บทที่ 13
ไม้เมืองรีบกลับเข้ามาข้างในโรงม้าทันทีที่เห็นรถของมาร์คัสแล่นเข้ามาจอด แต่ทว่าก็ต้องชะงักไปเมื่อร่างที่เคยนั่งอยู่บนพื้นหญ้าได้อันตรธานหายไปเสียแล้ว ชายหนุ่มวิ่งตรงไปทางหน้าต่างบานที่เธอเคยใช้หลบหนีในตอนแรกก็พบว่ามันเปิดอยู่ ไม้เมืองขยับจะตามออกไปแต่เสียงทุ้มทรงอำนาจกลับขัดขึ้นเสียก่อน
“กำลังจะทำอะไร” มาร์คัสถามขึ้นทันทีที่ก้าวมาในโรงม้า
“เอ่อ คือว่าผม...” ไม้เมืองอึกอักเพราะไม่รู้ว่าจะตอบนายหนุ่มของตัวเองอย่างไรดี
“ผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหนไม้เมือง... เธออยู่ที่ไหน!” ดูเหมือนว่าผู้นำหนุ่มจะสังเกตเห็นเค้าความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้โดยเร็ว สีหน้าของไม้เมืองไม่ได้แสดงออกถึงความหวาดกลัว แต่มันดูมีแววสำนึกผิดเสียมากกว่า และนั่นก็ชัดเจนพอแล้วที่จะทำให้มาร์คัสรู้คำตอบที่ไม้เมืองมัวแต่อ้ำอึ้งอยู่
“ฉันอยู่นี่ ทำไมคุณจะต้องโวยวายเสียงดังด้วย” เจ้าของน้ำเสียงหวานใส แต่ฟังดูห้วนสนิทดังขึ้นจากริมหน้าต่าง
นลินพยายามตะเกียกตะกายกลับขึ้นมาอย่างยากเย็น จนไม้เมืองต้องเข้าไปช่วยดึงเธออีกแรง มาร์คัสหยุดฝีเท้าที่กำลังจะก้าวเข้าไปเล่นงานไม้เมืองเอาไว้เพียงแค่นั้น พร้อมกับยืนจ้องหน้ามอมแมมของหญิงสาวอย่างหาเรื่อง
“เธอออกไปทำอะไรตรงนั้น แล้วออกไปได้ยังไง” ชายหนุ่มถามเสียงแข็ง แววตาดูดุดันจนเทวาเองก็ยังนึกเห็นใจชะตากรรมของสาวน้อยตรงหน้า
“ฉันปวดท้องก็เลยออกไปทำธุระน่ะสิ จะตามไปดูไหมล่ะ” นลินตอบกวนๆ ก่อนจะหันไปขยิบตาให้ไม้เมือง
“เอ่อ... ใช่ครับ เธอปวดท้องผมก็เลยปล่อยให้ออกไปทำธุระน่ะครับ” ไม้เมืองเสริมยิ้มๆ
มาร์คัสไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ก็แอบสังเกตเห็นว่าที่ข้อเท้าของหญิงสาวได้รับการทำแผลเป็นอย่างดีแล้ว ดวงตาคมกล้าสีประหลาดตวัดขึ้นมองหน้าไม้เมืองเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เก่าๆตัวเดิม เทวาเองก็ขยับไปยืนอยู่ข้างกายเขาเช่นกัน
“วันนี้นายกลับไปที่คฤหาสน์พร้อมกับเทวาเลยนะไม้เมือง แล้วอีกสักพักฉันจะตามกลับไปพร้อมกับแม่นี่เอง” มาร์คัสเอ่ยเสียงเรียบ แต่ดวงตากลับฉายแววเจ้าเล่ห์ตามแบบฉบับของเขา ไม้เมืองหันไปสบตากับนลินเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับคำสั่งของนายหนุ่ม จากนั้นก็เดินออกจากโรงม้าไปพร้อมๆกับเทวา
