กลร้ายทรายเสน่หา

188.0K · จบแล้ว
ศิรารัย
125
บท
3.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

..เธอทำให้เขาเสื่อมเสียเกียรติยศชื่อเสียงเพื่อแก้แค้นแทนพี่สาวที่ตรอมใจตาย แต่เขากลับวางกลร้ายลวงหลอกพาเธอมาเผชิญหน้ากับภัยร้ายนานา ท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ แล้ววางกลรักหมายเก็บเธอไว้ข้างกาย... ***************** พระเอกเป็นเจ้าชายในราชสกุลหนึ่งที่ผู้เขียนสมมุติขึ้นมา โดยตั้งชื่อสกุลว่า...มุนายันห์...ให้ออกเสียงว่า...Munnayanh(มุน-นา-ยันห์)... ****************** กรามแข็งแรงใต้เคราดกครึ้มขบแน่นจากภาพความทรงจำของสาวงามแต่งกายด้วยเสื้อผ้านางระบำเปิดเผยเรือนร่างงดงามสะดุดตาสะดุดใจด้วยผิวเนียนละเอียดขาวลออผุดผ่องน่าสัมผัสลูบไล้ ทรวดทรงอรชรงดงามยามสะเอวคอดเล็กพาสะโพกผายกลมกลึงส่ายพลิ้วไหวเย้ายวนอารมณ์ตามจังหวะดนตรีที่สามารถกระชากความดิบเถื่อนของชาติบุรุษออกมาอย่างง่ายดาย หญิงสาวเจ้าเล่ห์คนนี้ใช้ความสวยงามของรูปร่างหน้าตากับมายาเย้ายวนจากระบำรำฟ้อนมาเป็นสิ่งดึงดูดให้เขาสนใจในตัวหล่อน และทำได้สำเร็จเมื่อเขาได้เห็นรอยยิ้มหวานบาดใจกับนัยน์ตาหวานเชื่อมสีอำพันสุกใสที่ส่งประกายท้าทายเชิญชวนยามมองสบตากัน โดยไม่รู้ว่าสิ่งนั้นเป็นกับดักที่วางไว้เพื่อทำลายชื่อเสียงของเขา...และวันนี้ถึงเวลาที่เขาจะเอาคืนหล่อนบ้างแล้ว...

นิยายรักโรแมนติกดราม่าแก้แค้นเศรษฐีโรแมนติกนักรบ18+21+

บทนำ...กลร้ายทรายเสน่หา...เหยื่อภารกิจสำคัญ...

ทะเลทรายเป็นถิ่นเกิดอันงดงามยามค่ำคืนและรุ่งอรุณที่บรรพบุรุษผู้กล้าหาญของชนเผ่าทะเลทรายครอบครองมานานหลายร้อยปี แม้ทุกตารางนิ้วจะมีเพียงเกร็ดทรายเม็ดเล็กๆหรือฝุ่นผงดุจเถ้าธุลี ผู้เป็นลูกหลานสืบเชื้อสายก็มีความภาคภูมิใจที่ได้กำเนิดและเติบโตในพื้นที่อันมีมนต์ขลังยามอาทิตย์อัสดงที่ผืนทรายจะกลายเป็นพรมธรรมชาติสีเหลืองทองอร่ามงดงามทั่วแผ่นดิน

ความภาคภูมิใจของเจ้าชายทราวิส บิน ฮัสซาน มุนายันห์ อัล-อักรา(Prins Thavis Bin Hassan Munnayanh Al-Akra) มิได้อยู่ที่ชาติตระกูลอันสูงส่งเพียงอย่างเดียว แต่ความเป็นชาติบุรุษสมชายชาตรี (ผู้มีศิลปะหรือฝีไม้ลายมือในการต่อสู้)และสุภาพบุรุษ(ชายผู้ดี-ชายผู้มีเกียรติ)อันเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เขามีมากกว่าบุรุษหลายคนในราชสกุลเดียวกัน

