บทที่ 4 ไม่ขอข้องเกี่ยว
“เย็นชาชะมัดเลย…”
“ก็ไม่นะ”
ทั้ง ๆ ที่ดวงตาก็มองเห็นว่าบุรินทร์เดินเลี้ยวเข้ามาเพื่อจะเดินมาเข้าลิฟต์กับเรา แต่พีรกาน์ก็กดปุ่ม CLOSE ปิดประตูลิฟต์ในทันที ในจังหวะที่ตาสบตาพีรกานต์ทอดสายตาไร้เยื่อใยมองบุรินทร์ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง
หลังจากตอบคำถามเพื่อนสนิทเสร็จ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความที่อินอรพิมพ์ไว้ให้อีกครั้งพร้อมกับบอกเลขห้องพักของตาแหวนให้อธิปทราบอีกที
อธิปผ่อนลมหายใจเงยหน้าขึ้นมองตัวเลขดิจิทัลของกล่องสี่เหลี่ยมทะยานพาเราขึ้นไปสู่ชั้นบนของโรงพยาบาล มาถึงกรุงเทพฯ แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็รู้สึกเหนื่อยราวกับทำงานมาทั้งวัน เขาจึงเหลือบสายตาไปมองพีรกานต์ก็เห็นว่าเธอก็มองเขาอยู่เช่นกัน
“โทษทีนะพามาเจออะไรไม่รู้” เมื่อออกจากลิฟต์พีรกานต์ก็เอ่ยประโยคนั้นกับเขา แม้จะเป็นคำพูดที่ดูจะธรรมดา แต่อธิปรับรู้ได้ถึงความเกรงอกเกรงใจของเธอ
“คิดมากไปได้ ไปเถอะไปหาผู้มีพระคุณของแก วันนี้วันรวมญาติเลยปะ” อธิปตอบออกไปอย่างที่ใจคิดไว้จริง ๆ เขาไม่ใช่คนคิดมากไม่เช่นนั้นก็คงไม่ตัดสินใจเดินทางมาพร้อมเธอ
เราสองคนมีงานที่ต้องมาจัดการที่กรุงเทพฯ อธิปก็ยินดีจะมากับพีรกานต์ก่อนล่วงหน้าอาทิตย์หนึ่งเพราะเขาไม่อยากให้เธอต้องเดินทางมาที่นี่คนเดียว
พีรกานต์เม้มมุมปากพยักหน้าให้เพื่อน มือข้างหนึ่งของเธอวาดมาด้านหลังอธิปก่อนจะตบแผ่นหลังกว้างเป็นการแสดงความขอบใจไปทีหนึ่ง สำหรับเธอและอธิปเราไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกันเยอะแยะมากมาย
ถ้าพูดถึงผู้มีพระคุณในชีวิตของอธิปก็คงจะมีแค่พ่อกับแม่ที่จะนับเป็นผู้มีพระคุณได้ แต่ในชีวิตพีรกานต์เพื่อนเขาคนนี้ ผู้มีพระคุณในชีวิตเธอช่างมากมายเหลือเกิน
อธิปรู้จักพีรกานต์ช่วงมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง กว่าเราจะสนิทกันก็ช่วงขึ้นมหาวิทยาลัยปีสอง เราสองคนเคยจับเข่าคุยกันว่าเราสนิทกันตอนไหน คำตอบที่พอจะนึกได้คือไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีเราก็สนิทกันมากพอที่จะพูดคุยกันทุกเรื่องได้แล้ว
แม้กระทั่งเรียนจบเราก็เลือกที่จะฝึกงานและทำงานที่เดียวกัน จนถึงปัจจุบันด้วยความที่ตัวติดกันตลอดก็มักจะโดนคนอื่นมองว่าเรามีซัมติงกัน เป็นแฟนกันหรือไม่ก็ Friends with benefits คนก็คิดกันไปถึงขนาดนั้น
แต่เราสองคนรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของเรา…หากมันจะพัฒนามันก็คงพัฒนานานแล้ว คงไม่ปล่อยผ่านล่วงเลยมาจนถึงวันนี้
เพราะฉะนั้นหากนับว่าสนิท อธิปมั่นใจว่าตัวเขาเองสนิทกับพีรกานต์แบบที่เธอจะถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตให้เขาฟังอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ
ทั้งเรื่องการเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อเยี่ยมผู้มีพระคุณคือตาแหวนที่โรงพยาบาลในวันนี้ หรือเรื่องของผู้ชายที่ชื่อบุรินทร์นั่นก็ด้วย
“วันนี้จะได้เจอน้องอินไหม?”
หลายครั้งที่น้องอิน VDO CALL คุยกับพีรกานต์ อธิปก็มักจะอยู่ด้วยเสมอ เขาจึงมีโอกาสได้คุยกับเด็กหญิงบ่อยครั้ง และมันก็กลายเป็นความสนิทสนมโดยไม่รู้ตัว
“เลิกเรียนคงจะตามมา ตาแหวนผ่าเสร็จพอดี ขากลับเรากลับกันเองนะ”
อธิปรู้ทุกอย่าง…รู้ว่าผู้ชายคนนั้นใจร้ายกับพีรกานต์อย่างไรบ้าง หางตาของชายหนุ่มเห็นแล้วว่าบุรินทร์ขึ้นลิตฟ์และเดินตามมาอย่างรวดเร็วแบบที่ไม่กี่สิบก้าวก็น่าจะเดินทันเราสองคน
มือหนาของอธิปจึงแตะที่สะโพกของพีรกานต์พร้อมกับเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยที่ตาแหวนนอนพักรอเวลาผ่าตัดอยู่ เขาดันเธอเข้าไปด้านใน ก่อนจะหันกลับไปมองบุรินทร์ที่หยุดยืนล้วงกระเป๋ามองเขาจากมุมเดิม
ริมฝีปากหยักของอธิปยกยิ้มแพรวพราวพร้อมกับค้อมศีรษะให้บุรินทร์อย่างสุภาพ
