริงๆเหรอคะ”
“ครับ!! พี่จำเป็นต้องไป”
“แต่เอยไม่อยากให้พี่ภัทรไปเลย ถ้ามีคนมารังแกเอย ใครจะช่วยเอย อย่าไปเลยได้ไหม ฮือๆ”
ก้องภัทรดึงตัวเด็กน้อยเข้ามากอดพร้อมลูบเส้นผมอย่างแผ่วเบา ตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากจากที่นี่ไปเหมือนกัน แต่ครอบครัวเขาจำเป็นต้องย้ายไปทำธุรกิจต่างประเทศ ส่วนตัวเขาเองก็ต้องย้ายตามครอบครัว เพื่อไปเรียนต่อต่างประเทศ
“เอยต้องหัดเข้มแข็งไว้บ้างนะครับ พี่ต้องไปก่อนล่ะ” เด็กหนุ่มพูดเพียงเท่านั้น ก่อนจะผละจากอ้อมกอดเด็กน้อยวัยห้าขวบ และมอบของบางอย่างก่อนเดินจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมา
“พี่ภัทร อย่าไป!!! ฮือๆ”
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
ร่างบางสะดุ้งตื่นก่อนจะเอื้อมมือไปปิดนาฬิกาปลุกบนหัวเตียง ใบหน้างามบัดนี้เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา หญิงสาวเช็ดคราบน้ำตาตนเองออกจนหมดเกลี้ยง หยิบของบางอย่างในลิ้นชักข้างเตียงขึ้นมาดู
“ฝันอีกแล้วเหรอ” เอิงเอยมองของในมือที่หยิบออกจากลิ้นชักหัวเตียงเมื่อสักครู่ มันคือสร้อยคอจี้รูปหัวใจข้างในเป็นรูปเด็กหนุ่มคนหนึ่ง หญิงสาวมองคนในภาพด้วยความคิดถึง
เอิงเอย สาวสวยสุดน่ารักในวัย 24 ปี นักศึกษาสาวบัญชีจบใหม่ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยชื่อดัง เข้ามาทำงานตำแหน่งเจ้าหน้าที่บัญชีโรงพยาบาลย่านกรุงเทพ
“ยัยเอย เหม่ออีกแล้วนะ” ขวัญเนตรเข้ามาสะกิดเอิงเอยที่มัวแต่เหม่อลอยโดยไม่สนใจคนรอบข้าง
ขวัญเนตรสาวสวยสุดเซ็กซี่ ลูกสาวเจ้าของหุ้นส่วนโรงพยาบาล มีนิสัยค่อนข้างโผงผางและเป็นคนเฟรนด์ลี่เข้ากับคนได้ง่าย แตกต่างจากเอิงเอยโดนสิ้นเชิงเป็นคนเงียบและเก็บตัว
เอิงเอยกับขวัญเนตรเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายจนถึงมหาวิทยาลัย และจบมาก็ทำงานที่เดียวกัน
“อ้าวขวัญ มาตั้งแต่เมื่อไรเหรอ”
“ขวัญก็มาได้สักพักแล้ว เรียกเอยตั้งนานไม่ยอมหันมาสักที ขวัญก็เลยลุกขึ้นมาสะกิดเอยนี่แหละ”
“อ๋อ ว่าแต่ขวัญมีอะไรหรือเปล่า”
“ขวัญจะถามเรื่องงาน คือขวัญกระทบยอดมันไม่ลงตัวสักที จะให้เอยช่วยไปดูให้หน่อย”
“ได้ เดี๋ยวเอยไปดูให้” เอิงเอยพูดจบ เธอก็ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานตนเองไปยังโต๊ะทำงานของขวัญเนตร ซึ่งอยู่ถัดกันเพียงไม่กี่ก้าว
ขวัญเนตรมองตามหลังร่างบางของเพื่อน ใช่ว่าเธอไม่รู้ว่าเอิงเอยเป็นอะไร เพราะตั้งแต่คบเอิงเอยเป็นเพื่อนกันมาเกือบแปดปี ไม่มีเรื่องไหนที่เกี่ยวกับเอิงเอยแล้วตนเองจะไม่รู้ หากไม่ใช่เรื่องพี่ชายในวัยเด็กของเอิงเอยที่ทำให้หญิงสาวเป็นแบบนี้
“เอยยังไม่ลืมพี่เขาอีกเหรอ” ขวัญเนตรพูดขึ้นหลังจากเดินกลับมายังโต๊ะทำงานตนเอง
“เสร็จแล้วนะขวัญ”
“ห๊ะ!! เสร็จแล้วเหรอ” ขวัญเนตรจ้องไปยังหน้าจอมคอมที่เพื่อนกำลังกดบันทึกข้อมูลใส่ลงในตารางกระทบยอดเสร็จเรียบร้อย
