บทที่2
และที่สำคัญ…กับฉันคนนี้!
“อื้อ!” ฉันร้องอู้อี้ในลำคอก่อนจะพยายามผลักไสคนตรงหน้าออกไปให้พ้นตัวแต่ก็ไร้ผล ทำไมหมอนี่แรงเยอะแบบนี้นะ กลิ่นบุหรี่จางๆ ปะปนกับกลิ่นอ่อนๆ ของเบียร์ทำให้ฉันรู้สึกมึนงงได้ไม่ยากไหนจะจูบที่หวานล้ำเกินจะต้านทานนี่อีก
พระเจ้า!
พระเจ้าคงสาปฉันเป็นแน่ถ้าฉันจะขอสารภาพตรงนี้เลยว่าหมอนี่ ’ไม่ใช่’ ผู้ชายคนแรกที่ฉันจูบด้วย แต่เขากลับเป็นผู้ชายคนแรก ที่ทำให้ฉันหลงเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบที่ได้รับอย่างง่ายดาย
ในทางกลับกันฉันกลับมีความรู้สึกว่าต้องการมันขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ใบหน้าหล่อเลวขั้นเทพค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆ ก่อนจะฝังลงไปที่ซอกคอของฉันราวกับเป็นเจ้าของของมันเสียเองก่อนจะฝากรอยแดงเป็นสัญลักษณ์เอาไว้โดยที่ฉันไม่ทันรู้ตัว เสียงหัวเราะของผู้ชนะในเกมส์นี้ทำให้สติที่เลือนลางของฉันฟื้นคืนเข้าที่ก่อนจะได้ยินประโยคที่ทำให้ฉันโมโหจนแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่เมื่อได้ยิน
“แค่จูบเธอก็แพ้แล้ว” ฉันไม่เคยรู้สึกอยากจะเอารองเท้าส้นสูงราคาหลายหมื่นที่ ‘เหยื่อ’ ซื้อให้ฟาดหัวใครเท่าหมอนี่มาก่อนเลย
ร่างสูงที่หัวเราะชอบใจในการพ่ายแพ้ครั้งแรกในชีวิตของฉันกำลังยืนพังจูเรียด้วยท่าทางมีความสุขเต็มประดาก่อนจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเอาบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบหน้าตาเฉยในขณะที่ฉันโมโหจนแทบคลั้ง
ผลั๊วะ!
“เฮ้ย! โอ๊ย! นี่เธอ…” ฉันมันเป็นพวกคิดจริงทำจริงซะด้วยสิ รองเท้าส้นสูงสีแดงราคาแพงที่ก่อนหน้านี้หนึ่งนาทีมันยังอยู่ที่เท้าของฉันลอยไปปะทะหัวสีแดงยียวนกวนประสาทของหมอนั่นเข้าให้อย่างจังก่อนเลือดสีแดงสดๆ จะเริ่มไหลซึมออกมาเรื่อยๆ ให้ได้เห็น
“นี่สำหรับที่นายมาทำให้ปากฉันมีราคี ไปตายซะไอ้บ้า!”ฉันร่ำลาไอ้บ้านั่นด้วยคำด่าสั้นๆ ก่อนจะเดินกระแทกเท้าที่ในตอนนี้เหลือเพียงรองเท้าข้างเดียวกลับเข้าไปในจูเรียก่อนจะเหยียบคันเร่งพุ่งทะยานไปเบื้องหน้าอย่างไม่คิดที่จะเหลียวหลังสนใจคนเบื้องหลังทันที
“ชิบ! อย่าให้เจออีกเชียวยัยตัวแสบ ฉันเอาคืนเธอสาสมแน่!” อันซีนขบกรามเก็บความเจ็บเอาไว้ในใจก่อนนัยน์ตาสีดำสนิทจะเหลือบไปเห็นรองเท้าส้นสูงสีแดงสดที่ยัยตัวแสบทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้าทำให้รอยยิ้มปีศาจร้ายที่ใช้ละลายใจสาวหน้าโง่มากมายมานักต่อนักผุดขึ้นอีกครั้ง
