บทที่ 6 กลร้ายทรายเสน่หา...ร้ายเจอร้าย...
“เอ้า...สำออยเสร็จหรือยัง” เสียงทุ้มของนายโจรตาดุตะโกนก้องอย่างวางอำนาจ
มิลินหันขวับตามเสียงว่าประชดแทบคอเคล็ด ไม่ต้องมองจ้องนาน พอเห็นว่าเป็นใครที่เข้ามายืนอยู่ข้างหลังเธอก็พุ่งตัวเข้าโถมใส่ทันทีแรงกระแทกทำให้ร่างสูงหงายผลึ่งลงบนพื้นทราย
...นั่นเลย อย่างนั้นแหละ...จิตสำนึกกระโดดตบมือเหย็งๆสะใจที่สามารถล้มเขาลงคลุกฝุ่นแบบไม่เป็นท่าได้เหมือนกัน...เอาละ เสมอกัน...แต่เธอยังไม่สะใจ ร่างบางว่องไวเท่าความคิดกระโดดขึ้นนั่งคร่อมร่างสูงระดมกำปั้นฟาดลงทุกหนแห่งที่จะทำได้...นี่...ไอ้โจรบ้า...
“โอ๊ย...โอ๊ย...เป็นบ้าอะไรเนี่ย” นายโจรร้องลั่น สองมือปัดป้องจุดที่ เธอโจมตีพัลวัน
“บ้าสิ ไอ้โจรบ้า ฉันจะฆ่าแก”
มิลินโต้กลับอย่างโมโหจัด ฟาดมือฟาดหมัดลงบนตัวนายโจรแบบไม่นับจนเหล่าไทยมุง(น่าจะเรียกว่าแขกมุงมากกว่า)เข้ามายืนมองหน้าสลอน
การถูกล้อมจากพวกเขาทำให้เธอเสียสมาธิ และเพียงเสี้ยววินาทีมือเธอก็ถูกนายโจรรวบจับเอาไว้ เธอทั้งดึงทั้งบิดหนีจนเจ็บข้อมือ แต่เขาไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
“หยุดนะ” นายโจรคำราม ตาดุของเขาวาววามน่ากลัว แล้วดึงเธอคะมำลงบนร่างกอดรัดแนบติดตัวจนเคลื่อนไหวไม่ได้
มิลินสงบลงเมื่อต้องเจอกับอาการอึดอัดหายใจแทบไม่ออกพอเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นไทยมุง...แขกมุง...ยืนจับจ้องเหมือนกำลังดูโชว์แสดงอะไรสักอย่าง แก้มเธอร้อนผ่าวขึ้นทันที
ตายจริง...นี่เธอกำลังนอนทาบอยู่บนร่างหนาของผู้ชายตัวเป็นๆท่ามกลางวงล้อมของผู้ชายตัวโตๆที่น่าอันตรายไม่น้อยกว่าสิบคน...ฮึ่ม...เธอแยกเขี้ยวใส่พวกเขา
“มีอะไรให้พวกเราช่วยไหม” ลูกน้องตัวสูงใหญ่นั่งลงถามนอบน้อม ราวกับกำลังกราบทูลเจ้านายสูงศักดิ์ คนถูกกอดรัดถือโอกาสที่วงแขนคลายดีดตัวออกจากร่างข้างใต้ลุกขึ้นยืนขาแข้งสั่น มองชายฉกรรจ์นับสิบคนด้วยสีหน้าหวาดหวั่น และยิ่งหวั่นกลัวมากขึ้นกับดวงตาคมดุจากร่างสูงเพรียวที่ลุกตามขึ้นมา
“พวกนายเดินทางต่อไปเถอะ เดี๋ยวฉันจัดการทางนี้เอง” เขาบอกเสียงเข้ม ส่งกระเป๋าถือที่เธอไม่รู้ว่าไปอยู่ในมือของเขาได้อย่างไรให้ลูกน้องคนหนึ่ง
“นั่นของฉันนะ” เธอร้องเสียงหลง ถลันจะตามคนรับกระเป๋าออกไป แต่ถูกจับข้อมือดึงไว้
มิลินพยายามสะบัดมือดิ้นรนจะตามไปเอากระเป๋าคืนมา เพราะมีโทรศัพท์มือถือที่เป็นความหวังเดียวที่ช่วยให้เธอสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ เพียงแต่เธอยังไม่มีโอกาสได้เปิดเครื่องเท่านั้น เธอแทบร้องไห้เมื่อคิดว่าจะไม่ได้เห็นมันอีก
“หยุดทำบ้าบอซะที” เขาว่าขณะจับตัวเธอเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน
“นายสิบ้าบอ เอากระเป๋าฉันคืนมานะ” เธอตะโกนไล่หลังคนเอากระเป๋าถือของเธอไป
“ถ้าไม่อยากถูกฆ่าหมกทรายตายอยู่ตรงนี้ ก็หยุดพูดพล่ามหยุดทำพยศ แล้วยอมไปกับพวกเราซะดีๆ” นายโจรตาดุว่าเสียงเคร่งขรึม
มิลินชะงักงันเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือนายโจร...ปืน...เขายกขึ้นจ่อขมับจนผิวเธอสัมผัสความเย็นเฉียบของมัน เขาจะฆ่าเธอด้วยการยิงในระยะเผาขนเนี่ยนะ...บ้าแล้ว...แต่เธอจะเพิกเฉยต่อคำขู่ของเขาหรือ...ไม่ละ...เธอไม่เสี่ยงแน่...เธอยังไม่อยากตายหมกทรายอยู่ที่นี่
แต่ไม่สามารถยอมทำหงอให้เขาได้ใจ เธอยืดตัวตรงเชิดหน้า พลางคิดว่าวันเวลาข้างหน้าเธออาจจะได้กระเป๋าของเธอคืนมา หรือมีโอกาสหนีอีกก็ได้ เธอสูดหายใจเข้าลึกเรียกความกล้าคืนกลับมา...กล้าก็ยิงสิ...สายตาเธอวาววามอย่างท้าทาย
