บท
ตั้งค่า

บทที่1

ประสบการณ์ดีดีอย่างนั้นเหรอ หึ!! ประสบการณ์สยองที่เมื่อใครสักคนเผลอตัวปล่อยใจให้ย่างกายเข้าไปแล้วจะต้องพบเจอกับสิ่งที่โหดร้ายน่ะสิไม่ว่า ฉันเคยทิ้งหยดน้ำตาเอาไว้มากมายที่นั่น ความเจ็บปวดในใจที่ไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้มาก่อนในชีวิต ล้วนอยู่ที่นั้นจนหมดสิ้น!!

ฉันเองก็เกือบๆ จะลืมไปแล้วนะว่าความทรงจำครั้งล่าสุดเมื่อตอนที่ยังที่นั่นมันเป็นยังไงบ้าง เกือบจะหลงลืมไปแล้วจริงๆ

“นะลูกกวาด ถือซะว่าช่วยป้าสักครั้งไม่ได้เหรอ”

“…….”

“สำหรับโครงการนี้แล้วมันจำเป็นต่อโรงเรียนของเราจริงๆ แล้วที่สำคัญนอกจากพวกหลานห้าคนแล้วนั้น....ป้าไม่ไว้ใจใคร”

“ก็แล้วทำไมป้าไปลองไปขอร้องยัยท๊อฟฟี่ดูล่ะค่ะ..ยัยนั่นน่ะชอบเที่ยวนอกสถานที่จะตายไป ต้องรับข้อเสนอของป้าแหงๆ”ฉันโต้กลับทันทีที่นึกถึงเพื่อนสนิทอันเป็นที่รักอย่างยัยท๊อฟฟี่ขึ้นมาได้ ยัยนั่นต้องยอมไปแน่ๆ

ถ้ารู้ว่ามีอะไรรอคอยเจ้าหล่อนอยู่ณ ที่แห่งนั้น ถึงจะดูว่าฉันเห็นแก่ตัวที่ริอาจจะส่งเพื่อนรักไปตายก็เถอะ แต่อย่างน้อยๆ ถ้าส่งยัยท๊อฟฟี่ไปก็อาจจะมีสิทธิ์รอดกว่าคนไหนๆ เพราะถ้าเป็นยัยลูกอม ฉันเกรงว่ายัยนั่นจะทำให้คนที่โรงเรียนแห่งนั้นหูหนวกกันระนาว และถ้าเป็นยัยอมยิ้ม....

ฉันเกรงว่ายัยนั่นจะถูกจับข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนามีสายตาเป็นอาวุธ ไม่ได้ๆ ยังไงซะฉันก็ยอมให้เพื่อนรักไปเสี่ยงตาย (หรืออาจจะไปฆ่าใครตาย)ในที่แบบนั้นเป็นแน่ ไม่ได้เด็ดขาด!

“ป้าลองไปขอร้องเธอแล้ว”

“แล้วไงค่ะ!”

“เธอก็พูดเหมือนๆ กลับที่หลานพูดเมื่อกี้เปี๊ยบเลยล่ะ”

“……”

“ถ้าหลานไม่ช่วย ป้าคงต้องไปขอร้องโอเล่จังซะแล้วล่ะ”

“ไม่ได้นะ! ให้ยัยโอเล่ไปเสี่ยงอันตรายไม่ได้เด็ดขาด”ฉันโพล่งขึ้นอย่างเร่งด่วนเมื่อป้าพูดถึงชื่อยัยโอเล่ เพื่อนสาวสุดซื้อบื่อที่ริอาจมีแฟนเป็นตัวเป็นต้อนไปก่อนใครเพื่อน ขืนให้ยัยเซ่อโอเล่ไปเหยียบที่นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับเอากับระเบิดมาวางแล้วให้ยัยนั่นมาเหยียบเล่นหรอก แถมตอนนี้ยัยโอเล่ก็ยังกำลังอินเลิฟอยู่ด้วย อย่าหวังเลยนะว่าไอ้หน้าอ่อนชีโร่จะปล่อยให้ไปน่ะ ยิ่งเดี๋ยวนี้ทำตัวติดกันเสมือนประหนึ่งกับว่าเป็นแฝดยังไงยังงั้น เห็นแล้วน่ารำคาญลูกตาชะมัด!