“แม่มดอย่างเธอไม่เหมาะสมกับบทบาทของซินเดอเรลล่าสักนิด แต่ไม่เป็นไรหรอก ฉันคือเจ้าชายนี่น่า…รองเท้าข้างนี้คงคิดถึงคู่ของมันแน่ๆ”
จบเสียงเข้มที่แอบแฝงไปด้วยความคิดชั่วร้ายร่างสูงก็ค่อยๆ เดินไปเบื้องหน้าที่มืดสนิทในใจก็เฝ้าคิดถึงใบหน้าเชิดรั้นเอาแต่ใจของหญิงสาวที่จากไปไม่ยอมหยุด
ใบหน้าจองหอง อวดดีที่สามารถดึงดูดสายตาของเขาให้จ้องมองเธอตาไม่กระพริบนั้นยังคงตราตรึงฝังแน่นลงไปในจิตใจอย่างเชื่องช้าราวกับเธอเป็นแม่มดร้ายที่มีเวทมนต์วิเศษสามารถทำให้คนหลงใหลได้อย่างไงอย่างงั้น
“เราต้องได้เจอกันอีกแน่ๆ ยัยตัวแสบ”
[ผับดังย่านใจกลางเมืองสามวันต่อมา]
Cc pub:
เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มเป็นช่วงทำนองที่หนักบ้างเบาบ้างตามเสียงเรียกร้องของนักท่องราตรีมากมายที่เนืองแน่นเต็มสถานที่เล็กๆ ที่เป็นผับสไตล์เถื่อนดิบในย่านใจกลางเมืองอันเลืองชื่อเสียงเรียงนามว่าเป็นสถานที่มั่วสุมแก่เยาวชนอายุน้อย
ผู้คนมากมายต่างกำลังวาดลวดลายกันอยู่ที่ฟลออย่างเมามันส์ตามสไตของแต่ละคน ทั้งๆ ที่ป้ายก็ประกาศตัวหน้าเอาไว้ที่หน้าร้านว่าสั่งห้ามไม่ให้เด็กที่อายุกว่ายี่สิบปีเข้ามาใช้บริเวณแท้ๆ แต่ประชากรส่วนใหญ่ในนี้ ทุกคนล้วนอายุยังไม่ถึงมากกว่าครึ่งทั้งนั้น
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกของเราเนี่ย!
“ฮึกๆ ทั้งๆ ที่ฉันรักเขาขนาดนั้นแล้วแท้ๆ แต่ว่าทำไม ทำไมจู่ๆ เขาถึงได้บอกว่าหมดรักฉันแล้ว ฉันไม่ดีตรงไหนอย่างงั้นเหรอเอพริล ฮือๆ~” และแน่นอนว่าฉันที่ว่าต้องไม่ใช่ยัยผู้หญิงจิตตกที่กำลังนั่งร้องห่มร้องไห้ราวกับเพิ่งรู้ว่าญาติเสียตรงหน้านี้อย่างแน่นอน
แต่ว่าฉัน...คือบุคคลน่าสงสารที่จำต้องนั่งฟังเรื่องราวที่น่าเศร้าที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเล่าจบซะทีของยัย ‘แซนด้า’ เพื่อนสนิทที่คบกันมานานสามปีทำให้เรารักกันปานจะกลืนกินถึงขนาดนั้นดื่มน้ำเมาสาบานกันมาแล้วตั้งหลายหน
และตอนนี้เพื่อนสาวสุดสวยแต่ว่าดวงตกของฉันกำลังอกหัก!
ฉันไม่รู้นะว่าเรื่องราวเป็นมายังไงเพราะขนาดหน้าตาของหมอนั่นยังไม่เคยเห็น มารู้อีกทีก็ตอนที่ยัยนี่บอกว่าถูกหักอกแล้ว จะมีอะไรที่ซวยไปมากกว่านี้อีกไหมนะ
“ฮึกๆ แกต้องช่วยฉันนะเอพริล ไม่อย่างงั้น...ฉันคงจะขาดใจตาย ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา ฮืออ~”ยัยแซนด้าเงยหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาขึ้นมามองฉันด้วยสายตาที่น่าสงสารซึ่งมันดูไม่เหมาะกับใบหน้าที่จัดจ้านของเจ้าหล่อนเลยสักนิด
ช่วยงั้นเหรอ..แล้วฉันจะช่วยอะไรได้ล่ะเนี่ย!
