บทที่ 4 กลร้ายทรายเสน่หา...เผชิญหน้าชะตากรรม/ต่อปากต่อคำ...
“ฉันกำลังจะตาย” จิตสำนึกคร่ำครวญด้วยอาการหน้ามืดวูบเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
มิลินหมดความรู้สึกอยู่พักหนึ่งจึงค่อยรับรู้ถึงการเดินเหยาะย่างของเจ้าอูฐขายาวที่อยู่ใต้ร่าง ห่างมาอีกหลายวินาทีกว่าจะรู้ว่าตัวเองนั่งเอนพิงอกกว้างเจ้าของลำแขนแข็งแรงที่โอบรอบตัวอยู่ อ้อมแขนอบอุ่นของเขาโอบกอดทะนุถนอมราวกับเธอเป็นสิ่งของล้ำค่าที่เขาจะต้องเก็บรักษาเอาไว้
ในเสี้ยวหนึ่งของความรู้สึกเธอนึกอยากถูกโอบกอดเอนอิงนั่งพิงกำแพงมีชีวิตอันอบอุ่นอยู่นานๆ หากความละอายใจผุดขึ้นมาในห้วงความคิดว่าอ้อมแขนและอกอบอุ่นเป็นของคนแปลกหน้าที่ได้ชื่อว่า...โจรทะเลทราย...ที่จี้พาตัวเธอมาเผชิญหน้ากับอันตราย
...อึ๋ย...สัญชาตญาณหวงตัวกระโดดผึง เธอรีบผลักลำแขนนายโจรออกแล้วโน้มตัวมาข้างหน้า แวบแรกที่คิดจะกระโดดหนีกลับต้องหลับตาปี๋ด้วยความหวาดเสียว ความสูงที่เห็นน่ากลัวมากสำหรับคนกลัวความสูงอย่างเธอ และเธอไม่โง่พอที่จะทำแข้งขาหักหรือคอหักตายตอนนี้
ดวงตาสวยของมิลินชำเลืองค้อนคนข้างหลังหลายครั้ง แน่นอน ว่าการเจ็บตัวเล็กน้อยไม่ใช่อุปสรรคของการหลบหนี แต่ความพิการหรือความตายไม่ได้ช่วยให้เธอหนีรอดจากเงื้อมมือโจรได้ เธอควรลองเจรจา
“พวกนายต้องการอะไร” เธอเอ่ยขึ้น
แต่คำถามกลับถูกกลืนหายไปในความเงียบของผืนทราย ไม่มีการตอบสนองจากคนนั่งทางด้านหลัง มีเพียงเสียงเจ้าขายาวร้องเบาๆ
“หูแตกหรือไง” เธอตะโกนขึ้นสุดเสียง โมโหการนิ่งเฉยของเขา
“เงียบนะ” เขาดุ
“ไม่ ไม่ ไม่”
เสียงตะโกนสุดคอหอยของเธอเรียกความสนใจจากดวงตาคมดุนับสิบคู่ให้หันมาจ้องเขม็ง การตกเป็นเป้าสายตาของชายฉกรรจ์ทั้งกลุ่ม มีผลให้มิลินใจฝ่ออยู่เหมือนกัน แต่อารมณ์โกรธเกรี้ยวกลับบดบังความกลัวจนหมดสิ้น ดวงตาสีอำพันเจิดจ้าจากอารมณ์โกรธที่มองตอบพวกเขาเสมือนมีไฟแลบ และทำให้พวกเขามองเมินหลบไป
เสียงถอนใจอย่างรำคาญจากคนข้างหลังเรียกความสนใจจากเธอกลับมาอีกครั้ง เธอผลักศอกไปข้างหลังอย่างหงุดหงิดคิดจะทำให้เขาเจ็บตัวบ้าง แต่กลับไม่โดนเป้าอย่างคาดหมาย วินาทีต่อมาเธอก็ถูกตอบโต้ด้วยท่อนแขนรัดแน่นจนรีดลมหายใจออกไปเกือบหมด แม้จะโกรธเกรี้ยวมากเพียงใดก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก นอกจากพยายามสูดลมหายใจให้เข้าปอดได้มากที่สุดเท่านั้น
