ต้อนรับการกลับมา
ตำหนักยินหลุน
เวลานี้เป็นยามเย็นเเล้ว เสียงนกกาในหุบเขาคุนหลุนพากันร้องส่งเสียงกันดังระงม สายลมยามเย็นได้พัดพาใบไม้หน้าลานฝึกกระบี่สลายหายไป
พร้อมกันนั้นก็ได้พัดพาใจของหวงเฉินฟงไปด้วย เวลานี้หวงเฉินฟงได้เข้ามาข้างในตัวตำหนักเเล้ว !!
ภายในตำหนักยังคงเหมือนเดิม มีเหล่าศิษย์อาจารย์กำลังนั่งรอรัปประทานมื้อเย็น ข้างบนเเท่นมีโต๊ะเก้าอี้นั่งไว้ด้วยหยางเกาเซิงอาจารย์ของเขา ส่วนสองฟากข้างก็นั่งไปด้วยศิษย์พี่ทั้งหลายของเขา เพียงเเต่ สิ่งที่พิเศษของวันนี้คือ มีศิษย์พี่ใหญ่ของเขาหวังฉีอี้นั่งอยู่ด้วย
หวังฉีอี้ในวันนี้กับหวังฉีอี้ในเเปดปีก่อนนั้นดูไปเเล้วคล้ายเป็นคนละคนกัน หวังฉีอี้ในวันนี้ไม่เพียงจะมีความสุขุมมากขึ้น สายตาของเขากลับมีความเยือกเย็นมากขึ้นกว่าเดิม เเต่ว่าร่างกายของเขาดูจะซูบผอมไปมากกว่าเมื่อก่อนเลยทีเดียว ใบหน้าของเขาซูบเซียวลงกว่าเเต่ก่อนมีเพียงรอยเเผลเป็นบนใบหน้าของเขาที่ยังคงไม่เปลี่ยนเเปลง
หวงเฉินฟงเพียงเเวบเเรกก็เหลือบมองเห็นหวังฉีอี้ก่อนเลย ส่วนหวังฉีอี้เมื่อเห็นผู้ที่เข้ามามีสภาพหน้าตามอมเเมมก็ยังคงงงงัน ไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่เบื้องหน้าเขาคือใครกันเเน่
"ศิษย์พี่ใหญ่" เสียงตะโกนดังออกมาจากปากหวงเฉินฟง
"เจ้า..หรือเจ้าคือ..เฉินฟง" หวังฉีอี้เกิดตะกุกตะกักเล็กน้อย ยังคงไม่เเน่ใจสถานะของชายหนุ่มเบื้องหน้าเขา
"ข้าเอง ข้าหวงเฉินฟงไงศิษย์พี่ใหญ่" หวงเฉินฟงเสียงสั่นด้วยความยินดี
"เฉินฟง เป็นเจ้าจริงๆ เจ้าโตขนาดนี้เเล้ว" หวังฉีอี้วิ่งมาหาหวงเฉินฟงด้วยความยินดีเช่นกัน
"ศิษย์พี่ใหญ่ลำบากท่านเเล้ว เป็นข้าไม่ดีเอง ข้า.."
"เรื่องที่ผ่านไปเเล้วช่างมันไปเถอะ ยังไงซะวันนี้ข้าก็ได้มาอยู่ที่นี่เเล้ว"
ตุบ
เสียงทุบโต๊ะดังขึ้น
"ที่นี่เป็นที่สำหรับให้พวกเจ้าสองคนพูดกันหรืออย่างไร" เสียงอันทรงพลังของหยางเกาเซิงดังขึ้น
"อาจารย์ศิษย์ผิดไปเเล้ว" หวังฉีอี้ได้ยินดังนั้นจึงรีบล่าถอยกลับไปยังที่นั่งของตน
เหลือเพียงเเต่หวงเฉินฟงกับเจิ้งซูเจี้ยนที่ยืนอยู่
"ศิษย์น้องเล็กไปนั่งที่" เจิ้งซูเจี้ยนสะกิดหวงเฉินฟงพร้อมกันนั้นตัวเขาเองก็รีบไปยังที่นั่งของตน
หวงเฉินฟงเห็นดังนั้นจึงกำลังจะเดินเข้าที่นั่งของตนเช่นกัน
"เฉินฟงเจ้าช้าก่อน" เสียงของหยางเกาเซิงดังขึ้นอีกครั้ง
หวงเฉินฟงได้เเต่ชะงักเท้าหยุดเดิน พร้อมหันหน้าไปยังหยางเกาเซิง
"มีอะไรเหรอครับ อาจารย์"
"เหตุใดวันนี้เจ้าจึงกลับมาช้าล่ะ"
หวงเฉินฟงขนลุกซู่ เนื่องด้วยว่าหากหยางเกาเซิงรู้เรื่องที่เขาเเอบไปฝึกวิชากระบี่ที่หลังเขากับตู้กูหง เขาเองไม่รู้จะโดนลงโทษสถานใดบ้าง
"คือว่าพอดีวันนี้ข้าเผลองีบหลับไปครู่นึงครับอาจารย์ อาจารย์ได้โปรดลงโทษด้วย" หวงเฉินฟงเตรียมคำพูดมาก่อนจะเข้ามาเเล้ว เมื่อกล่าวจบเขารีบคุกเข่าลงคำนับกับพื้นทันที
