ตแนที่ 5 ไว้ชีวิต
EP05 ไว้ชีวิต
เสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นดังสนั่นท่ามกลางบรรยากาศยามค่ำคืน โยเกิร์ตหายใจเหนื่อยหอบเธอพยายามที่จะหนีอย่างสุดชีวิต ข้างทางเต็มไปด้วยตึก บนถนนมีรถวิ่งเป็นสาย เธอไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามีกี่กลุ่มคนที่กำลังตามล่าตนเองอยู่และเธอกำลังถูกตามล่าด้วยวิธีไหนกันแน่
"อึก…" หญิงสาวรอบกลืนน้ำลายลงคอเอือกใหญ่ ดวงตากลมโตเหลือบมองบริเวณข้างกายโดยรอบเป็นระยะ ก่อนจะเห็นกลุ่มของการ์ดภายในสถานบันเทิงแห่งนั้นกำลังมองมาทางนี่และเตรียมจะวิ่งมุ่งมาที่เธอ
ไม่ทันแล้ว เธอหลบไม่พ้นสายตาหลายคู่ของผู้ชายพวกนั้น
โยเกิร์ตถอดรองเท้าส้นสูงออกแล้วสาวเท้าวิ่งเข้าไปในซอกตึกอย่างไม่คิดชีวิต ซอกตึกเก่าที่ดูเหมือนจะร้าง เพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตนเองหนีออกมาไกลขนาดไหน
เท้าคู่เรียวพยายามวิ่งไม่สนว่าทางข้างหน้าจะมีอะไรขีดขวาง ใบหน้าก็หันกลับไปมองยังทางด้านหลังเพื่อดูว่าคนพวกนั้นได้เข้ามาใกล้มากเท่าไหร่
แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตากำลังเล่นตลกกับเธอ เพราะทางข้างหน้าที่วิ่งมาสุดมันกลับมีกลุ่มคนของเอ็มเจโผล่มา ทั้งที่มันจะโผล่ออกนอกถนนแล้วแท้ๆ…
"คุณเฟียสั่งให้พาเธอกลับเข้าไปในร้าน"
"พวกนาย…ช่วยฉันหน่อย ฉันกำลังโดนคนพวกนี้ตามล่า"
"ฉันคิดว่าพวกเราต่างมีเป้าหมายเดียวกันนะ" หนึ่งในกลุ่มคนนั้นพูดขึ้นมาเพื่อเกลี่ยกล่อมอีกฝ่าย เพราะถึงยังไงการตามล่าโยเกิร์ตก็คือเป้าหมายเดียวกัน
"…"
"คุณเจตกลงกับเจ้าของวีไอพีก่อนเข้ามาคุยงานที่นี้แล้ว ว่าคนที่ทำเข้ามาดูแลระหว่างการคุยงานให้ปิดปากไปซะ" กลุ่มลูกน้องของเอ็มเจยังพูดต่อ ทำให้โยเกิร์ตเข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดีมากกว่าเดิม มันก็คือคราวซวยของเธอสินะที่ต้องรับเคราะห์แทนแองจี้ที่ดันมาทำงานวันนี้ไม่ได้พอดี
"งั้นก็…พวกนายจัดการเลยแล้วกัน" พูดจบกลุ่มคนพวกนั้นก็ถอยให้ลูกน้องของเอ็มเจเป็นคนจัดการ
"…" ร่างเล็กถอยหลังหนีทีละก้าวท่ามกลางความมืดสลัวของซอกตึก เธอเพ่งมองบนถนนอีกฝั่งที่มีรถตู้ของเอ็มเจจอดคอยมองเหตุการณ์อยู่
"หมดเวลาสนุกของเธอแล้ว" ผู้ชายหนึ่งในนั้นพูดขึ้นมาแล้วหยิบปืนออกมาจากหัวกางเกงแล้วยกขึ้นเตรียมจ่อยิงมาที่โยเกิร์ต
ในตอนที่ลูกปืนกำลังจะลั่นใส่ร่างกายเธอมันก็ดูเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างโผล่ออกมาจากชั้นสองของตึกแล้วกระโดดใส่หน้าผู้ชายคนนั้นอย่างแรง
"เชี้ยไรวะ!"โยเกิร์ตมองก็พบว่ามันเป็นแมวดำร่างใหญ่กว่าแมวปกติกำลังใช้เล็บเท้าข่วนเข้าที่หน้าของผู้ชายคนนั้น เธอจึงใช้โอกาสนั้นที่มาพร้อมกับกลุ่มควันที่มาพร้อมกับร่างของแมวแล้วรีบหนีออกไป
"ตัวไรวะ…" กลุ่มลูกน้องที่เหลือต่างพากันแตกตื่นกับภาพตรงหน้า แมวดำร่างใหญ่มีลูกตาสีแดงและกำลังเพ่งเล็งเล่นงานคนที่เหลือ พวกเขาจึงรีบหนีเพราะลูกปืนที่หยิบขึ้นมายิงยังทะลุร่างไปอย่างไร้ร่องรอย
