บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

เมื่ออาหารเริ่มทยอยมาเสิร์ฟบทสนทนาของธิดาและมิณทร์จึงหยุดลงก่อนชั่วคราว ชายหนุ่มตักอาหารให้แม่ก่อนจะเผื่อแผ่มายังจานของดารัณด้วยเช่นกัน

“ขอบคุณค่ะ”

“นึกว่าจะไม่ได้ยินเสียงเสียอีก” มิณทร์เอ่ยแซวขึ้น

“กินข้าวกันเถอะ” ธิดารีบเบรกนั่นเพราะกลัวลูกชายตัวดีพูดแขวะใส่ดารัณนั่นเอง แต่มิณทร์ก็ไม่วายเอ่ยอีกประโยค

“แล้วจะกินทั้งๆ ที่ไม่ได้ถอดหมวกถอนแมสออกเลยหรือไง”

“อ้อค่ะ” ดารัณเอ่ยรับ แต่สิ่งที่เธอถอดออกก็มีเพียงแมสเท่านั้นส่วนหมวกยังคงใส่ไว้ตามเดิม ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวเงียบๆ ปล่อยให้แม่ลูกคุยกัน ซึ่งหัวข้อที่หยิบยกขึ้นมาคุยนั้นก็มีตั้งแต่เรื่องส่วนตัวไปจนถึงเรื่องงานและเรื่องอื่นๆ ต่อให้ไม่ได้พูดหรือแสดงความคิดเห็นแต่หูของดารัณก็รับฟังทั้งคู่ตลอด

กระทั่งผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมงความหิวของธิดาและดารัณก็ได้รับการเติมเต็มด้วยอาหารแสนอร่อยที่ถูกปากทั้งสองมาก หลายเมนูจึงหมดเกลี้ยงจนมิณทร์ยังทึ่งที่กินกันหมด บางเมนูที่ไม่ค่อยถูกปากก็เหลือไม่มากแบบนี้คงไม่ต้องห่อกลับอย่างที่คิด

“อาหารที่นี่อร่อยไหมครับแม่” แม้หลักฐานจะมีให้เห็นแต่มิณทร์ก็เอ่ยถามขึ้น แม่เขากินจุมาแต่ไหนแต่ไรแล้วอาจเพราะต้องเก็บแรงไว้ทำงานแต่ที่คาดไม่ถึงคือดารัณเห็นตัวเล็กๆ แบบนี้แต่เวลากินก็จุใช่เล่น แถมยังก้มหน้าก้มตากินไม่พูดไม่จา ตั้งแต่เจอกันเขายังไม่ได้เห็นหน้าดารัณชัดๆ เลยด้วยซ้ำ

“อร่อยดี รสมือแม่ครัวที่นี่ใช้ได้”

“ครับ แล้วนี่แม่จะอยู่กรุงเทพฯ กี่วัน”

“พรุ่งนี้เช้าแม่ก็จะกลับแล้ว ห่วงไร่ห่วงสวนไม่อยากทิ้งมานาน”

“ผมไปส่งนะครับ” มิณทร์อาสา

“ไม่ต้อง แม่ให้โยขับรถมาให้ ตอนกลับก็คงกลับไปพร้อมกันนั่นแหละ” ได้ยินแบบนั้นมิณทร์ก็พยักหน้ารับ เรื่องขับรถขับรามือขวาของแม่ที่ชื่อว่าโยคือคนที่ไว้ใจได้ที่สุดแล้ว ขึ้นเหนือล่องใต้พาไปได้หมดขอแค่น้ำมันเต็มถังเป็นพอ

อย่างตอนที่ดารัณไปเรียนต่อที่เชียงใหม่ ก็ได้โยนี่แหละที่ขับรถพาแม่เขาไปหาเธอถึงที่นั่นบ่อยๆ ไปบ่อยกว่ามาหาเขาที่กรุงเทพฯ เสียอีก เพราะแบบนั้นไงเขาถึงอดคิดไม่ได้ว่าใครกันคือลูกแท้ๆ ใครกันคือลูกบุญธรรมกันแน่

“แต่ถ้าพรุ่งนี้มิณทร์ว่างก็ช่วยสอนน้องขึ้นรถไฟฟ้าหน่อยได้ไหม ไปไหนมาไหนม่อนจะได้สะดวก” ธิดาเอ่ยบอกทำให้ดารัณที่ก้มหน้าอยู่ลืมตัวรีบเงยหน้าขึ้นมาพูดแย้ง

“ไม่เป็นไรค่ะแม่ พรุ่งนี้ม่อนนัดโมนาไว้แล้ว” นั่นจึงทำให้มิณทร์ได้เห็นหน้าและได้สบตากับเธอเป็นครั้งแรก เรียกได้ว่าครั้งแรกในรอบหลายๆ ปีก็คงไม่ผิด