“เอยลืมรักแรกไม่ได้หรอก” เอิงเอยพูดขณะหันมาส่งยิ้มให้เพื่อน ก่อนจะลุกกลับไปโต๊ะทำงานตนเอง
เราทุกคนไม่มีใครสามารถลืมรักแรกได้หรอก แม้ว่ามันจะผ่านมานานแค่ไหนก็ตาม ทุกเรื่องราวทุกความรู้สึกต่างก็ยังตรึงตราในใจอย่างไม่มีวันลืมเลือน เฉกเช่นเดียวกับเอิงเอย
“คุณหมอภัทร มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง อายุเลขสามแล้วยังดูดีเหมือนคนอายุยี่สิบต้นๆอยู่เลย” นักข่าวท่านหนึ่งเอ่ยถามแพทย์หนุ่มขณะกำลังยืนให้สัมภาษณ์
“ความรักครับ”ชายหนุ่มพูดเพียงเท่านั้น เสียงเฮฮาของนักข่าวหลายคน ต่างก็ส่งเสียงดังมาด้วยความอิจฉากับสิ่งที่ได้ยิน
ก้องภัทรหรือหมอภัทร ศัลยกรรมแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาลกำลังให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน ชายหนุ่มจ้องมองไปยังนักข่าวคนดังกล่าว ก่อนจะส่งยิ้มหวานไปยังสาวคนรักตรงหน้าซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมาก
“ภัทรค่ะ ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ” พริมาหรือหมอพริมเดินไปหาชายหนุ่มพร้อมส่งช่อดอกไม้แก่ชายคนรัก
“ขอบคุณครับ”
“ว้าว อิจฉาจังนะคะ แล้วแบบนี้จะมีข่าวดีเมื่อไรคะ” นักข่าวคนเดิมยังคงถามต่อ
“เร็วๆนี้ค่ะ”พริมาตอบอย่างรวดเร็ว
“อย่าลืมเชิญพวกเราไปร่วมแสดงความยินดีด้วยนะคะ”
“ยินดีครับ”ก้องภัทรตอบนักข่าวตรงหน้าตนเอง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็โอบเอวร่างเพรียวแฟนสาวอย่างหวงแหน ทั้งสองคนคบกันมานานตั้งแต่สมัยเรียนแพทย์ด้วยกัน เกือบสิบปีที่คบกันมา ความรักของคนทั้งสองแน่นแฟ้นยิ่งกว่าสิ่งใด ชายหนุ่มรักและให้เกียรติแฟนสาวเสมอ
“ขวัญ ตรงนั้นเขาทำอะไรกันนะ” เอิงเอยถามเพื่อนขณะเดินไปโรงอาหาร
“อ๋อ ตรงนั้นเหรอ เขามีสัมภาษณ์ศัลยกรรมแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาล”
“ใครเหรอ”
“โอ๊ย!! ยัยเอยไม่รู้จักหมอภัทรเหรอ”
“หมอภัทรเหรอ”หญิงสาวเอ่ยอย่างแผ่วเบา เมื่อได้ยินชื่อนั้นกระทบเข้าหู กลับทำให้หญิงสาวโหวงเหวงในใจอย่างบอกไม่ถูก ราวกับแพทย์หนุ่มคนนั้นจะเป็นคนเดียวกันกับรักแรกของตนเอง
“ใช่ หมอภัทรนะ เขาดังมากเลยในโรงพยาบาลนี้ไม่มีใครไม่รู้จักหมอภัทรและอีกอย่างเขาหล่อมากด้วย เสียดายเขามีแฟนแล้ว”
“อืม”
“โอ๊ย...ยัยเอยจะทำตัวเย็นชากับความหล่อของหมอภัทรไม่ได้นะ ใครๆก็อยากได้หมอภัทรมาเป็นพ่อของลูกทั้งนั้นแหละ ขวัญยังอยากได้เลย”
“ขวัญก็อยากได้ทุกคนนั่นแหละ อีกอย่างเอยไม่สนใจใครทั้งนั้น เอยมีคนที่ชอบแล้ว”
“จ้า...แม่คนรักเดียวใจเดียว ไม่แน่เขาอาจจะมีแฟนหรือแต่งงานไปแล้วก็ได้”
“ไปกินข้าวกันเถอะ เอยหิวแล้ว” เอิงเอยตัดบทสนทนา เธอไม่อยากยืดเยื้อไปมากกว่านี้ แต่ในใจก็แอบรู้สึกหวั่นกับคำพูดของขวัญเนตรเล็กน้อย
ตั้งแต่จากกันเมื่อสิบเก้าปีเขาก็ไม่เคยติดต่อกลับมาเลย มีเพียงสร้อยเส้นเดียวที่เขามอบให้
