บทที่ 5 กลร้ายทรายเสน่หา...ปากเก่งเลยโดนดี...
สมองฉลาดรีบสั่งการให้มิลินคิดทันที เธอต้องหาวิธีโน้มน้าวใจให้นายโจรเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ ในรอบปีหนึ่งมีข่าวการจับตัวเรียกค่าไถ่หลายราย หากเธอเสนอทางให้พวกเขาอาจจะสนใจและเป็นผลดีแก่เธอมากกว่า เพราะการเรียกค่าไถ่จะทำให้ทางสถานทูตของเธอเร่งรัดให้ทางการของประเทศนี้หาทางช่วยเธอเร็วขึ้น
“ราคาขายฉันคงไม่แพงนักหรอก ทำไมพวกนายไม่เรียกค่าไถ่ดูล่ะ ติดต่อไปที่สถานทูตของประเทศฉันสิ นายเรียกร้องเท่าไรพวกเขาต้องยินดีจ่ายแน่ๆ” เธอลุ้นอยู่ในใจ
“ไม่มีโจรคนไหนโง่เขลาเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงกับคนของทางการหรอกนะ” นายโจรบอกเยาะๆ
มิลินนิ่งอึ้งกับคำตอบของนายโจรตาดุ พวกเขาตั้งใจมาจับเธอไปขายจริงๆหรือ ถ้าเป็นจริงก็น่าสงสัยว่าความซวยมาตกที่เธอได้อย่างไรในเมื่อเส้นทางนี้ต้องมีหญิงสาวสวยที่ร่ำรวยเดินทางผ่านมากมาย หรือโจรกลุ่มนี้ได้รับใบสั่งจากผู้มีอิทธิพลเจาะจงมาเอาเฉพาะหญิงสาวชาวเอเชียอย่างเธอ
หากโดนขายจริงๆจะเป็นอย่างไร ผู้หญิงในฮาเร็มของพวกเศรษฐีทะเลทรายมีชีวิตไม่ต่างอะไรกับนกน้อยในกรงทอง ต้องทนอยู่ในพื้นจำกัดเหมือนถูกกักขัง หากถูกใจผู้ซื้อหญิงสาวก็จะอยู่อย่างสุขสบาย แล้วที่ไม่ถูกใจล่ะ พวกหล่อนจะมีชะตากรรมอย่างไร ยิ่งรายที่ถูกซื้อไปอย่างไม่เต็มใจอย่างเธอจะต้องเจอะเจออะไร
“นายจะขายฉันให้ใคร” มิลินถามหาข้อมูลเอาไว้หาทางหนีทีไล่
“ถามทำไม” คนถูกถามตะคอกกลับ
“ฉันควรรู้” มิลินว่าหยิ่งๆ ผู้หญิงอย่างมิลินไม่คิดจะนั่งงอมืองอเท้าปล่อยให้พวกเขาเอาไปเร่ขายได้ตามอำเภอใจหรอก
“ควรรู้หรือ รู้แล้วได้อะไร หล่อนไม่มีทางหนีไปได้หรอก”
มิลินอยากจะกรีดเสียงใส่ให้เขาหูแตกตายเสียตรงนี้เลย เออ อย่าให้มีโอกาสก็แล้วกัน การเดินทางระยะไกลอย่างนี้ ต้องมีวันหนึ่งหรือช่วงเวลาหนึ่งให้ได้หนีบ้างแหละ แม้จะรักตัวกลัวตายสักเท่าไรก็ไม่คิดจะนั่งรอนอนรอโชคชะตาหรอกนะ เธอจะหาทางหนีไปให้ได้
“ก็ไม่แน่หรอก” เธอบอกบึ้งตึง
“ฉันจะคอยดู” เขาเยาะเย้ย
การจับน้ำเสียงขบขันจากเขาได้ทำให้มิลินโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เธอเหวี่ยงศอกใส่เขาเต็มแรง แต่เขาคงระวังอยู่แล้วจึงทำให้พลาดเป้า ยิ่งได้ยินเสียงเขาหัวเราะหึอยู่ในลำคอก็ยิ่งโมโห...ไอ้บ้า...ไอ้โจรบ้า...เธอก่นว่าเสียงดัง เจ็บใจที่ทำอะไรเขาไม่ได้
“ก็คอยดูสิ พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้พวกนายอาจถูกจับไปก็ได้ นายคิดหรือว่าทางประเทศของฉันจะนิ่งนอนใจไม่ช่วยเหลือฉัน วันพรุ่งนี้ก็จะมีข่าวดังไปทั่วโลก แล้วคนของทางการไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือทหารในประเทศนี้ก็จะแห่กันมาล่าหัวพวกนาย” เธอโต้กลับเสียงเคร่ง
คาดหวังว่าคำพูดของเธอจะทำให้ความหยิ่งผยองของนายโจรตาดุลดฮวบลงบ้าง ทั้งเชื่อว่าข่าวการถูกจับตัวมาของเธอจะต้องรู้ถึงสถานทูตในไม่ช้า และพวกเขาจะต้องหาทางช่วยเหลืออย่างแน่นอน
“ไม่ต้องมาขู่ คิดหรือว่าตัวเองสำคัญมากมายจนมีคนกล้าเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาช่วย” นายโจรโต้กลับหยันๆ
มิลินชำเลืองค้อนตาแทบคว่ำ คำพูดของเขาทำเอากำลังใจเธอหดหายไปเป็นครึ่ง แต่ความดื้อดึงทำให้เธอไม่ยอมแพ้เขาง่ายๆ
