บทที่1
“อธิบายมาว่านี่มันอะไร!” อาจจะเพราะความโกรธที่ใกล้ระเบิดทำให้อันซีนอดที่จะสังเกตไปเลยว่าคนที่เขากำลังต่อว่าอยู่นั้นเป็นผู้หญิงจนกระทั่งร่างบางของหญิงสาวที่ไม่ได้ท่าทีสะทกสะท้านอะไรเลยสักนิดค่อยๆ หันหน้าไปหาเขาถึงได้มีสีหน้าที่ตกใจก่อนจะเผลอปล่อยมือจากเธอทันที
ไม่แม้แต่ชายหนุ่มผู้คนมากมายต่างอึ้งทึ้งไม่แพ้กันเมื่อจู่ๆ ผู้ที่สามารถเอาชนะแชมป์ที่มีดีกรีไม่มีวันแพ้แท้ที่จริงแล้วเป็นหญิงสาวที่มีใบหน้าสวยสง่าจนทำให้ผู้ชายทั้งสนามพร้อมใจกันมองมาที่เธอคนเดียวเพราะคิดว่าคนที่อยู่ในรถสีแดงที่ว่านั้นเป็นอันซีน ‘บุคคลที่ยังไม่มีใครสามารถเอาชนะ การแข่งขันได้เลยสักครั้งเดียว’
“มีปัญหาอะไรกับฉันรึไง ไอ้ฉันเองก็ไม่ค่อยมีเวลากับพวกขี้แพ้ซะด้วยสิ” ฉันตอบกลับคำถามไร้สาระก่อนจะพิจารณามองดูร่างสูงตรงหน้า ที่บังอาจมากระชากแขนฉันลงจากรถอย่างท้าทาย
“เธอโกงฉัน! อย่าคิดนะว่าเรื่องนี้มันจะจบลงง่ายๆ”
“ฉันโกงนายเมื่อไหร่ไม่ทราบ ไหนล่ะหลักฐาน!” ฉันแสร้งยกมือขึ้นทาบอกตีสีหน้าเหมือนว่าตกใจกับสิ่งที่ได้ยินก่อนจะเบือนหน้าหนีเพราะเริ่มรู้สึกไม่ดีกับนัยน์ตาสีดำสนิทที่กำลังจับจ้องมาที่ฉันไม่ขาดสาย
ไม่รู้สินะฉันอาจจะคิดไปเองก็ได้
แต่ฉันมีความรู้สึกว่าหมอนี่อาจจะฆ่าฉันได้ไม่อยากถ้าเกิดฉันเผลอไปสบตาของเขาเข้าโดยบังเอิญในวินาทีนี้ สีหน้าของเขาดูเหมือนจะโกรธมากจริงๆ
หนีคงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วล่ะ
ปึก!
แต่ดูเหมือนว่าฉันจะคิดในใจเสียงดังไปหน่อยเพราะยังไม่ทันจะได้หนีเข้าไปในลูกสุดรักอย่างจูเรียมือหนาของไอ้หน้าหล่อนิสัยทรามนั่นก็กระชากแขนฉันให้ต้องหันไปประจัญหน้ากับเขาอีกครั้งก่อนจะกดแขนทั้งสองข้างของฉันไว้กับจูเรียพร้อมใบหน้าของเขาที่กำลังเคลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆ จนฉันต้องถอยร่นหนีเป็นการด่วน
“ถ้าไม่ปล่อยฉันสาบานได้เลยว่าฉันเอานายตายแน่ ปล่อย!”
“เธอทำให้ฉันแพ้ อับอาย เสียชื่อเสียง คิดว่าฉันจะปล่อยเธอไปง่ายๆ อย่างงั้นเหรอยัยตัวแสบ!” ใบหน้าหล่อเข้มที่ดูร้ายๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงจางๆ แสดงให้เห็นถึงความโกรธที่เพิ่มมากขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ฉันแสยะยิ้มที่มุมปากก่อนจะสะบัดแขนจนหลุดออกและล่วงเข้าไปหยิบแบงค์พันจำนวนหนึ่งในกระเป๋าใบจิ๋วออกมาก่อนจะโปรยมันใส่หน้าร่างสูงตรงหน้าอย่างไม่รักตัวกลัวตาย
“หวังว่านี่คงจะพอสำหรับค่าเสียหน้าของนายนะ ลาล่ะ!”ฉันพยายามกดเสียงให้ต่ำพร้อมทั้งปรับสีหน้าให้ดูเรียบเฉยตามปกติก่อนจะเดินโฉบผ่านหน้าหมอนั่นเดินไปที่ประตูจูเรียซึ่งอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นักแต่ไม่ทันจะได้สัมผัสจูเรียลูกรักมือหนาของใครบางคนก็ดันเอื้อมมากระชากมันให้เปิดออกตัดหน้าฉันเสียก่อน
“คิดว่าเรื่องมันจะจบง่ายๆ รึไง ขึ้นไป!”เสียงที่ดังลั่นไม่ได้ทำให้ฉันตกใจไปมากกว่ามือหนาของไอ้บ้าที่ถูกฉันหักหน้าด้วยการโกงผลักฉันเข้าไปในจูเรียก่อนที่เขาจะตามเข้ามานั่งติดๆ จนฉันต้องดิ้นพล่านพยายามจะเบียดตัวเองให้หลุดพ้นแต่ให้ตายสิหมอนั่นชักสีหน้าไม่พอใจก่อนจะกระชากร่างที่บอบบางของฉันให้ลอยขึ้นไปนั่งบนตัก ก่อนจูเรียที่น่าสงสารของฉันก็ถูกกระชากออกตัวไปเบื้องหน้าอย่างแรงออกจากสนามแข่งไปในทันที
“จอดรถเดี๋ยวนี้นะ นายไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องจูเรียของฉัน ฉันบอกให้จอด!” ฉันตวาดใส่ไอ้หน้าหล่อนิสัยเลวก่อนจะพยายามแย่งพวงมาลัยจากเขาแต่หมอนี่แรงเยอะชะมัดทนทีที่ฉันเริ่มออกฤทธิ์มือหนาอีกข้างที่ว่างอยู่ของเขาก็เอื้อมมากำข้อมือทั้งสองของฉันเอาไว้แน่นในขณะที่รถก็เพิ่มระดับความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
“กลัวถูกฉันฆ่ารึไง อันที่จริงเธอก็สมควรตาย” หมอนั่นที่ฉันยังไม่รู้แม้กระทั่งชื่อและไม่คิดอยากจะรู้ด้วยดังขึ้นก่อนเขาจะมองฉันด้วยหางตาเหยียดหยามเต็มที่
“ถ้าจะมีใครสักคนที่ต้องตายก็เป็นนายไม่ใช่ฉัน ปล่อย!!” ฉันแผดเสียงสู้ยิบตาก่อนจะสะบัดข้อมือจนหลุดเป็นอิสระพร้อมทั้งกระชากพวงมาลัยรถจนรถเสียหลักเซเข้าข้างทางจนหมอนั่นต้องเหยียบเบรกดังลั่นไปทั่วท้องถนนที่สุดแสนจะมืดมิด
และไม่รอช้าฉันกระโจนเข้าหาประตูก่อนจะเปิดออกและเตรียมจะวิ่งหนีไอ้ปีศาจร้ายแต่เชื่อเลยหมอนี่ไวชะมัด ไม่ทันที่ฉันจะได้ออกตัววิ่งเขาก็ปรี่เข้ามาประชิดตัวฉันเอาไว้ก่อนจะกดร่างกายฉันให้แนบชิดกับจูเรียด้วยร่างกายของเขาทั้งตัว
“นี่!”
“แหกปากอีกแค่คำเดียว…สาบานต่อพระเจ้าเลยว่าฉันขยี้เธอเละแน่!” แม้จะรู้ซึ้งว่ามันเป็นเพียงคำขู่แต่เชื่อสิว่าสถานการณ์ที่เป็นรองแบบนี้ เป็นใครก็คงเลือกที่จะเงียบเพื่อความอยู่รอดใช่ไหม
แต่คนอย่างเอพริล…ไม่ชอบเหมือนใครอยู่แล้วนี่สิ!
“คิดว่าคำขู่ปัญญาอ่อนของนายจะได้ผลกับฉันรึไง!” ฉันยังคงกัดฟันสู้ยิบตาแม้จะสำนึกได้ว่าสถานการณ์เช่นนี้สิ่งที่ควรทำคือสงบปากสงบคำก็ตามที
“ปากดีแม้วินาทีสุดท้าย ให้ตายสิวะ! เธอนี่มัน…” หมอนั่นกัดฟันกรอดก่อนจะมองหน้าฉันเหมือนกำลังคิดอะไรที่ชั่วร้ายอยู่ในหัวก่อนรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจและฉันก็ไม่ชอบมันเอาเสียเลยจะผุดขึ้นให้ได้เห็นจนฉันต้องถอยหนีเพื่อความปลอดภัยจากรอยยิ้มนรกนั้นเป็นการด่วน
“มองอะไรของนาย! คิดว่าฉันกลัวรึไง!” สายตาหมอนี่กำลังฆ่าฉัน ให้ตายสิ ไอ้ชุดบ้าที่ฉันกำลังสวมอยู่ก็เหลือเกิน อยากจะฉีกทิ้งจริงๆ
“แล้วกลัวไหมล่ะ หืม” ไม่ได้ถามเปล่ามือหนาทั้งสองของเขาเอื้อมมาปิดกั้นทางหนีของฉันเอาไว้อย่างแน่นหนาก่อนใบหน้าหล่อเหลาเกินคนจะค่อยๆ โน้มต่ำลงมาเรื่อยๆ
“แล้วถ้าฉันบอกว่าไม่…”
“เธอจะได้รู้ว่ากาตอบอะไรที่ไม่คิดให้ดีดีผลที่ตามมามันจะร้ายแรงแค่ไหน!” จบประโยคที่ดังลั่นจนฉันสะดุ้งเฮือกริมฝีปากหนาก็ฉกเข้ามาครอบงำริมฝีปากบางของฉันอย่างไม่ทันตั้งตัวจนฉันต้องเบิกตาโพลงเพราะไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำอะไรห่ามๆ ตามใจตัวเองในสถานที่แบบนี้