หยางเกาเซิงเหลือบมองดูหวงเฉินฟงที่กำลังตัวสั่นงันงกอยู่เบื้องหน้าอย่างกระหยิ่มใจ
"เอาเถอะ วันนี้เป็นวันดีที่ฉีอี้ศิษย์ข้าได้กลับมายังตำหนักเรา ข้าจะไม่ลงโทษเจ้า เเต่หากครั้งหน้าเจ้าทำอีกอย่าหาว่าข้าไม่เตือน"
"ขอบคุณครับอาจารย์" หวงเฉินฟงกล่าวเสร็จก็รีบลุกไปนั่งยังที่ของตนด้วยความรวดเร็ว
ผิดคาดจริงๆ วันนี้เหตุใดหยางเกาเซิงถึงกลับปล่อยเขาไปเเบบนี้ ปกติทุกทีอย่างน้อยเขาต้องโดนอย่างน้อยสามสิบถึงสี่สิบไม้ หยางเกาเซิงถึงจะปล่อยเขาไป
"ฉีอี้ หลายปีมานี้เจ้าโทษข้าหรือไม่" หยางเกาเซิงหันมาทางหวังฉีอี้
"อาจารย์ทำได้ถูกเเล้ว ศิษย์มิกล้าโกรธเคืองท่าน"
"เจ้าคิดได้เช่นนี้ก็ดี จึงสมกับเป็นศิษย์คนเเรกของข้า"
"ศิษย์พี่ใหญ่ อาหารมื้อนี้จัดเพื่อท่านโดยเฉพาะเลยนะ ฉลองที่ท่านกลับมา" ติงเซียนซึ่งนั่งถัดไปจากหวังฉีอี้กล่าวอย่างมีความสุข
"ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านต้องกินให้มากๆนะ ข้าว่าท่านคงเบื่ออาหารเจเเล้วเเน่ๆ" กงซุนเจ๋อกล่าวอย่างยิ้มเเย้มเช่นกัน
"ข้าขอขอบคุณศิษย์น้องทุกคน" หวังฉีอี้หันมือไปคารวะเหล่าศิษย์น้องของตน
"ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านกลับมาก็ดีเเล้ว งานในตำหนักข้าดูเเลเเทนท่านไม่ไหวหรอก" หลู่ซุน หันมากล่าวกับหวังฉีอี้
"ศิษย์น้องรอง หลายปีมานี้ลำบากเจ้าเเล้วสำหรับดูเเลเรื่องในตำหนัก" หวังฉีอี้หันไปตอบกับหลู่ซุน
"เอาหล่ะ พูดกันพอเเล้ว กินข้าว" เสียงหยางเกาเซิงตัดบทสนทนาของทั้งคู่ไป
เวลานี้ภายในห้องโถงตำหนัก ทุกคนกำลังตักกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย
หวงเฉินฟงเห็นหวังฉีอี้ไม่มีท่าทีตัดพ้อหรือโกรธเคืองคนอื่นจึงรู้สึกนับถือขึ้นมา เนื่องเพราะเขาคิดว่าหากกลับกันเขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะทนไม่ด่าคนที่จับเขากักบริเวณไว้นานถึงเเปดปีได้หรือไม่ เหนือสิ่งอื่นใดเวลานี้ศิษย์พี่ใหญ่ของเขากลับมาเเล้ว ในยินหลุนนี้ เขาจะไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป
ผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ อาหารที่เต็มโต๊ะของทุกคนก็กลายเป็นว่างเปล่า บ่งบอกว่าอาหารมื้อนี้นั้นอร่อยเพียงใด
"พวกเจ้ากินอิ่มกันหรือยัง" หยางเกาเซิงทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบ
"อิ่มเเล้วครับอาจารย์" เสียงประสานของเหล่าศิษย์ของเขาดังขึ้นมาพร้อมกัน
"วันนี้ นอกจากข้าจะเรียกพวกเจ้ามากินเพื่อต้อนรับการกลับมาของศิษย์พี่ใหญ่พวกเจ้าเเล้ว ข้ายังมีเรื่องสำคัญที่จะมาบอกพวกเจ้า"
ทุกคนต่างหันไปมองหน้ากันอย่างงุนงง
"อะไรกัน เรื่องสำคัญ, ไม่รู้สิ" เสียงซุบซิบดังขึ้นทั่วทั้งห้องโถง มีเพียงหวังฉีอี้ หลู่ซุน กับ หวงเฉินฟงเท่านั้นที่นั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหว
"เรื่องที่ข้าจะบอกคือ...."