มิณทร์พึ่งรู้ก็วันนี้นี่เองว่าดารัณมีดวงตากลมโตและสวยกว่าที่คิดทั้งๆ ที่ตอนเด็กเธอตาชั้นเดียวซึ่งคงเพราะความอ้วนมั้งแก้มมันเลยขึ้นไปเบียดตาให้เป็นแบบนั้น ใบหน้าที่เคยดำคล้ำจนถูกเด็กๆ แถวบ้านเรียกว่าอ้วนดำเวลานี้ก็ขาวผ่องและเรียวเล็กเท่ากับฝ่ามือของเขาด้วยซ้ำ จมูกโด่งรั้นรับกับริมฝีปากอมชมพูนั่น มิณทร์ถึงกับถามตัวเองว่ายัยเด็กขี้เหร่คนเก่าหายไปไหนแล้ว

“อ๋อ…หนูโมนาเพื่อนสนิทม่อน งั้นก็…”

“พรุ่งนี้ผมว่างทั้งวันครับ” มิณทร์ออกตัวแต่ดารัณก็ยังคงแย้งกลับมา กระทั่งนึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ได้ใส่แมสจึงรีบคว้าออกมาใส่ แต่เหมือนจะไม่ทันการเสียแล้ว

“ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ คือม่อนเกรงใจอีกอย่างม่อนไปกับเพื่อนสนิทสะดวกกว่า” ดารัณเอ่ยบอกอย่างตรงไปตรงมา เพราะหากมัวแต่อ้ำๆ อึ้งๆ ก็กลัวว่าพรุ่งนี้จะได้ไปกับมิณทร์เข้า

“งั้นก็ตกลงตามนี้แล้วกัน”

“ครับ” โทนเสียงของมิณทร์นั้นดูห้วนเล็กน้อยเพราะถูกดารัณปฏิเสธทั้งๆ ที่เวลาของเขามีค่าและไม่เคยให้ใครง่ายๆ ผิดกับตอนเด็กเพราะทุกครั้งที่เธอเห็นว่าเขาไปไหนก็จะตามติดไปเป็นเงา ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไปจนเขาระอา เอาแต่เรียกพี่มิณทร์ พี่มิณทร์อยู่ได้ทั้งวี่ทั้งวัน

ผ่านไปชั่วโมงเศษๆ ทั้งสามก็กลับมาที่คอนโดมิเนียม มิณทร์ขึ้นไปส่งแม่และดารัณบนห้องพักซึ่งเธออยู่ชั้นล่างเขา แต่นับชั้นดูแล้วก็ห่างกันแค่ห้าชั้นเท่านั้นเอง

ห้องที่แม่ของเขาเลือกซื้อนั้นเป็นแบบหนึ่งห้องนอนมีห้องนั่งเล่นห้องครัวในตัว ขนาดของตัวห้องพอดีสำหรับการพักอาศัยคนเดียวส่วนเขาเลือกซื้อแบบสองห้องนอนพื้นที่ใช้สอยจึงมากกว่าเกือบเท่าตัว ข้อดีอีกหนึ่งข้อของที่นี่คือเพดานค่อนข้างโปร่งนั่นทำให้อยู่แล้วไม่อึดอัดและใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าแค่ไม่กี่สิบร้อยเมตร แต่ความสะดวกสบายก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่ค่อนข้างแพง

เมื่อส่งแม่และดารัณเสร็จแล้วมิณทร์จึงขอตัวกลับ แต่เพราะเขาไม่มีคีย์การ์ดชั้นที่ดารัณพักเธอจึงต้องออกไปส่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยระหว่างนั้นทั้งสองก็ไม่ได้คุยอะไรกันแม้แต่ประโยคเดียว มิณทร์ทำท่าทางเหมือนจะถามแต่ก็ไม่ถามในขณะที่ดารัณก็เงียบและอยู่ให้ห่างอีกฝ่ายเข้าไว้

“ไม่สบายหรือไง ทำไมต้องใส่แมสตลอดเวลา” จู่ๆ ประโยคคำถามก็ดังมาจากมิณทร์ คนถูกถามแม้จะตกใจแต่ก็เอ่ยตอบโดยไม่ได้มีท่าทีลังเลให้เห็นแม้แต่น้อย

“ค่ะ”

“มีเบอร์โทรศัพท์พี่อยู่ใช่ไหม”

“ไม่มีค่ะ” คำตอบของดารัณทำให้มิณทร์ชะงักไปนั่นเพราะคิดเองว่าเธอต้องมีเบอร์โทรศัพท์เขาแน่ๆ แต่คำตอบที่ได้กลับผิดคาดจนทำเขาหน้าแตกแต่ก็ยังเก๊กไว้

“งั้นเอาโทรศัพท์ม่อนมา”

“เอาไปทำไมคะ” ดารัณเอ่ยถามทั้งๆ ที่พอจะรู้ความหมายของอีกฝ่าย

“จะได้เซฟเบอร์โทรพี่ให้” เมื่อได้ยินแบบนั้นดารัณก็แกล้งหาโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ทั้งๆ ที่เธอตั้งใจวางไว้ในห้องตั้งแต่แรก

“ม่อนน่าจะลืมหยิบมา”

“งั้นเอานี่ไป นามบัตรพี่ ก่อนเข้านอนโทรมาเบอร์นี้พี่จะได้เซฟชื่อเราไว้ เผื่อมีเหตุฉุกเฉินจะได้ติดต่อกันได้สะดวก”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel