บทที่ 1 ลับฝีปาก
รถตู้ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลแถวถนนประชาชื่น การเดินทางใช้เวลาตามรายงานแผนที่นำทางคือสี่สิบนาทีโดยประมาณ
บรรยากาศภายในรถตู้เงียบกริบมีเพียงเสียงลมจากเครื่องปรับอากาศเท่านั้น
พีรกานต์กลัวว่าเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ด้านหน้ารถจะนั่งไม่ค่อยสบายหรืออึดอัดตรงไหนหรือเปล่า เพราะมันไม่ได้มีแค่เพื่อนเธอเท่านั้น แต่มีลูกน้องตัวใหญ่ของบุรินทร์นั่งข้างกันอีกคน เท่ากับด้านหน้านั่งสามคนรวมคนขับรถ
เธอจึงส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือไปถามเพื่อน และก็ได้คำตอบว่า ‘โอเค’ กลับมาซึ่งพีรกานต์ก็รู้สึกดีขึ้น เลิกห่วงกังวลแทนเพื่อนไป
“คนขับรถมันตีนผี หยุดเล่นโทรศัพท์ถ้าไม่อยากปวดหัว”
บุรินทร์เห็นคาตาว่าหญิงสาวกดเข้าแอปพลิเคชันสีเขียว ก่อนจะพิมพ์ข้อความลงไปในโทรศัพท์มือถือ และไอ้คนที่นั่งอยู่ด้านหน้าก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดพิมพ์ข้อความเช่นกัน
เสียงพิมพ์จากคีย์บอร์ดในโทรศัพท์มันลั่นขนาดนั้น! หากใครไม่โง่ก็รู้ได้ทันทีว่าสองคนนี้กำลังส่งข้อความคุยกันอยู่!
“ชินแล้วค่ะ ขอบคุณที่บอก”
“ถ้าปวดหัวก็อย่ามาร้องหากอเอี๊ยะแล้วกัน เพราะเดี๋ยวนี้ไม่มีใครเขาใช้กันแล้ว”
บุรินทร์คิดว่าพีรกานต์จะตอบกลับอะไรมาตามนิสัยเดิมที่ชอบสวนทันควัน แต่ผิดคาดเพราะมีแต่ความเงียบงัน
ชายหนุ่มจึงหันไปมองก็พบว่าเธอหยิบไอแพดมาเปิดและขีดเขียนอะไรในจอทำราวกับว่าไม่มีอะไรที่คุยทิ้งไว้กับเขา
พีรกานต์ไม่ถือสาหาความบุรินทร์ หรืออีกนัยหนึ่งคือเธอไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืด
การที่บุรินทร์ขุดคุ้ยเรื่องในอดีตมาพูดตรงนี้ พีรกานต์มองความตั้งใจของเขาออกในทันที เหมือนว่าความสามารถพิเศษตั้งแต่เรียนจบเรื่องอ่านคนขาดจะทำงานได้ดี
ในอดีตสมัยตอนเด็กหากพีรกานต์ปวดหัวอย่างแรกที่วิ่งหาไม่ใช่ยาแก้ปวดจำพวกพาราเซตามอล แต่ต้องวิ่งหากอเอี๊ยะมาแปะ และก็เป็นบุรินทร์นั่นแหละที่หามาให้
“ผู้ใหญ่พูดด้วยไม่พูดด้วย มารยาททนายความ…”
บุรินทร์เอ่ยออกมาไม่ทันจบประโยค คนข้าง ๆ ก็หันทั้งตัวไปหาคนพูดเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาก็หันไปหาเธอเช่นกัน
“นาไม่ตอบเพราะไม่รู้จะพูดอะไรค่ะ ถ้าคุณกล้าจะเอามารยาทในอาชีพของนามาเหมารวม นาคิดว่าส.ส.ก็ควรมีมารยาทเหมือนกันนะคะ”
มุมปากของคนที่โดนเธอตอกกลับแบบหน้าหงายยกขึ้น บุรินทร์คิดว่าถึงโรงพยาบาลคงไม่ต้องผ่าตัดตาแหวนแล้วละ คงต้องผ่าตัดเย็บหน้าเขาแทน!
บุรินทร์รู้สึกว่าหัวใจมันครื้นเครงชอบกล แต่ภายในรถตู้คันนี้บรรจุคนเกือบสิบชีวิตกลับรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกโดยเฉพาะพวกลูกน้องของบุรินทร์ที่ไม่เคยพบเคยเจอเหตุการณ์แบบเมื่อครู่นี้มาก่อน
“เอาเถอะ…ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด ฉันไม่บังคับใจใครอยู่แล้ว”
“ขอบคุณค่ะ”
หลังจากนั้นไม่มีการสนทนาอะไรกันอีกจนถึงโรงพยาบาล และพีรกานต์ก็เดินนำหน้าบุรินทร์ไปยังห้องพักตาแหวนที่อินอรแจ้งเธอมาในข้อความ โดยที่หญิงสาวไม่รอบุรินทร์เพื่อเดินไปพร้อมกัน
เหมือนว่าเขามีหน้าที่แค่มารับเธอมาส่งที่โรงพยาบาลเท่านั้น แท็กซี่??
หลายบุคคลที่อาศัยรถคันนั้นมากับเจ้านายมีความรู้สึกเดียวกันคืออึ้งกิมกี่!
เจ้านายคนเดิมที่อะไรไม่เข้าหูเข้าตา หากพูดอยู่แล้วเถียงแทรกขึ้นมาคือมีเรื่อง! อะไรกระแทกนิดกระแทกหน่อยเป็นไม่ได้!
แต่วันนี้! พอโดนสาวหน้าสวยซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ตอกหน้ายุบ หลอกด่าด้วยคำพูดสารพัด เจ้านายกลับทำเหมือนตามใจ อยากจะพูดอะไรท่านกล้าก็จะฟัง...
อารมณ์ดีเกินไปแบบนี้โลกมันพลิกกลับด้านหรือยังไง!