บทที่ 2 ชีวิตของพีรกานต์
ตั้งแต่จำความได้พีรกานต์เติบโตมากับมารดา ท่านเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและทำงานอยู่ในโรงโม่หินจังหวัดสระบุรี พีรกานต์เติบโตที่นั่น ชีวิตก็เรียกว่าโตมาแบบลุ่ม ๆ ดอน ๆ
แม่เลิกงานมาก็กินเหล้า เช้ามาก็ลุกไปทำงานเย็นมาก็กินเหล้า มีเงินทีก็ดีกับลูกที เงินหมดก็ตีลูกระบายอารมณ์
โรงเรียนได้ไปบ้างไม่ได้ไปบ้างแล้วแต่ว่าแม่จะมีเงินให้เธอไปโรงเรียนไหม
เจ้านายของแม่จะไล่ออกก็ห่วงว่าเด็กผู้หญิงอย่างเธอจะไปอาศัยอยู่ที่ไหน แม่เมาเหล้าแทบจะดูแลตัวเองไม่ได้ และพีรกานต์ก็กำลังโตขึ้นทุกวัน
เด็กหญิงจึงได้รับการอุปการะจากภรรยาเจ้านาย ท่านบอกว่ามีงานให้ทำเงินดีด้วย แต่ต้องไปทำงานที่กรุงเทพฯ
ตอนแรกพีรกานต์ก็ไม่อยากไป แต่เมื่อรู้จำนวนเงินเดือนที่จะได้รับเธอก็ตัดสินใจเดินทางมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ทันที เพราะมันดีกว่าอยู่ที่นี่เป็นไหน ๆ และมันอาจจะทำให้เธอและแม่ลืมตาอ้าปากได้
งานดี ๆ ที่ว่าคือพีรกานต์มาเป็นพี่เลี้ยงให้กับน้องอินลูกสาวของอินอร หรือ พี่อร
พีรกานต์ส่งเงินกลับบ้านได้ไม่กี่เดือนแม่ก็ขอตามมาอยู่กรุงเทพฯ ด้วย ตอนนั้นท่านมีสามีใหม่แล้ว ทั้งคู่จะมาหางานทำที่กรุงเทพฯ
ซึ่งแม่และพ่อเลี้ยงไม่มีทางมาอาศัยอยู่กับเธอได้เพราะพีรกานต์อาศัยอยู่กับอินอร ที่บ้านทาวน์โฮมที่เอกณัฐ หรือ ท่านเอก ซื้อเอาไว้และมันไกลออกมาจากชุมชนที่แม่อยู่
มารดาของเธอจึงมาอาศัยอยู่ในชุมชนร่วมใจทำดี เป็นชุมชนที่ครอบครัวตาแหวนและยายสำลีอาศัยอยู่นั่นแหละ ยายสำลีเป็นคนจัดการเรื่องบ้านเช่าให้
พีรกานต์มีงานประจำทำคือเป็นพี่เลี้ยงให้ลูกสาวส.ส.คือท่านเอกก็จริง แต่ก็ใช่ว่าเงินเดือนจะชักหน้าและถึงหลังอย่างที่ใฝ่ฝัน เพราะเงินที่หามาได้แต่ละบาทก็ต้องแบ่งเอามาให้แม่กินใช้ และสามีใหม่ของแม่ก็มีลูกติดวัยเด็กมาด้วยกันอีก
เมื่อเงินเดือนพี่เลี้ยงเด็กไม่พอใช้ หลังจากว่างไม่ได้เลี้ยงน้องอิน เธอจึงหารับจ้างงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชุมชนทำ ซึ่งก็ได้ความกรุณาจากยายสำลีเป็นคนช่วยหางานให้
และโชคก็เข้าข้างอีกครั้ง เมื่ออินอรถามเธอว่าอยากรับจ๊อบเพิ่มเป็นพนักงานในร้าน ข้าวแกงสูตรคุณย่า ของอินอรไหม
พีรกานต์ตอบตกลงทันทีเพราะน้องอินก็เริ่มโตจะเข้าโรงเรียนได้แล้ว ส่วนเธอก็ต้องเรียนหนังสือด้วย
พีรกานต์ทั้งขยันและอดทนแถมยังเป็นเด็กผู้หญิงรักดีที่รักแม่มาก ส่วนแม่ได้เงินจากลูกแล้วก็เอาไปให้ผัวกินเหล้า พอเงินหมดผัวก็กลับมาตีเมีย ชีวิตวนเวียนแบบนี้ไปเป็นปี ๆ
พีรกานต์ห่วงแม่ บอกให้แม่เลิกกับพ่อเลี้ยงแต่แม่ก็ไม่ยอมเลิก ส่วนตัวเธออยู่กับครอบครัวเอกณัฐและอินอรแล้ว เข้ามายุ่งตรงนี้มากก็ไม่ได้ เธอไม่ได้อยากให้พ่อเลี้ยงเดือดร้อนเพราะแม่ก็จะเดือดร้อนไปด้วย
หากเธอสร้างความเดือดร้อนให้พี่อร ท่านเอกคงจะไม่ได้ให้เธอเลี้ยงน้องอินอีก พีรกานต์จึงไม่กล้าอ้าปากพูดเรื่องนี้กับพี่อรเลย
ตาแหวนยายสำลีที่อยู่ชุมชนเดียวกับแม่คอยเป็นตัวแทนคอยส่งข้าวส่งน้ำให้แม่แทนเธอ พวกท่านสงสารแม่เธอรวมถึงน้องตัวเล็ก ๆ ลูกติดของพ่อเลี้ยงที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย
เพราะฉะนั้นสำหรับพีรกานต์แล้วนอกจากอินอรและเอกณัฐ ตาแหวนยายสำลีคืออีกหนึ่งผู้มีพระคุณในชีวิตของเธอ
จากเด็กผู้หญิงที่ตัวผอมกะหร่อง เสื้อผ้ามอม ๆ ธรรมดา พอได้มาอยู่ใกล้ชิดกับครอบครัวท่านส.ส. พีรกานต์ได้ชีวิตใหม่เป็นเหมือนลูกสาวคนโตของเอกณัฐ เป็นเด็กผู้หญิงอายุสิบห้าที่ไม่มีใครกล้าแตะต้องอีก
และในช่วงชีวิตตอนนั้นก็ทำให้เธอได้พบกับ บุรินทร์ ผู้ชายที่ทำให้เธอรู้จักว่าความรักคืออะไร และการเสียสละคืออะไร
