บทที่ 3 จุดเริ่มต้นของจุดเจ็บ
โชคชะตาชีวิตล้วนพลิกผันได้เสมอ แต่สุดท้ายธรรมชาติมักจะจัดสรรหนทางเตรียมพร้อมไว้ให้เราแล้ว
พีรกานต์แม้ยังเด็กแต่ก็คิดไว้เสมอว่าทุกปัญหาย่อมมีทางออก และเธอก็จะก้าวผ่านปัญหาทุกอย่างไปได้ด้วยดีเหมือนทุก ๆ ครั้ง
แต่เหตุการณ์ที่พลิกชีวิตของเธอในครั้งนั้นก็คือเหตุการณ์ที่มารดาเสียชีวิต และบิดาที่ไม่ได้พบกันนานมากแล้วปรากฏตัว
มันหนักหนาแบบที่เธอไม่คาดคิดมาก่อน ธรรมชาติช่างจัดสรรให้เธอได้เจ็บปวดหัวใจจริง ๆ
เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เธอต้องจากบ้านที่เคยอยู่ จากคนที่เธอรักและรักเธอไปอยู่ไกลถึงภาคใต้
สิ่งที่เธอกลัวที่สุดคืออยู่ ๆ บิดาที่ไม่พบหน้ามาเนิ่นนานจนเธอแทบจำหน้าไม่ได้ปรากฏตัว ท่านก็เดินทางมากรุงเทพฯ ทั้งที่โทรศัพท์คุยกันก็น่าจะเพียงพอแล้ว
พีรกานต์หวาดกลัว…กลัวว่าท่านจะพาเธอไปอยู่ด้วย และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
ตอนแรกเธอไม่ไป จะอย่างไรก็ไม่ไป แต่ท่านเอกสั่งให้เธอไป…ไปอยู่กับพ่อผู้ให้กำเนิด แต่ไม่ว่าผู้ใหญ่จะพูดอย่างไรพีรกานต์ในตอนนั้นไม่เข้าใจ ไม่มีทางเข้าใจได้หรอก
พีรกานต์เหมือนเรือที่ลอยเคว้ง หัวใจดวงน้อย ๆ บอบช้ำเกินจะทนไหว เธอเหลือแค่คนคนเดียวในชีวิตคือผู้ชายที่แสนดีกับเธอเสมอและตลอดมา บุรินทร์ เธอจึงยึดเกาะเอาเขาเป็นที่ตั้ง เอาเขาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจที่แหลกสลาย
บุรินทร์คือผู้ชายที่เธอชอบ...พี่กล้าที่ดีกับหนูนาเสมอ
ช่วงปีแรกที่จากครอบครัวที่กรุงเทพฯ ไป พีรกานต์ยังคงต้องปรับตัว เธอยังคงร้องไห้คิดถึงทั้งพี่อร น้องอิน ตาแหวนและยายสำลี คิดถึงแม่ที่จากไป และรู้สึกโกรธบิดาที่พาเธอไปอยู่ด้วย
ชีวิตที่พลิกผันส่งผลกระทบต่อจิตใจของพีรกานต์เป็นอย่างมาก แต่เธอไม่ใช่เด็กดื้อ ไม่ใช่เด็กเกเร ทุกสิ่งที่บิดาหยิบยื่นให้เธอรับมันมาด้วยความยินดี ได้กินอิ่ม ได้นอนหลับ ได้เรียนหนังสือ ได้มีชีวิตดี ๆ ที่ไม่เคยมี
แต่บนสภาพแวดล้อมดี ๆ ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นของบิดาและคุณย่า ก็ไม่อาจจะดึงรั้งให้พีรกานต์ลืมความโศกเศร้าไปได้ ก็ยังคงเป็นบุรินทร์ที่คอยพูดคุยผ่านโทรศัพท์ทางไกลกันทุกวัน
บุรินทร์ทำให้เธอหายโดดเดี่ยว ทำให้เธอคลายความเหงาลงไปบ้าง และเขาทำให้เธอรู้สึกว่าไม่ได้ถูกใครทอดทิ้งไปไหน
จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปีโดยสมบูรณ์ พีรกานต์เริ่มชินกับที่ชีวิตใหม่ที่บ้านหลังใหม่แล้ว เธอไม่โศกเศร้าแล้ว อาจจะเพราะเธอยังคงคุยกับบุรินทร์ทุกวัน มีเขาในทุก ๆ วันได้พูดคุยแลกเปลี่ยนทั้งทุกข์และสุขร่วมกัน
ความสัมพันธ์ของเราดีขึ้นและชัดเจนมากยิ่งขึ้น แม้จะห่างไกลก็ไม่ได้เป็นปัญหาเลย บุรินทร์บอกว่าเขาจะเก็บเงินเดินทางมาหาเธอ และเธอก็เฝ้ารอให้ถึงวันนั้นเร็ว ๆ
ความสัมพันธ์ดี ๆ ของเราเข้าสู่ปีที่สาม...จากนั้นบุรินทร์ก็เริ่มหายไป ไม่ตอบข้อความในทันทีเหมือนทุกครั้ง โทร. ไปก็ไม่รับ มากสุดคือตัดสายและปิดเครื่อง เราทะเลาะกันบ่อยมาก ทุกครั้งที่ได้พูดคุยกันส่วนมากคือทะเลาะกัน
เธอเริ่มเรียนไม่รู้เรื่อง เอาแต่เฝ้ากดโทรศัพท์หาเขา เฝ้ารอเขาติดต่อมา และมากกว่านั้นคือไปขออนุญาตบิดากลับมากรุงเทพฯ แต่ท่านไม่อนุญาต และเธอก็ไม่กล้าที่จะทำร้ายจิตใจท่านกับคุณย่า จึงได้แต่เฝ้ารอให้บุรินทร์ติดต่อกลับมาหา
บุรินทร์ติดต่อกลับมาจริง ๆ ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด เขาติดต่อมาวันที่เธอแอดมิตเข้าโรงพยาบาลเพราะโรคไมเกรนกำเริบ พ่วงด้วยโรคกระเพาะ
เหตุผลที่บุรินทร์หายไปเขาอธิบายว่าต้องทำงาน ไม่ว่างเลย ไม่ว่างแม้กระทั่งกดโทรศัพท์มาหาเธอสักหนึ่งสายก่อนนอน
ทุกสิ่งที่เคยทำได้ในตอนนี้เขาไม่สามารถทำให้เธอได้อีกแล้ว ขอให้เธอเข้าใจเขาด้วย
บุรินทร์บอกตัดจบประโยคโดยไม่ฟังเสียงร้องไห้คร่ำครวญของเธอ เขาขอให้เธอตั้งใจเรียน ขอให้เธอมีชีวิตที่ดี อย่ามาเสียเวลากับเขา
พีรกานต์ไม่เข้าใจ เธอขอให้เขาพูดง่าย ๆ ให้เข้าใจที บุรินทร์ตะคอกกลับมาบอกว่าชีวิตเขาในตอนนี้ต้องทุ่มเทให้กับสนามการเมือง เขากำลังจะลงเลือกตั้งส.ส.ในปีหน้า และเขาไม่มีเวลาเหลือเพื่อเธออีกแล้ว
บุรินทร์บอกว่าเธอไม่เข้าใจหรอกว่าชีวิตผู้ใหญ่มันเป็นยังไง เขาบอกว่าเธอยังเด็ก…อยากให้เธอสนใจการเรียนไม่ใช่มาสนใจเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของหนุ่มสาว
ง่าย ๆ บุรินทร์กำลังจะบอกเธอว่าเขาต้องทุ่มให้กับสนามการเมืองเพื่ออนาคตที่เหลือของเขา
สุดท้ายแล้วพีรกานต์เพียงต้องการคำอธิบายว่าทำไมเขาถึงหายไป ทำไมเขาไม่มีเวลาให้เหมือนเดิม เธอไม่ได้ต้องการโดนบอกเลิก แต่บุรินทร์ตอบกลับมาว่า
‘เราไม่เคยคบกัน…เราไม่เคยคบกันหนูนา พี่ขอละตั้งใจเรียนเพื่ออนาคตของหนูนาเอง’
‘เมื่อหนูนาโตขึ้นจะรู้ว่า ในบางครั้งเราต้องเสียสละบางสิ่งเพื่อบางอย่าง แม้ว่าเราจะไม่อยากทิ้งมันเลยก็ตาม’
พีรกานต์เข้าใจทุกอย่างหลังจากฟังบุรินทร์พูดจบ
เธอเป็นเพียงบางสิ่งที่เขาทอดทิ้งเพื่อบางอย่าง...
เสียสละ...บุรินทร์คงอยากให้เธอเสียสละเขาไป ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก
บุรินทร์ต้องการให้เธอเสียสละเพื่อบางสิ่งที่เขาต้องการ
ความสบายใจที่จะไม่โดนตอแย และอนาคตใหม่ที่ไม่มีเธอ