นลินยืนนิ่งด้วยความประหม่าและไม่ไว้วางใจในท่าทีของผู้ชายตรงหน้า มาร์คัสเริ่มก้าวเท้าตรงเข้ามาอย่างช้าๆ ทำให้หญิงสาวต้องเดินถอยหลังหนีจนติดชิดขอบหน้าต่าง เมื่อรู้ว่าตัวเองพบทางตันแล้วก็ตั้งใจว่าจะวิ่งไปทางอื่น แต่คนตัวโตกว่ากลับรีบถลันเข้ามาประชิดตัวได้เสียก่อน
“จะหนีไปไหนล่ะสาวน้อย เก่งนักไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงกระซิบข้างหูเธอแผ่วเบา มือใหญ่แข็งแรงยึดข้อมือบางทั้งสองข้างเอาไว้แน่นจนคนตัวเล็กดิ้นไม่หลุด
“ปล่อยนะ คุณจะทำบ้าอะไรเนี่ย!” นลินโวยวายเสียงดัง
“อย่าเพิ่งหลงเข้าใจผิดคิดว่าฉันพิศวาสเธอนะ ฉันก็แค่จะหาของให้เจอเท่านั้นเอง” มาร์คัสว่าพลางใช้สายตาสำรวจร่างบางตรงหน้า เขารวบมือทั้งสองข้างของหญิงสาวเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ก่อนจะเริ่มล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์ของเธอเพื่อหาข้อมูลลับที่นายพลสิงขรฝากไว้กับบุตรสาว
“หยุดเดี๋ยวนี้! คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉันนะ” นลินพยายามดิ้นรนให้หนักขึ้น เมื่อถูกคุมคามจากบุรุษหนุ่มนัยน์ตาสวย แต่เขากลับไม่ยอมหยุดเพียงแค่นั้น
ในเมื่อค้นภายนอกอย่างถี่ถ้วนแล้วแต่กลับไม่พบอะไร ความจำเป็นก็ทำให้มาร์คัสต้องจัดการถอดเสื้อของเธอออก และดึงกางเกงยีนส์รัดรูปให้ร่นลงมากองอยู่ที่ข้อเท้า แม้ว่านลินจะพยายามขัดขืนหรือร้องขอสักเพียงใด แต่ก็ไม่ได้รับการละเว้นจากเขา
ชั่วพริบตาเดียวร่างเล็กบอบบางของหญิงสาวตรงหน้าก็อยู่ในสภาพเกือบเปลือย ยังดีที่มีชุดชั้นในสวมติดกายอยู่ ผิวพรรณขาวผุดผ่องและเรือนร่างที่ได้สัดส่วนงดงามทำให้ชายหนุ่มถึงกับเผลอไผล แต่ทว่าสร้อยเงินรูปหัวใจที่สวมอยู่บนลำคอของเธอกลับทำให้มาร์คัสเลือกที่จะสนใจมันมากกว่า นิ้วมือเรียวเกี่ยวสายสร้อยขึ้นพิจารณา ก่อนจะกระชากมันจนขาดติดมือมาด้วย
“สารเลว! คุณมันเลวที่สุดเลย” นลินตะโกนลั่นก่อนจะทรุดกายลงนั่งบนพื้นหญ้า เธอยกเรียวแขนขึ้นกอดตัวเองเอาไว้แน่นเพื่ออำพรางเรือนร่างให้พ้นจากสายตาของชายหนุ่ม ขณะที่มาร์คัสก้มลงหยิบเสื้อยืดตัวเดิมโยนให้หญิงสาวพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“แต่งตัวได้แล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะทิ้งเธอให้ตายอยู่ที่นี่แหละ”
“ก็ดีน่ะสิ! ฉันก็ไม่อยากอยู่มองหน้าคุณต่อไปเหมือนกัน” หญิงสาวโต้กลับขณะคว้าเสื้อยืดที่เกือบขาดของตัวเองไปกอดเอาไว้แน่น ดวงตากลมโตจ้องมองมาร์คัสอย่างเกลียดชัง แต่กระนั้นริมฝีปากบางก็ยังคงสั่นระริกเพราะความกลัวอยู่ดี