ทุกคนต่างหันไปยังหยางเกาเซิงอย่างใจจดใจจ่อ
"อีกหนึ่งเดือนจากนี้จะเป็นวันครบรอบ20ปีของการประลองฝีมือของเหล่าศิษย์สำนักนภาสวรรค์" สุ้มเสียงของหยางเกาเซิงกล่าวอย่างกดดัน
"หาจริงเหรอ ข้าเองไม่รู้มาก่อนเลย" ฟ่านเหนิงหันไปกระซิบกับติงเซียน
"นั่นหมายความว่าพวกเจ้าจะต้องไปประลองฝีมือกับเหล่าศิษย์จากสังกัดอื่นๆ พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่"
"อาจารย์ ท่านหมายถึงพวกเราทั้งหมดเลยเหรอ" เจิ้งซูเจี้ยนถามอย่างสงสัย
"ใช่เเล้ว"
"ท่านหมายถึงรวมเฉินฟงด้วย" เจิ้งซูเจี้ยนกวาดสายตาไปยังหวงเฉินฟง
หยางเกาเซิงหันหน้าไปยังหวงเฉินฟง พร้อมกลับส่ายหน้าอย่างไม่พอใจ
"ใช่เเล้วรวมทั้งเจ้า หวงเฉินฟง"
หวงเฉินฟงรู้สึกตกใจอย่างมาก เวลานี้หวงเฉินฟงรู้สึกกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก ศิษย์ในสังกัดของหยางเกาเซิงมีฝีมือเก่งๆตั้งมากมาย เหตุใดจึงตกหล่นมาถึงเขาได้
{เเย่ล่ะสิ รวมทั้งเราด้วยเหรอ} หวงเฉินฟงคิดในใจ ใจกลางฝ่ามือของเขาโชกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อของเขาที่ตื่นตระหนกตกใจ
"อาจารย์ เเต่ว่าศิษย์น้องเล็กเขา..." ติงเซียนรีบกล่าวเเทนหวงเฉินฟง
"ข้ารู้ว่าเจ้าจะพูดอะไร เดิมทีข้าเองนั้น ก็ไม่คิดจะให้เจ้าเฉินฟงไปประลองหรอก เเต่ว่าศิษย์พี่เจ้าสำนักกำหนดมาว่าให้ส่งศิษย์ในสังกัดเเต่ละสังกัดมาสิบคน ถ้าน้อยกว่านี้ ก็ต้องส่งศิษย์ที่มีอยู่ทั้งหมดเข้าประลอง ซึ่งน่าเสียดายที่ข้าเองก็มีศิษย์อยู่เเค่เจ็ดคน ดังนั้นพวกเจ้าทุกคน จึงต้องไปประลอง" หยางเกาเซิงกล่าวช้าๆด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายใจ
"เเต่โชคยังดีที่ข้ายังได้ฉีอี้กลับมา ซึ่งพอจะกู้หน้าสังกัดข้าได้บ้าง"
"ศิษย์จะทำอย่างสุดความสามารถ" หวังฉีอี้รับคำอย่างหนักเเน่น
หลู่ซุนเหลือบไปมองหวังฉีอี้ด้วยท่าทีที่เย็นชาครู่หนึ่ง
"อาจารย์... เเต่ข้า...ข้าไม่มีวรยุทธนะครับอาจารย์" หวงเฉินฟงรีบส่งเสียงตะกุกตะกักออกมา
"เหอะ ข้ารู้ว่าคนอย่างเจ้าพึ่งพาอะไรไม่ได้หรอก ข้าก็ไม่ได้หวังอะไรในตัวเจ้าอยู่เเล้ว" หยางเกาเซิงหันไปเหลือบมองหวงเฉินฟงอย่างดูเเคลน
"เช่นนั้นอาจารย์ ท่านพอจะอนุญาติให้ข้าได้ฝึกวิชากระบี่ได้ไหม" หวงเฉินฟงเห็นได้ที จึงถือโอกาสรบเร้าหยางเกาเซิง
หยางเกาเซิงหันไปเหลือบมองยังหวงเฉินฟงอีกครา
"เฉินฟง เจ้าตัดฟืนหลังเขามานานเท่าไหร่เเล้ว" สุ้มเสียงอันเฉื่อยชาของหยางเกาเซิงดังขึ้น
"รวมๆก็ประมาณเเปดปีเเล้วครับอาจารย์" หวงเฉินฟงก้มหน้าตอบไปอย่างนอบน้อม
หยางเกาเซิงทำท่าครุ่นคิดอย่างใคร่ครวญ
{หึ ถึงเเม้ว่าเราจะไม่อยากสอนวิชาให้เจ้าเด็กนี่ เเต่ว่าเมื่อถึงเวลาประลอง เจ้าเด็กนี่คงต้องทำเราขายหน้าเป็นเเน่ เเม้เเต่กระบวนท่าเดียวก็คงรับไว้ไม่ได้}
"ก็ได้ ข้าจะอนุญาติให้เจ้าพกกระบี่ติดตัวไปฝึกวิชา"
"เยี่ยมไปเลย ศิษย์น้องเล็กเดี๋ยวข้าจะสอนเจ้า..." เจิ้งซูเจี้ยนกล่าวอย่างดีใจ
"ข้ายังพูดไม่จบ" หยางเกาเซิงตัดบทของเจิ้งซูเจี้ยนไป ทุกคนได้เเต่เงียบลงอีกครา
"ข้าอนุญาติให้เจ้าฝึกวิชาไม่ได้หมายความว่าจะฝึกวิชาสังกัดยินหลุนให้เจ้า"
หวงเฉินฟงหันไปสบตากับหวังฉีอี้เหมือนรู้เเต่เเรกว่าเรื่องไม่ง่ายดายเช่นนี้เเน่
"เฉินฟงเจ้าจะไปฝึกวิชาอะไรก็ได้ เเต่ห้ามฝึกวิชาสังกัดข้า รวมถึงห้ามให้ศิษย์พี่ของเจ้าถ่ายทอดวิชาให้ เมื่อถึงเวลาประลอง หากจะเเพ้ก็ห้ามเเพ้ภายในหนึ่งกระบวนท่าไม่เช่นนั้นข้าจะลงโทษเจ้า เจ้าเข้าใจหรือไม่" สุ้มเสียงของหยางเกาเซิงกลับกลายเป็นเสียงอันเหี้ยมเกรียม
เหล่าศิษย์พี่ของหวงเฉินฟงต่างหันไปมองหน้ากันอย่างเศร้าใจ เห็นไฉนศิษย์น้องเล็กของพวกเขาจึงถูกบีบคั้นถึงเพียงนี้
หวังฉีอี้หันไปมองหวงเฉินฟงด้วยท่าทีที่เป็นห่วง เขาเป็นห่วงว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ที่เอาเเต่ตัดฟืนอยู่หลังเขาตั้งหลายปีเมื่อถึงสนามประลองจะเป็นอย่างไร
เเต่หวงเฉินฟงกลับรู้สึกยิ้มอย่างมีความสุขในใจ เนื่องจากว่าเขาเองนั้นก็ไม่ได้หวังว่าจะได้ฝึกวิชาของสังกัดยินหลุนอยู่เเล้ว เเต่เพียงเเค่คำอณุญาตินี้ ทำให้เขาสามารถฝึกวิชากับตู้กูหงได้อย่างไม่ต้องกลัวหยางเกาเซิงจะลงโทษอีกเเล้ว
"ศิษย์เข้าใจเเล้วอาจารย์ ศิษย์จะทำอย่างสุดความสามารถ" หวงเฉินฟงกล่าวคำนับอย่างเเข็งขัน
"ฉีอี้ งานประลองครั้งนี้ ข้าเองคาดหวังกับเจ้าไว้มากที่สุด เจ้าเข้าใจความหมายของข้าหรือไม่"
"ศิษย์ทราบเเล้ว" หวังฉีอี้กล่าวรับอย่างนอบน้อม
ในที่สุดหยางเกาเซิงก็อนุญาติให้หวงเฉินฟงฝึกวิชาได้เเล้ว ถึงเเม้ว่า จะเป็นการให้เรียนรู้วิชาด้วยตัวเองก็ตาม .....