ทางด้านเอ็มเจที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่ก็ส่ายหัวออกมาอย่างเอือมระอา เขาครุ่นคิดและในขณะนั้นเองเสียงโทรศัพท์มือถือก็มีสายเรียกเข้า
"ว่าไงเพื่อนรัก"
ปล่อยเธอไปได้แล้วน่า
"มันมีอะไรที่กูยังไม่รู้เกี่ยวกับมึงและโยสินะ" เอ็มเจกรอกเสียงผ่านปรายสายด้วยน้ำเสียงปกติ เรื่องแปลกประหลาดวิปราสอย่างนี้คงมีอยู่คนเดียวที่ทำ
อืม
"แต่เธอรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้และกูก็ไม่ควรเก็บไว้"
กูจะรับผิดชอบทุกอย่างปล่อยเธอ
"ระดับคุณชายภาคิณรับปากขนาดนี้แล้วก็ต้องตกลงสิ เอาเป็นว่ากูจะไว้ชีวิตเธอก็แล้วกัน ข้อยกเว้น"
ขอบใจมากนะ สิ้นเสียงพูดภาคิณก็กดตัดสาย เขาจะปล่อยให้โยเกิร์ตโดนฆ่าได้ยังไง คนอย่างเธอไม่สมควรตายแบบนั้นหรอก
ชายหนุ่มคิดพรางยกยิ้มมุมปาก เขากำลังนอนพิงกับหัวเตียงสวมชุดคลุมอาบนํ้าพร้อมกับจิบไวน์ชั้นดี สายตาเหลือบมองภาพฉายของลูกแก้วล่องหนที่ฉายบนเพดานห้อง ฉายภาพเหตุการณ์ของโยเกิร์ตที่กำลังวิ่งเอาตัวรอดหัวซุกหัวซุน
08 : 30
"อรุณสวัสดิ์ครับคุณย่า" นํ้าเสียงอ่อนโยนมาพร้อมกับใบหน้าหล่อละมุนที่อยู่ในยูนิฟอร์มของมหาลัย ภาคิณพาดเสื้อคลุมเอาไว้บนแขน ชายหนุ่มเดินเข้ามาภายในห้องอาหารแล้วเอ่ยทักคุณย่าโสภาผู้เป็นที่รัก
"อรุณสวัสดิ์จ๊ะหลานรัก"
"วันนี้ทานมื้อเช้ากันพร้อมหน้าจังเลยนะครับ" พูดจบชายหนุ่มก็หย่อนตัวนั่งลงบนที่นั่งที่ว่างไว้ ซึ่งมันตรงข้ามกับหญิงสาวหนึ่งคนที่เขาไม่เคยเห็นหน้า
"นี้หนูฟ้าใสเป็นลูกสาวของหุ้นส่วนรายใหญ่ของพ่อ"
"สวัสดีค่ะพี่คิน" เจ้าของชื่อฟ้าใสเอ่ยทักด้วยรอยยิ้มน่ารัก เธอมีผมม้าพร้อมรอยยิ้มไร้เดียงสาและน่ารัก
"สวัสดีครับ"
"หนูฟ้าจะมาอยู่กับเราสองสัปดาห์เพราะอาป๊าของหนูฟ้าติดธุระสำคัญที่ต่างประเทศ คินก็แวะมาทักทายน้องบ้างนะ รุ่นราวคราวเดียวกัน" ทิตติยาคุณแม่ของภาคิณพูดขึ้นอีกเสียง ภายในคฤหาสน์ตระกูลหลักมีแค่สี่ชีวิตที่อาศัยอยู่ที่นี้ถ้าไม่รวมเหล่าคนใช้ แม่ครัว แม่บ้าน คนสวน คนขับรถ และบอดี้การ์ด ก็จะมีแค่คุณย่าโสภา ปรเวท ทิตติยา และปราโมทย์มือซ้ายของปรเวทเท่านั้น ส่วนพี่น้องของปรเวทก็แยกไปอยู่ที่คฤหาสน์หลังอื่นห่างจากนี้พอสมควร นานๆทีจะรวมตัวกันนัดทานข้าว ส่วนหลานคนอื่นของตระกูลนี้ก็ล้วนอยู่ต่างประเทศกันหมดจะมีเพียงแค่อีกหนึ่งคนเท่านั้นที่จะกลับมาไทยในอีกไม่นาน
"ได้ครับคุณแม่"
"งั้นเรามาทานมื้อเช้ากันเถอะ ย่าเริ่มหิวเต็มทนแล้ว" แล้วหลังจากนั้นมื้อเช้าบนโต๊ะอาหารก็เริ่มขึ้น ทั้งหมดต่างชวนกันคุยตามประสาครอบครัวเว้นเสียแต่ฟ้าใสที่เพียงนิ่งเงียบ เธอเพียงลอบมองใบหน้าหล่อเหลาของภาคิณและแอบเก็บมาคิดใจสั่นอยู่คนเดียว
"ว่าแต่หนูฟ้ามีหวานใจรึยังจ้ะ หน้าตาสะสวยแบบนี้"
"ยังเลยค่ะคุณน้า อาป๊ายังไม่อยากให้มีเท่าไหร่ แต่ถ้าเจอคนดีๆอันนี้ก็น่าจะข้อยกเว้นค่ะ" ฟ้าใสพูดติดตลก
"พี่คินก็ยังไม่มีเหมือนกัน ใช่ไหมตาคิน" ทิตติยาหันไปมองลูกชายที่กำลังจะลุกขึ้นจากเก้าอี้
"ครับ ผมก็ยังไม่มีใคร…"