เฮ้อ~ส่งให้ฉันไปออกรบยังจะน่ารื่นรมย์ใจซะยังดีกว่าอีก

“ป้ากำลังบังคับหนู”

“ปะ...เปล่านะจ๊ะ! ป้าจะไปบังคับหนูได้ยังไง เพียงแต่ว่าโอเล่น่ะ เขาค้างค่าเทอมมาหลายเดือนแล้ว ถ้าป้าลองเข้าโครงงานนี้เข้าไปเสนอเพื่อแลกกับค่าเทอมที่ค้างไว้ทั้งหมดล่ะก็....”

“ก็ได้! หนูจะไปเรียนแลกเปลี่ยนที่โรงเรียนบัดซบนั่นเอง พอใจป้ารึยัง” สิ้นประโยคที่ทรมานใจเหลือที่ต้องพูดออกไปของฉัน รอยยิ้มเล็กๆ ของผู้เป็นป้าก็ปรากฏขึ้นออกมาสู่สายตา และก่อนที่ฉันจะได้ทันเดินกระทืบเท้าออกไปจากห้อง ประโยคๆ หนึ่งที่ดังขึ้นตามหลังว่า....

“ไม่ต้องกลัวว่าจะเหงานะจ๊ะ เพราะว่าป้าได้เตรียมองค์รักษ์เอาไว้ให้หลานแล้ว”

เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นอย่างที่ฉันรีเพลย์ให้ทุกคนได้รับทราบกันถ้วนหน้านั่นแหละค่ะ เพราะความที่เป็นหญิงงามมีจิตใจที่แสนจะโอบอ้อมอารีราวกับนางฟ้าตกสวรรค์ลงมาโปรดสัตว์ต่อมวลมนุษย์ชาติ สงสารเพื่อนร่วมแก้งไม่อยากให้มันต้องไปเจอกับสิ่งเลวร้ายที่ฉันเคยเจอมา ฉันก็เลยต้องจำใจไปเรียนแลกเปลี่ยนเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม

นรกชัดๆ เลยนะนั่นน่ะ

“ฮึกๆ ลูกกวาด ไปอยู่ที่นั้นอย่าลืมคิดถึงพวกเราที่อยู่ที่นี้บ้างนะ ฮืออ~ ”ยัยโอเล่ว่าพร้อมทั้งเอามือเสยบาดน้ำตาอย่างลวกๆ ทุกคนคงจะเข้าใจแล้วใช่มั้ยค่ะ...ว่าทำไมเหตุใดฉันถึงไม่อยากให้ยัยขี้แงนี่ไปน่ะ กะอีแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ยัยนี่ก็ท่อประปาแตกแล้ว ขืนไปอยู่ที่นั่นมีหวังร้องไห้จนน้ำท่วมโลกแหงๆ

“รู้แล้ว แกเองก็ดูแลตัวเองให้ดี ช่วงที่ฉันไม่อยู่ก็สวดมนต์ไหว้พระขอพรให้ฉันมีชีวิตรอดกลับมาด้วยล่ะ”ฉันพูดขึ้นอย่างเล่นๆแต่ใครหนอจะหารู้ไม่ว่าฉันพูดจริง!

“พูดอะไรของแกน่ะยัยบ้า คนอย่างแกสำหรับเรื่องแค่นี้แล้วมันจิบๆ ไม่ใช่รึไงวะ”ยัยลูกอมพูดขึ้นมาบ้างก่อนจะลูบหัวฉันไปมาอย่างว่าเล่นส่งผลให้ผู้คนรอบข้างถึงกับต้องอ้าปากค้างเพราะความตกใจ

แหงสิ! ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทจริงๆ มีเหรอที่ฉันจะยอมให้แตะเส้นผมอันเป็นที่รักของฉันได้น่ะ เฮอะ! ไม่มีวันซะหรอก