เพราะยัยนี่ก็ใช่ว่าจะหน้าตาขี้เหร่ซะที่ไหน ใบหน้ากลมรูปไข่ตัดกับจมูกเรียวเล็กจิ้มลิ้มพอเหมาะเจาะ ถึงยัยนี่จะมีข้อเสียที่ว่าเตี้ยไปนิดก็ตามทีเถอะ แต่ยังไงซะความสวยบนใบหน้าก็ดูดกลืนจุดเสียข้อนั้นจนมืดมิดไปเลยทีเดียวล่ะ
นี่ขนาดร้องไห้จนตาบวมมาเที่ยวผับแบบนี้ยังมีผู้ชายชายตามองตั้งค่อนครึ่งแบบนี้ รับประกันเลยว่าเพื่อนฉันสวยสง่าสมคำล่ำลืออย่างแน่นอน
แต่แล้วทำไมกันนะ...
ทำไมถึงได้แคร์กะอีแค่ผู้ชายสารเลวคนเดียว พูดถึงผู้ชายสารเลวเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉันในคืนนั้นคิดถึงมันทีไรฉันอดที่จะหงุดหงิดหัวใจไม่ได้ทุกที พระเจ้าจะว่าอะไรไหมถ้าฉันจะขอสารภาพบาปตรงนี้ว่าตั้งแต่วันนั้นซึ่งก็ผ่านมาตั้งสามวันแล้วฉันยังไม่สามารถลบใบหน้าของไอ้บ้านั่นออกไปจากหัวได้เลย
หงุดหงิดตัวเองที่เป็นแบบนี้จริงๆ
“แกต้องช่วยฉันนะเอพริล แก้แค้นให้ฉันที”
“ก็แล้วทำไมแกไม่ทำเองเล่ายัยบ้านี่ แกก็รู้ว่าผู้ชายแบบไหนที่ฉันเกลียดมากที่สุด ผู้ชายประเภทที่เห็นความรู้สึกของผู้หญิงเป็นของเล่นไร้ค่าอย่างที่ไอ้บ้าที่มันทิ้งแกทำไปนี่แหละฉันเกลียดที่สุด!”
เพราะผู้ชายประเภทนั้น...
คือผู้ชายที่อดีตขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของฉันเอง
พ่อที่ร่ำรวยมหาศาลแต่กลับทิ้งให้แม่ของฉันต้องโดดเดี่ยวจนกระทั่งตรอมใจตายไปเมื่อสามปีก่อน เด็กผู้หญิงอายุเพียงแค่สิบเจ็ดปีที่ต้องอยู่คนเดียวในบ้านเช่าหลังเล็กๆ เพียงคนเดียวมาโดยตลอด ทั้งๆ ที่เขารู้...รู้มาโดยตลอดว่าแม่กับฉันต้องลำบากแค่ไหน แต่ผู้ชายคนนั้น ก็ไม่เคยเลยที่จะเหลียวแลเราทั้งคู่
ครั้งสุดท้ายที่ฉันแอบไปหาเขาในคฤหาสน์หลังโต...ภาพที่เห็นคือชายชราใบหน้าดูจิตใจดีงามที่กำลังอุ้มร่างบางของเด็กผู้หญิงที่ฉันมีโอกาสได้เห็นเพียงข้างหลังเท่านั้นในอ้อมอกอย่างแผ่วเบา ข้างกายยังมีคุณป้าที่ท่าทางใจดีอีกคน
ฉันคงจะไม่ยืนหัวเราะทั้งน้ำตาเลยถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของฉัน และเด็กกับผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ นั่นก็คง....ภรรยากับลูกสาวใหม่ของเขาอย่างไม่ต้องเดาเลย
“นี่! แกตั้งใจฟังที่ฉันพูดอยู่รึเปล่า แกต้องช่วยสั่งสอนหมอนั่นให้ฉันนะเพื่อนรัก” ความคิดที่จู่ๆ ก็เข้าจู่โจมฉันกับเรื่องราวที่ไม่ว่าจะพยายามลืมมันเท่าไหร่ก็ทำไม่สำเร็จเลยสักครั้งเดียวมลายหายลับไปทันทีที่ยัยแซนด้าส่งเสียงดังลั่นก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปากอย่างคนตรอมใจ
“แล้วแกจะให้ฉันช่วยยังไง” ฉันจำต้องถามออกไปอย่างจนปัญญา เพราะเห็นทีท่าของยัยนั่นที่กำลังตั้งท่าจะเป่าปี่ตีฉิ่งอีกรอบ
ฉันรำคาญ!
นั่นล่ะคือเหตุผลที่ถามออกไปตรงๆ แบบนั้น