“ปล่อย ฉัน ฉันหายใจ...ไม่ออก...” เธอเค้นเสียงออกมา
“ถ้ายังคิดจะทำร้ายฉันอีก ฉันจะรัดให้ตาย หรืออยากถูกโยนลงไปเดี๋ยวนี้” นายโจรตาดุข่มขู่
มิลินนั่งตัวแข็งอยู่ในปลอกแขนของคนขู่ด้วยความกลัว ก็ความสูงของเจ้าขายาว มันสูงน้อยอยู่เสียเมื่อไหร่ ถ้าตกผิดท่าผิดทางเธออาจจะขาหักหรือคอหักตายก็ได้ แล้วจะเสี่ยงไปทำไม เธอยังต้องการใช้ขาใช้คอหาทางหนีเอาตัวรอดต่อไป แต่ปากไวของเธอไม่ยอมหยุดพูดง่ายๆ
“ไอ้โจรบ้า โจรห้าร้อย” เธอด่าไม่เบานัก
“ว่าอะไร” นายโจรตาดุตะคอกถาม ฟังความภาษาของหญิงสาวไม่ออก แต่พอจะเดาออกว่าไม่ใช่คำพูดดีๆ
“ร้องเพลงมั้ง” เธอตอบยียวน
มิลินยิ้มสะใจต่อคำด่าภาษาไทยที่คิดว่าเขาฟังไม่รู้...ดี....อยากข่มขู่ดีนักต้องเจอด่ากวนประสาทเสียบ้าง....เธอคิดอย่างลิงโลด
“เพลงบ้านหล่อนเขาร้องเป็นคำด่าหรือ” เขาหัวเราะ
“อือ ไอ้บ้า ไอ้บ้า ไอ้โจรบ้าห้าร้อย” เธอด่ารัวเป็นภาษาไทย ไม่สนว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
อาการสะเทือนจากตัวนายโจรบอกชัดว่าเขากำลังขบขันกับคำด่าของเธอ...เออ...ขำได้ขำไป...กลายเป็นเธอที่หงุดหงิดโมโหเสียเอง
“หยุดทำไม ไม่ร้องต่อแล้วล่ะ” เสียงเจือขบขันถามขึ้นอีก
“ฉันไม่ชอบ” เธอบอกเสียงสะบัด ชำเลืองค้อนปะหลับปะเหลือก...เธอไม่ได้ปากจัดเป็นประจำหรอกนะ...
“นึกว่าชอบ”
นายโจรตาดุเกิดจะมีอารมณ์สุนทรีจากคำด่าของเธอขึ้นมาเสียอย่างนั้น ตอนนี้เธออยากกระโดดลงจากหลังอูฐเสียเอง เขาเห็นคำด่าของเธอเป็นเรื่องตลกได้อย่างไรนะ
“ชอบบ้าของนายสิ” เธอพึมพำ
ถ้าไม่รักตัวกลัวตายมิลินก็อยากกระโดดลงไปแดดิ้นบนพื้นทรายนั่นเสียเลย เธอผลักแขนที่โอบรัดรอบตัวออก ไม่อยากสัมผัสถูกเนื้อต้องตัวเขา โล่งใจที่เขายอมปล่อยให้เธอหายใจทั่วท้อง ไม่นานเธอก็เริ่มทรงตัวนั่งบนหลังอูฐได้ถนัด เพราะเคยเรียนขี่ม้ามาบ้าง แต่ไม่เคยนั่งในระยะทางไกลเท่านั้น
การเดินทางโดยไม่รู้จุดหมายหรือเป้าหมายของผู้จี้พาตัวมาน่ากังวลอยู่มาก ยิ่งเดินทางห่างออกมาจากถนนหลวงมากเท่าไร ทางหนีรอดของเธอก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น...โอ...จิตสำนึกร้องคราง ความรู้สึกเศร้าสร้อยถาโถมเข้าใส่...เธอจะได้กลับบ้านไหมหนอ...เป็นคำรำพึงถามในใจที่ตัวเธอไม่อาจตอบได้
“พวกนายจะไปไหน” ถามออกมาเพราะอดรนทนไม่ไหว
“ไปเที่ยวมั้ง”
มิลินเหลียวหน้ามองคนตอบตาโตเท่าไข่ห่าน คาดไม่ถึงว่าจะได้คำตอบยียวนกวนโมโหถึงเพียงนี้ นี่เขากำลังแกล้งเธออีกใช่ไหม...ได้เลย...อยากตอบกวนมาเธอก็จะโต้กลับไป
“ทีหลังหัดถามบ้างสิว่าคนอื่นเขาอยากไปด้วยหรือเปล่า”
มิลินอมยิ้มกับอาการนิ่งอึ้งของอีกฝ่าย...เป็นไงล่ะ โดนยอกย้อนกลับ ก็อึ้งไปละสิ... จิตสำนึกกระโดดโลดเต้นกับความสะใจเล็กๆน้อยๆที่ได้รับ แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ได้ชื่อว่าเธอสามารถทำให้ผู้ชายตัวโตอย่างหัวหน้าโจรทะเลทรายเกิดอาการเอ๋อกินได้เหมือนกัน
“จะอยากรู้ไปทำไม” เขาเอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งไปพักหนึ่ง สุ้มเสียงฟังเหมือนจะรำคาญ
“ทำไมถึงจะไม่อยากรู้ล่ะ ฉันถูกจี้พาตัวมานะ ไม่ได้หนีตามพวกนายมา แล้วที่พวกนายสิ้นคิดจับตัวฉันมานี่ ต้องการอะไร เพชรทองหรือก็ไม่มีจะให้ พวกนายไม่กลัวเปลืองข้าวเปลืองน้ำหรือไง” นอกจากจะตอบ ยียวนสวนกลับ มิลินยังว่าแดกดันด้วยความหมั่นไส้
“ใครว่าสิ้นคิด พวกฉันคิดถี่ถ้วนแล้วตะหาก นอกจากเนื้อขาวๆ นุ่มๆของหญิงสาวสวยแล้ว ผู้ชายบางคนอาจสนใจอยากจะปราบผู้หญิงอวดเก่งเจ้าพยศอีกด้วย อย่างเธอนี่มีครบเกือบทุกอย่างค่าตัวคงไม่น้อยเชียวล่ะ” โจรตาดุโต้กลับเสียงเยาะหยัน
“ค่าตัว นี่นายจะขายฉันหรือ”
เสียงถามหวาดๆพาให้คนฟังยิ้มกว้าง ต่างจากคนมีค่าตัวที่นอกจากจะหุบยิ้มที่กำลังกระหยิ่มอิ่มใจในการได้ระบายความหงุดหงิดกังวลด้วยถ้อยคำเสียดสีแล้วหน้ายังซีดเผือด ใจเต้นไม่เป็นส่ำด้วยความกลัวถูกเอาไปขายในตลาดค้ามนุษย์
“คิดว่าฉันจะพามาเที่ยวชมทะเลทรายหรือไง” โจรตาดุว่าต่อ ตามด้วยเสียงหัวเราะหึในลำคอ
ความหมายในคำพูดของนายโจร จะคิดเป็นอื่นไปไม่ได้...เขาจะเอาเธอไปขาย...จิตสำนึกลืมกลัวความสูงเผ่นผลุงลงจากหลังอูฐวิ่งเตลิดหนีทันที...โอ เวรกรรม เป็นนางรำอยู่ดีๆจะถูกเปลี่ยนสถานะเป็นสินค้าเนื้อสดขายให้พวกคิดวิปริตจิตวิปลาสเอาไปย่ำยีเสียแล้ว...