“นายจะรู้ได้ยังไง ถ้าไม่มีใครมาช่วยจริงๆ ฉันจะกลั้นใจตาย”
“เธอหรือจะยอมตาย แล้วที่วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนนั่นไม่ใช่เพราะรักตัวกลัวตายหรอกหรือ”
ทั้งคำพูดทั้งน้ำเสียงเยาะหยัน กระแทกเข้าโสตประสาทของมิลินอย่างจัง มีใครบ้างที่ไม่รักตัวกลัวตาย แม้พวกเขาเองก็เถอะ ถ้าเจอสถานการณ์ อย่างเธอก็ต้องคิดหนีเหมือนกัน
“นายมันหน้าตัวเมีย รังแกแต่ผู้หญิง” เธอร้องขึ้นด้วยความโกรธ
“ปากเก่งนัก ต้องโดนซะบ้าง” เขาว่าด้วยอาการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พลันมิลินก็หัวทิ่มพรวดลงสู่พื้นทราย
“วี๊ดดดด....” เธอหวีดร้องสนั่น
เสียงหวีดร้องของมิลินเรียกความสนใจจากทุกคนบนหลังอูฐที่กำลังเดินเรียงแถวกันมา พวกเขาหยุดมองร่างห้อยต่องแต่งของเธอด้วย สีหน้างงงัน นายโจรที่ยังพาอูฐเดินลอยนวลเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นโบกมือเป็นสัญญาณให้พวกเขาตามมา มิลินต้องพยายามอย่างที่สุดเพื่อจะยึดผ้าคลุมหลังเจ้าอูฐขายาวพยุงตัวเอาไว้ แต่ไม่กี่นาทีถัดมาก็หมดแรงปล่อยร่างร่วงลงสู่พื้นทรายแบบไม่เป็นท่าที่เรียกเสียงหัวเราะขบขันจากลูกน้องนายโจรสองสามคนที่เห็นสภาพการร่วงลงนอนกลิ้งคลุกฝุ่นทรายของเธอ
...ยังไม่ตาย...จิตสำนึกกระซิบบอก...
มิลินนอนคว่ำหน้าหมอบนิ่ง ไม่มีเรี่ยวแรงจะขยับแขนขา อยากจะหลับแล้วไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลย แต่การเคลื่อนไหวใกล้ตัวกระตุ้นให้เธอลืมตา อูฐตัวหนึ่งนั่งลงห่างจากตัวเธอไม่ไกล นัยน์ตาพร่าพรายเห็นเพียงภาพเลือนรางกลางความมืดคืนเดือนแรม เธอหลับตาลงอีกครั้งขับไล่ความมืดมัวก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นมาเห็นชายร่างเพรียวสันทัดที่พูดเสียงเหน่อเดินเข้ามานั่งคุกเข้าข้างตัวเธอ แล้วถามเสียงอ่อนโยน
“เป็นไงบ้าง” เธอหันหน้าหนีอับอายไม่อยากมองหน้าใคร
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เขาถามอีก
โอ น้ำเสียงห่วงใยของเขาทำให้มิลินแทบร้องไห้ คงมีเขาคนเดียวแหละที่แสดงน้ำใจแก่เธอ คนอื่นคงพากันสมน้ำหน้าเป็นแน่ และเธอจะต้องไม่ร้องไห้ให้พวกเขาเห็น
“ไม่เจ็บ ไม่ตาย” เธอคำรามออกมาจากลำคอ แล้วค้อนควักให้เจ้าของน้ำเสียงห่วงใย แม้เขาจะไม่ใช่คนที่ทำให้เธอห้อยต่องแต่งตกลงมาจากตัวอูฐ แต่เธอก็อารมณ์บูดจนไม่อยากพูดดีด้วย
“ความสูงแค่นี้ ตกยังไงก็ไม่ตาย แต่คุณเจ็บตรงไหนก็บอกนะ ข้อมือหรือข้อเท้าล่ะ ไหนให้ผมดูหน่อยซิ” เขาช่วยพยุงเธอลุกนั่งจับมือพลิกไปพลิกมา ก่อนจะเลื่อนมาที่ข้อเท้า เธอชักเท้าหนี มองสบตาทอประกายอ่อนโยนอย่างไม่ชอบใจ เขาจะทำดีกับเธอทำไมในเมื่อเพื่อนๆของเขาหัวเราะขบขันกันอยู่
“ไม่...เอ้อ...ไม่เป็นไร” เธอตอบเสียงอ่อนลง
มิลินปัดฝุ่นทรายออกจากเนื้อตัว พลางนึกสมเพชตัวเอง...เหอะ ตกลงมานอนคลุกทรายอย่างนี้คงไม่เหลือสภาพเดิมให้ใครได้ชื่นชมแล้วแหละ...จิตสำนึกร่ำร้อง
เธอคว้ากระเป๋าถือจากมือนายคนร่างเล็กมาคล้องไหล่กอดมันไว้อย่างหวงแหน ไม่มีแก่ใจจะเอ่ยปากขอบคุณที่เขามีน้ำใจช่วยเก็บมาปัดฝุ่นออกจนหมดจด
“แน่ใจนะครับว่าไม่เจ็บปวดตรงไหน” เขาถามเสียงนุ่มนวลราวกับคุณหมอถามคนไข้
...โห สุภาพบุรุษ...จิตสำนึกฝ่ายดีทำท่าเคลิ้มฝัน
