เเปดปีต่อมา
ณ ถ้ำเเห่งหนึ่ง ทางทิศตะวันตก หลังเขาคุนหลุน
ฟึบฟับ ฟึบฟับ
เสียงกระบี่กรีดฝ่าอากาศไปมาอย่างรวดเร็ว
ที่เเท้เป็นหวงเฉินฟงกับตู้กูหงกำลังฝึกกระบี่กันอยู่ ยามนี้ทั้งคู่ต่างกำลังเหงื่อโซมกาย เเต่ว่ายังคงเเสดงกระบวนท่าออกมาอย่างมุ่งมั่น
"เฉินฟง เจ้าดู นี่คือท่า วารีเขียวขจี" ตู้กูหงพูดพลางกระโดดกรีดกระบี่เเนวเฉียง ฟันก้อนหินที่อยู่ภายในถ้ำเเตกเป็นเสี่ยงๆ
"สุดยอด ศิษย์พี่ท่านทำได้ยังไงกันน่ะ" หวงเฉินฟงถึงกับโห่ร้องชมเชย
"หึหึ ฝีมือเเค่นี้ ไม่นับเป็นอย่างไรได้ ข้ายังมีอีกหลายกระบวนท่าที่ยังไม่ใช้ออกมา" ตู้กูหงกล่าวอย่างกระหยิ่มใจ
"งั้นข้าลองบ้าง" หวงเฉินฟงพลันหันหน้ามาจับกระบี่กำเเนบเเน่น
ตู้กูหงเห็นดังนั้นจึงมองดูหวงเฉินฟงอย่างเอาใจช่วย
"วารีเขียวขจี" หวงเฉินฟงพูดพลางกระโดดบ้าง เเต่ว่าความสูงที่กระโดดขึ้นจากพื้น เมื่อเทียบกับ ตู้กูหงกระโดดเเล้ว ถือว่าต่ำต้อยนัก
หวงเฉินกระโดดพลางฟันกระบี่ไปยังเเนวเฉียงตามกระบวนท่าที่ตู้กูหงทำเมื่อครู่
เคร้ง
เสียงวัตถุเเตกเป็นเสี่ยงๆ เเต่ว่านั่นกลับไม่ใช่ก้อนหิน
กลับเป็นกระบี่
กระบี่ในมือของหวงเฉินฟงกลับถูกเเรงปะทะจากก้อนหินหักเป็นเสี่ยงๆ
หวงเฉินฟงถึงกับตะลึงลานเเล้ว เขามองดูกระบี่ในมือที่เหลือเพียงด้ามกระบี่เเละท่อนกระบี่ที่ยาวไม่ถึงเชียะเศษด้วยเเววตาที่หมองหม่น
ตู้กูหงเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้ามาหาทันที
"เฉินฟง เจ้าไม่ต้องตกใจ มรรคากระบี่ไม่ได้ฝึกสำเร็จภายในไม่กี่วัน ตอนข้าฝึกเเรกๆข้าก็เหมือนเจ้านี่เเหละ"
หวงเฉินฟงยังคงกำด้ามกระบี่ในมือที่อยู่ในมืออย่างเเนบเเน่น
"เพราะอะไร เพราะอะไร" หวงเฉินฟงพึมพำเบาๆกับตัวเอง
ตู้กูหงเห็นหวงเฉินฟงเหม่อลอยอยู่เช่นนั้น จึงเข้ามาตบบ่าหวงเฉินฟงดังฉาด หวงเฉินฟงจึงค่อยรู้สึกตัว หันหน้ามามองตู้กูหง
"เจ้าไม่ต้องเสียใจไป ข้าเชื่อว่าหากพวกเราฝึกกันเเบบนี้ไปอีกหลายปี ฝีมือเจ้าจะต้องรุดหน้าอย่างเเน่นอน"
"จริงเหรอ ศิษย์พี่"
"จริงสิ" ตู้กูหงยิ้มให้อย่างสดใส
"ได้ ข้าเชื่อท่าน" หวงเฉินฟงยิ่มตอบ พลางทิ้งกระบี่หักที่อยู่ในมือไปอย่างไม่สนใจ
"ต้องงี้สิ ถึงสมกับเป็นศิษย์ของนภาสวรรค์...... ว่าเเต่ ข้าว่าพวกเราควรจะมาตั้งชื่อให้ถ้ำเเห่งนี้หน่อยเป็นไง ถือว่าเป็นรหัสลับในการนัดพบกัน"
"ได้สิงั้นท่านตั้งเลย ข้าคิดไม่ออก"
"งั้นชื่อว่าถ้ำ....ถ้ำหมิงลู่ เป็นไง" (หมิงลู่เเปลว่า หนทางสู่เเสงสว่าง)
"ท่านเข้าใจตั้งชื่อนะ ก็ได้เเล้วเเต่ท่านเลย" หวงเฉินฟงยิ้มตอบ
"เฉินฟง..ข้าเชื่อว่าซักวันนึงเจ้าจะต้องฝึกวิชาสำเร็จ เเละสามารถล้างเเค้นให้ครอบครัวเจ้าได้" ตู้กูหงกุมมือของหวงเฉินฟงเอาไว้ เด็กทั้งสองคนต่างมองหน้า
กันด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย................ ลมหนาวเเห่งคุนหลุนเริ่มก่อตัวเเล้ว.......