หากเมื่อห้าเดือนก่อนเขาไม่ได้ถูกสตรีนางหนึ่งหยามเกียรติด้วยการยัดเหยียดข้อหาผู้บุกรุกเข้าปลุกปล้ำนางระบำ ณ ตำหนักฝ่ายในที่พำนักเฉพาะสตรีเขาคงไม่ต้องมารอนแรมอยู่กลางทะเลทรายอันร้อนระอุยามกลางวันนานหลายเดือนด้วยโทษทัณฑ์ถูกขับออกจากพระราชวังในการสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงแก่ราชสกุลอย่างที่ผู้คนทั่วไปรับรู้ต่าง จากความจริงที่ว่าเขาออกจากพระราชวังมาเพื่อปฏิบัติภารกิจพิเศษปราบปรามผู้ก่อการร้ายและโจรทะเลทรายในบ้านเมืองที่เขาจะต้องทำให้สำเร็จลุล่วงภายในหกเดือนเป็นอย่างน้อยหรือภายในหนึ่งปี

ในสัปดาห์นี้เขามีภารกิจสำคัญต้องทำให้ลุล่วง โดยต้องเดินทางรอนแรมออกทะเลทรายทางตะวันออกของประเทศเพื่อวางแผนล่อจับโจรทะเลทรายกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโจรก่อการร้ายแถบชายแดนตะวันออกและค่ำวันนี้เขาจะได้ตัวสตรีผู้เป็นต้นเหตุแห่งการเสื่อมเสียเกียรติชาติบุรุษและศักดิ์ศรีชายชาตรีของเขามาทวงแค้น

“อัสวาส่งข่าวว่าพาเหยื่อออกจากสนามบินมาแล้วพระเจ้าข้า”

คำกล่าวของฟาฮีมองครักษ์หนึ่งในบรรดาเหล่าผู้ถูกกำหนดให้เข้าร่วมชะตากรรมหลายสิบคนที่ต้องละทิ้งความสุขสบายใจกลางมหานครติดตามมารอนแรมอยู่กลางทะเลทรายร้อนแดดตามคำบัญชาของรัฐมนตรีกลาโหมพระอนุชาองค์ประมุขผู้นำประเทศ เพื่อร่วมทำภารกิจสำคัญอันเป็นความลับระดับชาติมาห้าเดือนสามารถทำให้พระเนตรเย็นชากลับมาเต้นระริกมีชีวิตชีวาอีกครั้ง

“บอกทุกคนเก็บกระโจมออกเดินทาง เราต้องไปถึงจุดนัดพบก่อนอัสวาจะพาเหยื่อมาถึง จะได้ไม่มีใครมาพบเห็นก่อนได้ตัวเหยื่อ”

น้ำเสียงเคร่งขรึมแฝงความเฉียบขาดอย่างชาติบุรุษสูงศักดิ์เป็นคำบัญชาให้กลุ่มชายหนุ่มสิบห้านายแต่งกายด้วยเสื้อผ้าชุดพื้นเมืองสีอ่อนกับเสื้อคลุมผ้าคลุมหน้าสีเข้มที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วแยกย้ายกันทำงานอย่างว่องไว

พวกเขาออกเดินทางจากที่พำนักชั่วคราวพาอูฐตัวงามทรงพละกำลังวิ่งตัดเนินทรายสูงต่ำทอดยาวไกลไปข้างหน้ามุ่งสู่ถนนลาดยางสายยาวกว่าสามร้อยกิโลเมตรที่ตัดจากมหานครหรือเมืองหลวงถึงไลย์วาโอเอซิสสถานท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศ เพื่อรอเหยื่อที่พวกเขาตั้งกระโจมรอคอยมาสองวันแล้ว

“โชคดีที่อัสวาทำได้สำเร็จ”

บุรุษร่างกำยำอย่างนักรบโบราณอีกหนึ่งองครักษ์คนสนิทผู้รับบทเป็นผู้นำการเดินทางประจำกองโจรปรารภขึ้นด้วยน้ำเสียงมึนตึง เพราะเขาค่อนข้างจะกังวลต่อการปฏิบัติงานนอกภารกิจตามคำบัญชาของผู้บัญชาการกองงานพิเศษหน่วยลาดตระเวนชายแดนหรือเจ้าชายทราวิส บิน ฮัสซาน มุนายันห์ อัล-อักรา ที่มีรับสั่งให้ปฏิบัติก่อนเดินทางไปเริ่มภารกิจพิเศษอันสำคัญนั้น

แผนการปลอมตัวเป็นโจรลักพาตัวหญิงสาวต่างชาติคู่กรณีเก่าที่เคยสร้างเรื่องปรักปรำพระองค์ในวันนี้ เป็นเรื่องที่เขากับเพื่อนองครักษ์รู้เพียงว่าผู้บัญชาการต้องการนำตัวเธอร่วมเดินทางไปด้วย

“ต้องสำเร็จสิ เขาต้องใช้ตำแหน่งงานของตัวเองเป็นเดิมพัน”

ซาลิคนายทหารหนุ่มร่างเพรียวสันทัดผู้ถูกกล่าวขานในหมู่องครักษ์คู่ใจว่าเป็นหมอยาฝีมือดีจากสถาบันแพทยศาสตร์อันดับต้นของประเทศเยอรมนีที่ต้องรับบทบาทเป็นนายผู้รักษาประจำกองกองโจรตอบรับด้วยรอยยิ้มเปิดกว้าง อันเป็นบุคลิกประจำตัวที่ได้รับฉายาจากเพื่อนร่วมกองว่า...ไอ้หมอยิ้ม...เพราะไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดหรือเลวร้ายขนาดไหน เขาจะยังยิ้มได้เสมอ

ซาลิคเป็นสหายรุ่นน้องผู้จงรักภักดีที่เติบโตมากับเจ้าชายทราวิสจึงทรงไว้วางพระทัยที่จะปรารภถึงเรื่องส่วนพระองค์มากกว่าคนอื่น เพราะวิสัยซาลิคขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เก็บความลับได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเรื่องสำคัญเกี่ยวกับตัวพระองค์

แผนการวางกลลวงเป็นกับดักในภารกิจพิเศษครั้งนี้ นอกจากซาลิคที่รูรายละเอียดจากคำรับสั่งก็ยังมีฟาฮีมนายทหารรุ่นพี่ที่มากประสบการณ์ด้านการรบและการต่อสู้พอจะคาดเดาออกว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ในพระดำริของเจ้าชายทราวิสคืออะไร

แม้ฟาฮีมนายทหารรองหัวหน้าองครักษ์จะไม่เห็นด้วยต่อสิ่งที่คาดเดาออกแต่เขาก็ไม่บังอาจจะทักท้วงหรือปฏิเสธในพระดำริปราดเปรื่อง อันเป็นกลลวงแยบยลที่จะนำมาซึ่งความสำเร็จต่อภารกิจพิเศษที่ต้องปฏิบัติให้ทันในช่วงเวลาจำกัดนี้

“ใช่...อัสวาต้องใช้ตำแหน่งสายลับมือหนึ่งระดับชาติเป็นเดิมพันกับงานชิ้นนี้”

ดวงตาคมเข้มบ่งบอกสถานะผู้สืบเชื้อสายแห่งราชสกุลเก่าแก่ชนชาติทะเลทรายเปล่งประกายกล้าจากความมุ่งมั่นเจ้าของพระพักตร์คมสันงดงามตามชนชาติบรรพบุรุษเปอร์เซียอาหรับใต้หนวดเครารกครึ้มที่ไม่ผ่านการโกนตัดแต่งมานานต่อความคาดหวังที่รอคอยมาหลายเดือน