บทที่ 3
“อะไรกัน ผมบอกคุณแล้วนี่ว่าอย่าเรียกกันอย่างนั้น... คุณเป็นคนพิเศษของผมนะ” ชายหนุ่มดุเสียงเข้มแต่ก็ไม่ได้จริงจังนัก แต่คำพูดท้ายประโยคต่างหากที่ทำให้เธอขมวดคิ้วมุ่นอย่างงุนงง
นับว่าเป็นเรื่องที่ประหลาดมากเมื่อผู้นำอายุน้อยแต่มากประสบการณ์อย่างมาร์คัส แวนเดอคอร์ฟ บอกว่าเธอคือคนพิเศษ ความจริงผู้ชายที่อ่านออกยากอย่างเขาไม่เคยเหลียวแลผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น ต่อให้เธอจะรูปงามดุจเทพธิดาหรือมีสิ่งที่น่าสนใจมากเพียงใด ผู้นำแห่งเอกรัฐก็ทำได้มากที่สุดแค่เชยชมความบริสุทธิ์จากร่างกายเท่านั้น
“คุณต้องการอะไรก็บอกฉันเถอะนะคะ อย่าล้อเล่นกันแบบนี้เลย” แพรรุ้งถามขึ้นพลางใช้มือเล็กๆดันแผงอกกว้างที่กำลังจะโน้มกายลงมาหาเธอเอาไว้
“ผู้ชายอย่างผมมันคงหาความจริงใจไม่ได้เลยสินะ” คนถูกถามส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะพลิกตัวลงนอนข้างร่างบางด้วยสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาสีสวยที่เธอหวั่นไหวทุกครั้งยามถูกจ้องมองปิดสนิทลงอย่างช้าๆ และหญิงสาวเองก็ตระหนักดีแล้วว่านี่คือการบอกให้รู้ทางอ้อมว่าเขาไม่ต้องการเธออีก
แพรรุ้งขยับกายลุกขึ้นนั่งเชื่องช้าเหมือนยังไม่อยากจากไป บุรุษหนุ่มที่เป็นเจ้าของร่างกายเธอคงหลับสนิทไปแล้ว หญิงสาวสังเกตได้จากลมหายใจสม่ำเสมอและร่างที่นอนนิ่งไม่ไหวติงของเขา เธอคว้าเสื้อผ้าที่เพิ่งถูกถอดออกจากร่างกายขึ้นมาถือไว้แนบอก แต่ยังไม่ทันได้สวมใส่กลับเข้าไปอย่างเดิม ก็ถูกมือของคนที่แสร้งทำเป็นหลับดึงเข้าไปกอดไว้เสียก่อน
“ว้าย!” แพรรุ้งอุทานอย่างตกใจ
“คุณคิดว่าผมจะนอนหลับลงเหรอ”
ชายหนุ่มว่าพลางประทับจูบลงบนฐานคอหญิงสาวแผ่วเบา ลมหายใจที่เป่ารดต้นคออยู่ทำให้แพรรุ้งลืมทุกคำพูดที่อยากจะถามเขา มาร์คัสออกแรงเพียงเล็กน้อยเพื่อดึงเธอให้ขึ้นไปนอนทับอยู่บนร่างกำยำ หญิงสาวก้มหน้าลงจุมพิตอย่างเอาใจ ขณะที่ชายหนุ่มเองก็ตอบสนองอย่างดีเพื่อไม่ให้แพรรุ้งเสียความตั้งใจเหมือนกัน
“คุณอยากบอกอะไรผมหรือเปล่า”
เขากระซิบถามข้างหู ก่อนจะพลิกตัวขึ้นเพื่อเป็นฝ่ายควบคุมเธอ แพรรุ้งเอียงหน้าหลบสายตาวาววับคู่นั้น แต่นิ้วมือเรียวยาวก็ยังรั้งใบหน้าของเธอให้หันมากลับมามองเช่นเดิม
“ฉันแค่ไม่เข้าใจค่ะ ฉันไม่รู้ว่าที่คุณเรียกฉันมาพบอีกครั้งมันหมายถึงอะไร” เธอพูดอ้อมแอ้มอย่างกล้าๆกลัวๆ
“แล้วคุณคิดว่าผมหมายถึงอะไรล่ะ” มาร์คัสรีบถามขึ้นทันควัน ดวงตาสีเขียวมรกตส่อประกายใคร่รู้
“เอ่อ ก็ปกติคุณไม่เคยเรียกผู้หญิงที่...”