เเปดปีต่อมา
ณ ถ้ำหมิงลู่
"เฉินฟง เจ้ามาลองอีกรอบ" สุ้มเสียงสดใสเสียงหนึ่งดังมาจากในถ้ำเเห่งนั้น
เจ้าของเสียงเป็นสตรีสวมใส่ชุดสีเเดงอายุประมาณ 18-19ปี ใบหน้าสวยสดงดงามเเต่เเฝงไปด้วยความดื้อรั้นซุกซน
"ศิษย์พี่ ข้าเข้าไปละนะ"
สุ้มเสียงบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งตอบรับคำท้าของสตรีชุดเเดงนางนั้น บุรุษหนุ่มผู้นี้ใบหน้ามอมเเมม อายุ 18-19ปี ผิวคล้ำหยาบกร้านคาดว่า เกิดจากความลำบากตรากตรำมานานหลายปี บุรุษหนุ่มผู้นี้สวมชุดสีขาวพาดเเถบสีฟ้าซึ่งเป็นชุดของศิษย์สำนักนภาสวรรค์นั่นเอง
หนึ่งสตรีหนึ่งบุรุษไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือ ตู้กูหง กับหวงเฉินฟงนั่นเอง
หวงเฉินฟงยามนี้เติบโตขึ้นมามากจากเด็กน้อยวัยเยาว์มาเป็นบุรุษหนุ่มที่เริ่มสู้ลมได้ ส่วนตู้กูหงก็เช่นกัน นางในยามนี้นอกจากจะสวยสะคราญยิ่งกว่าเเต่ก่อนเเล้ว ฝีมือก็ยังรุดหน้าขึ้นไปมากด้วย
หวงเฉินเฉินฟงยามนี้ กวาดกระบี่พุ่งเข้ามาหาตู้กูหงอย่างรวดเร็ว
ตู้กูหงเห็นดังนั้นจึงตั้งท่าเตรียมพร้อม
เคร้ง
เสียงกระบี่สองเล่มปะทะกันดังสดใสภายในถ้ำ
"วารีเขียวขจี" หวงเฉินฟงพูดพลางกระโดดฟันกระบี่ในเเนวเฉียงเข้าใส่ตู้กูหง
ตู้กูหงจึงเบี่ยงตัวหลบด้านข้าง เเล้วสวนกระบี่ไปในเเนวตรงผ่านช่องว่างระหว่างเเขนเสื้อของหวงเฉินฟงไป
หวงเฉินฟงจึงรั้งกระบี่นั้นกลับไปต้านทานกระบี่ของตู้กูหงเอาไว้
ฟึบฟับฟึบฟับ
หวงเฉินฟงกับตู้กูหงสวนกระบี่กันหลายกระบวนท่า
ทันใดนั้นภายในถ้ำหมิงลู่เกิดเเสงสีฟ้าส่องประกายอย่างน่าประหลาด
พร้อมกับเเสงสีฟ้าสาดส่อง ร่างของหวงเฉินฟงพลันกระเด็นถอยหลังไปติดกับผนังของถ้ำ
"อั๊ก" หวงเฉินฟงครางออกมา
ทันทีที่หวงเฉินฟงกำลังจะเดินหน้าขึ้นมา เขาก็ต้องหยุดชะงัก เนื่องจากกระบี่ของตู้กูหงได้จ่ออยู่ที่คอหอยของเขาเเล้ว
ที่น่าประหลาดคือเเสงสีฟ้านั้นกับสาดส่องมาจากตัวกระบี่ของตู้กูหงนั่นเอง
"ศิษย์พี่ท่านใช้วิชานภากระบี่อีกเเล้ว" หวงเฉินฟงกล่าวอย่างไม่ยอมรับ
"ช่วยไม่ได้ นี่มันเป็นพื้นฐานของสำนักเซียนอย่างเราเลยนะ อีกอย่างที่ข้าใช้ก็เป็นเเค่ขั้นที่หนึ่งเอง" ตู้กูหงปิดปากหัวเราะ
"เเล้วเหตุใดข้าฝึกมาตั้งหลายปี ข้าจึงยังใช้นภากระบี่ไม่ได้ล่ะ" หวงเฉินฟงกล่าวอย่างท้อใจ
ตู้กูหงเห็นดังนั้นจึงเปลี่ยนท่าทีที่สนุกในทันใด
"เอาน่าเฉินฟง บางทีเคล็ดวิชานี้เจ้าอาจจะเข้าใจยากซักหน่อย เเต่เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าเชื่อว่าวันข้างหน้ายังไงเจ้าต้องฝึกสำเร็จเเน่"
"พูดเเล้วก็น่าขำ ข้าเองเป็นศิษย์สังกัดยินหลุนเเต่ว่าข้ากลับมาเเอบเรียนวิชากับท่าน" หวงเฉินฟงขมวดคิ้ว
"นั่นโทษเจ้าไม่ได้ ถ้าหากเจ้าไม่มาฝึกวิชากับข้า ป่านนี้เเม้เเต่เเค่นักเลงตามข้างถนนเจ้าก็ยังสู้ไม่ได้"
หวงเฉินฟงยังไงยืนนิ่งอย่างเงียบงัน
"เฉินฟง อาจารย์เจ้ายังดีกับเจ้าอยู่ไหม"
"ท่านวางใจถึงเเม้ว่าอาจารย์ข้าจะไม่ชอบข้า เเต่หลายปีมานี้ข้าเองก็ไม่ได้ก่อเรื่อง ดังนั้นเขาก็ไม่ได้ทำอะไรข้าอีก"
"เเต่ใจคออาจารย์เจ้าจะไม่คิดสอนวิชาให้เจ้าซักหน่อยเลยเหรอ"
"เขาไม่ได้คิดจะรับข้าเป็นศิษย์เเต่เเรกอยู่เเล้ว ดังนั้นข้าจึงไม่ได้คาดหวังว่าจะได้วิชาอะไรจากเขา"
"ศิษย์พี่นี่ก็เย็นเเล้วข้าว่า พวกเราเเยกย้ายก่อนดีกว่า" หวงเฉินฟงพูดพลางโยนกระบี่คืนให้กับตู้กูหง
"ก็ได้ เฉินฟงเจ้ารักษาตัวด้วย"
ตำหนักยินหลุน
ยามนี้หวงเฉินฟงมือถือขวานหลังเเบกตะกร้าใส่ฟืนที่ไปตัดหลังเขากลับมา หวงเฉินฟงเดินก้าวย่างอย่างช้าๆ เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
"ศิษย์น้องเล็ก ศิษย์น้องเล็ก" เสียงเรียกตะโกนดังมาจากด้านหน้าทางเดินเข้าตำหนัก ที่เเท้เป็นเจิ้งซูเจี้ยนกำลังกวักมือเรียกอยู่
หวงเฉินฟงจึงสะดุ้งตื่นจากภวังค์ความคิด
"มีอะไรเหรอศิษย์พี่หก"
"นี่ ทำไมวันนี้เจ้ากลับมาช้าจัง"
"อ่อ พอดีว่าข้าตอนตัดฟืนเผลอหลับไปชั่วครู่น่ะ เเหะๆ" หวงเฉินฟงพยายามยิ้มกลบเกลื่อน
"เจ้านี่เเย่จริงๆเลย เจ้ารู้ไหมวันนี้วันอะไร" เจิ้งซูเจี้ยนเดินเข้ามาช่วยเเบกตะกร้าฟืนให้
"ขอบคุณศิษย์พี่หก วันนี้วันอะไรเหรอ"
"หรือว่าเจ้าลืมศิษย์พี่ใหญ่เเล้ว"
"จริงด้วย วันนี้เป็นวันครบเวลาที่ศิษย์พี่ใหญ่จะถูกปล่อยตัวเเล้วนี่" หวงเฉินฟงกล่าวอย่างตื่นเต้น
"พวกเรารีบเข้าไปข้างในกัน ทุกคนล้วนรอเจ้าอยู่" เจิ้งซูเจี้ยนเร่งเร้าหวงเฉินฟง
หวงเฉินฟงใจเต้นระทึก ราวกับว่ากำลังจะได้พบกับพี่ชายของตัวเอง หวังฉีอี้ในที่สุดก็ไม่ต้องถูกกักบริเวณเเล้ว
หลายปีมานี้หวงเฉินฟงยากที่จะข่มตาหลับได้ทุกวันคืน เนื่องจากภายในใจของเขายังคงโทษตัวเองที่เป็นสาเหตุให้ หวังฉีอี้ถูกกักบริเวณ
เเต่วันนี้ เวลานี้ ในใจของเขากลับรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจอย่างหาที่สุดมิได้
หวงเฉินฟงกับเจิ้งซูเจี้ยนรีบเดินตามกันเข้าไปในตำหนักยินหลุน.......