หลังจากขึ้นนั่งบนหลังอูฐมิลินไม่คิดจะพูดหรือถามอะไรอีก มองเส้นทางข้างหน้าอย่างสิ้นหวัง ผืนทรายกว้างไกลเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดแล้วจุดหมายปลายทางของพวกเขาเป็นที่ไหนกันนะ เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าหาดาวประจำเมืองดวงใหญ่ทางขวามือ แสดงว่าพวกเขากำลังพาเธอมุ่งหน้ามาทางทิศตะวันออก เธอจำได้ว่าประเทศนี้มีทิศเหนือกับตะวันออกติดประเทศที่มีชื่อเสียงด้านการค้าขายน้ำมันแหล่งใหญ่ที่สุดในโลก หรือพวกเขาจะพาเธอข้ามแดนไปขายให้กับเศรษฐีน้ำมัน...โอ...ถ้าเป็นอย่างที่คาดเดาเธอต้องลำบากเสียแล้ว
มิลินได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับภูมิศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศที่เธอจะเข้ามาทำงานอย่างละเอียด โดยต้องรู้ว่าเมืองหลวงหรือเมืองต่างๆตั้งอยู่ทิศทางใด ทิศตะวันออกของประเทศนี้มีทะเลทรายกว้างไกล ส่วนกลางค่อนไปทางเหนือจะมีโอเอซิสน้อยใหญ่อยู่หลายแห่ง
โอเอซิสไลย์วาเป็นกลุ่มโอเอซิสขนาดใหญ่ที่ได้รับการส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจและทำการเกษตรควบคู่กันไปจากรัฐบาล มีโอเอซิสทางตอนเหนือของประเทศหลายแห่งที่ได้รับการสนับเรื่องการเกษตรให้ปลูกพืชผลหลายชนิด และบางชนิดก็มากพอที่จะส่งขายได้ทั่วประเทศ
แต่โอเอซิสทางแถบตะวันออกนี้ จะมีโอเอซิสขนาดเล็กๆหลายแห่งอยู่ห่างๆกัน ส่วนใหญ่จะใช้ประโยชน์เป็นแหล่งพักพิงของผู้เดินทางหรือพ่อค้าที่ต้องการตัดตรงจากชายแดนเข้าเมืองหลวงโดยไม่ต้องอ้อมออกทางเหนือที่ต้องใช้ทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายมากกว่าแต่การเดินทางก็ยากลำบากและเสี่ยงอันตรายมากกว่า
พื้นที่แถบนี้จะมีเนินเขาหรือภูเขาขนาดเตี้ยอยู่เป็นระยะสลับที่ราบทะเลทรายกว้างไกล อันตรายน่ากลัวสำหรับพ่อค้าหรือนักเดินทาง ไม่ได้มีแค่พายุทะเลทรายหรือสัตว์ร้ายเท่านั้น แต่มีการจี้ปล้นฆ่าของพวกโจรหลายกลุ่มรวมอยู่ด้วย โดยที่ทางการยังไม่สามารถปราบปรามได้ไม่หมดสิ้น และพวกโจรกลุ่มนี้ก็น่าจะเป็นหนึ่งในกลุ่มโจรแถบนั้นเหมือนกัน
การเดินทางมุ่งหน้าออกทะเลทรายของพวกนายโจร เป็นผลให้ความหวังเรื่องจะได้กลับบ้านในวันสองวันข้างหน้าเกือบต้องมลายหายไป ยิ่งพวกเขาพาเดินทางออกมาไกลมากเท่าไร การช่วยเหลือก็คงต้องใช้เวลานานมากขึ้น ยิ่งคิดมิลินก็ยิ่งหวั่นกลัวหนักเมื่อต้องตกอยู่ในเงื้อมมือชายฉกรรจ์นับสิบ และหนทางหลบหนีแทบไม่มีเลยทีเดียว
มิลินเหลียวมองคนที่เอากระเป๋าถือเธอไป เขาพาอูฐตามมาอยู่ทางด้านขวา บนบ่ายังสะพายกระเป๋าถือของเธออยู่ ถ้าเธอจะใช้ประโยชน์จากโทรศัพท์มือถือต้องรีบเอากระเป๋าคืนมา แต่คงต้องใจเย็นรอให้พวกเขาหยุดพักกันเสียก่อน เมื่อคิดว่ายังพอมีความหวังอยู่บ้างก็ค่อยมีกำลังใจ เธอเตือนตัวเองว่าต้องเข้มแข็งต้องสู้ให้ผ่านชะตากรรมตรงนี้ไปให้ได้ เพื่อครอบครัวที่ต้องมีเธอเป็นผู้นำ
เมื่อคิดถึงครอบครัวมิลินก็เฝ้าเตือนตัวเองว่า...อย่ากลัว...เธอต้องไม่กลัวสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ความกลัวจะทำให้จิตใจอ่อนแอ เมื่อจิตใจอ่อนแอก็จะเกิดความท้อแท้สิ้นหวัง...ดังนั้น เธอต้องมีความกล้า ต้องกล้าหาญที่จะเผชิญกับทุกเรื่องในวันข้างหน้า และต้องมีความหวังที่จะกลับไปหาครอบครัวของเธอ