“ปกติผมไม่เคยเรียกให้ผู้หญิงที่ตัวเองได้ครอบครองแล้วกลับมาหาอีกใช่ไหม” เขาพูดแทนเมื่อเห็นหญิงสาวได้แต่อ้ำอึ้ง เมื่อเห็นแพรรุ้งพยักหน้ารับ มาร์คัสจึงยิ้มและช่วยคลายความสงสัยให้เธอ
“จริงๆ แล้วนั่นก็เป็นความจริงนะแพรรุ้ง แต่ผู้หญิงพวกนั้นไม่เหมือนคุณ... คุณถูกส่งมาให้ผมในฐานะของขวัญวันเกิด ส่วนผู้หญิงพวกนั้นถูกส่งมาในฐานะนางบำเรอ หรืออะไรสักอย่างเพื่อแลกกับสิ่งที่ตัวเองต้องการ... เพราะแบบนี้ไงผมถึงได้บอกว่าคุณเป็นคนพิเศษของผม พ่อของคุณไม่ได้อยากได้อำนาจจากผมเหมือนคนอื่นๆ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณพ่อของฉันอยากได้อะไรจากคุณกันล่ะคะ”
“พ่อของคุณแค่อยากได้รับการยกโทษน่ะครับ... อย่าเพิ่งอยากรู้อะไรตอนนี้เลยนะ ผมอยากสำรวจคุณให้ลึกซึ้งอีกรอบจะแย่อยู่แล้ว”
มาร์คัสตอบเพียงแค่นั้น ก่อนจะก้มหน้าลงปิดปากเธอด้วยริมฝีปากร้อนระอุ แต่ยังไม่ทันได้ทำตามที่ตั้งใจไว้จนถึงเป้าหมาย เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานก็กรีดร้องขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
มาร์คัสทำหน้าไม่สบอารมณ์ แต่ก็ยอมผละจากร่างเปลือยเปล่างดงามเพื่อไปคว้าเครื่องมือสื่อสารทันสมัยขึ้นมาถือไว้ คิ้วหนาขมวดมุ่นเมื่อพบว่าคนที่โทรเข้ามาคือเขม และมันก็คงเป็นเรื่องที่สำคัญมากเขมถึงได้กล้ารบกวนเวลาพักผ่อนของเขา
“ว่าไงเขม” ชายหนุ่มกดรับสายและเป็นฝ่ายทักขึ้นก่อน
“แย่แล้วครับท่านผู้นำ พอดีผมเพิ่งทราบมาว่าโรงม้าที่ท่านสั่งให้พาผู้หญิงคนนั้นไปขังไว้ ถูกปิดตายจากด้านในมานานแล้วนะครับ”
“นี่หมายความว่า...”
“ครับ... ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นอาจจะขาดอากาศหายใจตายไปแล้วก็ได้นะครับ เพราะว่านี่ก็ผ่านมาเกือบสามชั่วโมงแล้ว”
เขมรีบอธิบายทั้งที่รู้ดีว่ามาร์คัสต้องไม่พอใจมากแน่ๆ แต่ถ้าหากนายของเขาตั้งใจจะพาเธอมาฆ่าให้ตายจริงๆ บางทีความผิดพลาดนี้อาจจะทำให้มาร์คัสไม่ต้องเปลืองแรงลงมือเองก็ได้
“นายมันไร้สมองที่สุด!” มาร์คัสตวาดลั่นก่อนจะกดตัดสายไป ส่วนเขมก็รีบออกมายืนรอรับหน้าชายหนุ่มอยู่ตรงชั้นล่างสุดของคฤหาสน์ เพราะรู้ดีว่าตัวเองต้องได้รับโทษ
มาร์คัสเหลือบมองแพรรุ้งที่ตอนนี้แต่งตัวเรียบร้อยแล้วด้วยแววตาคล้ายกำลังขบขัน ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อเสื้อผ้าออกอย่างเร่งรีบ แล้วจัดการหาชุดลำลองที่ดูทะมัดทะแมงสวมใส่ให้ตัวเอง ไม่ลืมที่จะคว้าปืนพกคู่ใจสีดำสนิทออกมาจากลิ้นชักโต๊ะทำงาน และเหน็บมันไว้ที่เอวกางเกงยีนส์สีเข้ม จากนั้นก็ก้าวเข้าไปใกล้ๆ แพรรุ้งพร้อมกับก้มหน้าลงกระซิบข้างหูเธออย่างแผ่วเบา
“ความจริงแล้วผมไม่ได้คิดจะแตะต้องคุณหรอกนะครับ ต้องขอโทษด้วยสำหรับการตรวจสอบตัวตนของคุณที่ออกจะมากเกินไปหน่อย”
“นี่หมายความว่า... คุณแค่ทดสอบฉันเหรอคะ”
หญิงสาวถามพร้อมกับกัดริมฝีปากแน่นอย่างสับสน ไม่เข้าใจว่ามาร์คัสหมายความว่าอย่างไรกันแน่ ในเมื่อเขาเองก็คือคนที่ได้ความบริสุทธิ์ของเธอไปตั้งแต่คืนแรกที่มาอยู่ที่นี่แล้ว
“ผมไม่ได้เห็นผู้หญิงที่กล้าหาญ และยอมทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวแบบคุณมานานแล้ว น่าเสียดายนะครับที่คนดีๆอย่างคุณ... ต้องเกิดมาเป็นลูกสาวของคนที่คิดคดทรยศต่อแผ่นดิน” มาร์คัสบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่ประโยคสุดท้ายที่หลุดออกจากปากเขากลับทำให้หญิงสาวรู้สึกราวกำลังจมลึกลงไปในท้องทะเลอันหนาวเหน็บ
ผู้นำหนุ่มหล่อวัยสามสิบเศษยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องนอนไปทันที ทิ้งให้แพรรุ้งนั่งตาเบิกโพลงด้วยความตกใจอยู่ในห้องนอนอันหรูหราเพียงลำพัง เมื่อได้รู้เหตุผลที่ตัวเธอเฝ้าสงสัยมานาน
บิดาของเธอเป็นหนึ่งในพวกกบฏที่คิดไม่ซื่อกับเมืองเอกรัฐอย่างนั้นเองหรอกหรือ คงเป็นเพราะเหตุนี้กระมังมาร์คัสถึงได้ย้ำหนักหนาว่าเธอคือคนพิเศษของเขา อีกทั้งยังชอบใช้แววตามองเธอแปลกๆ ราวกับประเมินบางอย่างอยู่ตลอดเวลาอีก
มาร์คัส แวนเดอคอร์ฟ...
เป็นผู้ชายที่คาดเดาการกระทำได้อย่างยากยิ่งจริงๆ!