ฉันละสายตาจากลูกอมไปมองยัยอมยิ้มที่ยืนแข็งทื่อราวกับถูกสาปให้เป็นหินทันที นี่ใจคอแกจะไม่อวยพรให้ฉันสักหน่อยเลยรึยังไงย่ะ พูดอะไรสักคำสิยัยบ้านี่

“ความเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจ อย่าได้เปิดเผยให้ใครล่วงรู้เป็นอันขาด อย่าให้อดีตที่ผ่านมากลายเป็นจุดอ่อนให้คนอื่นทำร้ายแกได้” สาบานได้ไหมว่ายัยนี่ไม่รู้ความลับอันสุดยอดร้อยแปดของฉันน่ะ

ชอบพูดอะไรที่เหมือนว่ารู้ไปหมดซะทุกเรื่องนะยัยบ้านี่ น่ากลัวเหลือหลายนะผู้หญิงความลับเยอะคนนี้ ถ้าเราไม่ใช่เพื่อนกันฉันคงจะคิดว่าหล่นเป็นคนบ้าหรือไม่ก็พวกหมอดูรู้ชะตาฟ้าดินไปแล้วล่ะ รู้ไปเสียซะทุกเรื่อง!

“เออๆ ขอบใจนะที่แกอุตส่าห์อ้าปากพูด หวังว่ากลับมาเดือนหน้าแกจะพูดให้มากกว่านี้นะ”ว่าจบฉันก็หันเหความสนใจมุ่งตรงมาที่เพื่อนสนิทที่สุด

มาถึงคนสุดท้ายแล้วสินะ...เพื่อนนี้ซี้ปึกของฉัน

ฉันกับท๊อฟฟี่มองตากันไปมาโดยไม่ต้องมีใครเอ่ยปากพูดอะไรให้เรื่องมันโศกเศร้าไปมากกว่านี้ ในที่สุด..

“อ๊ากกกกกกกกกกก!~ ลูกกวาด”

“โฮกกกกกกกกกกกก!~ ท๊อฟฟี่”

และแล้วเราทั้งคู่ก็ปล่อยโฮลั่นหน้าโรงเรียนท่ามกลางความตกใจของทุกคน ทุกๆ วันฉันจะเจอกับยัยนี่ทุกเช้า ไปไหนก็ไปด้วยกันมาโดยตลอดไม่เคยห่าง แล้วนี่จะต้องไม่ได้เห็นหน้ากันตั้งเดือนนึงเต็มๆ ไม่รู้สึกเหงาก็บ้าแล้วล่ะ!

“ถ้ามีใครรังแกแกล่ะก็....รีบโทรมาบอกฉันทันทีเลยรู้ไหม ฉันจะรีบไปจกตากระทืบไส้มันให้แตกคาแทบเท้าให้แกเอง ฮืออ~ ดูแลตัวเองดีดีนะมูซาชิ”

“แกเองก็เหมือนโคจิโร่ ฮึกๆ ฮืออ~ ” สรุปตอนนี้เราทั้งคู่กำลังถูกจับจ้องโดยประชากรทั้งโรงเรียนที่เต็มใจมาล่ำลาฉัน นาทีนี้ไม่มีคำว่าอายสำหรับฉันอีกต่อไปถ้าแลกกับการที่จะไม่ได้โอบกอดเพื่อนรักแบบนี้เป็นเวลาตั้งหนึ่งเดือนเต็ม แต่ถึงจะขัดกับใจตัวเองแค่ไหนก็คงต้องไปจริงๆ ล่ะสินะเนี่ย รู้สึกหดหู่หัวใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน

ทำไมฉันถึงได้มีความรู้สึกว่าถ้ารถบัสคันโตที่มาจอดรอเพื่อรับส่งคนเพียงคนเดียว(หรืออาจจะมากกว่านั้น)เคลื่อนย้ายออกไปนอกรั้วโรงเรียนแล้ว....ฉันจะไม่มีโอกาสได้กลับมาเหยียบที่นี้อีกนะ เพราะอะไรกันนะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel