Episode 06: Neville/ Navy/ Vivi 【1】
พอผมจัดการกับสัมภาระที่มีอยู่เพียงหยิบมือยัดลงกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย ผมก็ลงมาข้างล่างตามคำสั่ง เนวิลล์ยืนกอดอกรออยู่หน้าโรงนอน พอเสียงรองเท้าคอมแบทของผมที่กระแทกพื้นดังขึ้น เขาก็หันมามองราวกับรู้ว่าคนทำเสียงนั้นเป็นผม
“ไปกันได้” เขาว่าแล้วทำท่าจะเดินไป
ผมรีบคว้าแขนเขาไว้ ก่อนที่เขาจะเดินไปไหนได้ไกล
“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันต้องย้ายไปอยู่กับนายด้วย”
“ก็บอกแล้วไงว่ารักษาความลับของนาย” เนวิลล์สะบัดแขนออกจากการเกาะกุม พลางตอบเสียงเรียบ
“มันเกี่ยวกันตรงไหนเนี่ย แถมห้องนอนนายยังอยู่ในบ้านท่านนายพลอีก กะให้เขารู้แล้วยกทหารมารุมระเบิดสมองฉันทั้งกองทัพล่ะสิ” ผมจงใจพูดใส่หน้าเขา
“อ่อนหัดอย่างนาย แค่ฉันคนเดียวก็เหลือแหล่แล้ว” เนวิลล์ย่นหน้ายู่ ก่อนจะว่ายาว “ที่ฉันให้นายไปอยู่กับฉัน ก็เพราะจะช่วยนายให้รอดพ้นจากเงื้อมมือซอมบี้ฮันเตอร์นายอื่น ๆ ต่างหาก ไม่คิดหรือไงว่าการที่นายอยู่ท่ามกลางซอมบี้ฮันเตอร์หลายร้อยชีวิตอย่างนี้ มันจะทำให้นายตายไวขึ้นถ้าพวกนั้นรู้ว่านายเป็นอะไร อยู่บ้านท่านนายพล ก็เจอแค่ฉันกับท่านนายพล ไม่เห็นต้องกลัว”
“มีร็อบบ์อีกคน”
“ตอนนี้เขากำลังไปได้สวย ฉันคงไม่เอาเรื่องนายไปบอกเขาให้เขาได้เสียความมั่นใจในตัวเองหรอก ถ้านายจะกลัวใครสักคน กลัวฉันแค่คนเดียวก็พอ”
ความมั่นใจของเขา ทำเอาผมเบ้ปาก แต่ก็จริงของเขา ถ้าผมจะกลัวใครสักคน คนคนนั้นก็ควรจะเป็นเขา เพราะผมไม่อาจรู้ได้เลยว่าเมื่อไหร่เขาจะจัดการระเบิดสมองผม
“เลิกถามโน่นนี่ได้แล้ว รีบไปซะที ฉันอยากจะพัก”
สุดท้ายแล้ว เขาก็สั่งขึ้นมาอีก ผมจึงได้แต่เดินตามเขาไปอย่างไม่มีทางเลือก
เนวิลล์เดินนำผมมาไม่นานนัก เราทั้งคู่ก็เข้าสู่เขตที่อยู่อาศัยทั้งที่ยังไม่ได้ออกไปยังโซนของพลเรือน ผมจึงได้รู้ว่าบ้านของท่านนายพลไม่ได้อยู่ในโซนที่อยู่ของพลเรือน แต่อยู่ในโซนของกองทัพที่แยกส่วนออกมาจากพื้นที่ฝึกฝนทางการทหารเท่านั้น
ผมกวาดตามองบ้านสองชั้นหลังไม่ใหญ่นักที่ตั้งเรียงรายอย่างตื่น ๆ เพราะบริเวณหน้าบ้านพวกนั้น ล้วนมีซอมบี้ฮันเตอร์จากกองร้อยหลักคอยยืนประจำการกันอย่างหนาแน่น ผมเดาได้เลยว่าบริเวณนี้ไม่ได้มีบ้านของท่านนายพลเพียงหลังเดียว แต่ยังมีบ้านของนายทหารชั้นผู้ใหญ่อื่น ๆ อยู่อีกด้วย ทั้งยังมีสถานที่สำคัญอย่างอาคารพยาบาล อาคารของกรมสื่อสารและอาคารอื่น ๆ ที่ผมเดาไม่ถูกอยู่อีกหลายหลัง
แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก นอกจากรู้สึกว่าการที่ผมยอมตามเนวิลล์มา มันน่าจะทำให้ผมตายเร็วกว่าอยู่กับซอมบี้ฮันเตอร์นายอื่น ๆ ในโรงนอนอีกหลายเท่าตัว อย่างที่บอกในตอนแรกว่าที่นี่มีแต่บ้านของนายทหารชั้นผู้ใหญ่อยู่ และมีซอมบี้ฮันเตอร์เฝ้าประจำการอยู่ด้านหน้า นั่นหมายความว่าซอมบี้ฮันเตอร์พวกนี้ต้องฝีมือดีอย่างไม่ต้องสงสัย จนผมอดคิดไม่ได้ว่าการที่เนวิลล์พาผมมาอยู่ด้วยนั้นเป็นความผิดพลาดมหันต์
“มาสิ” เขาเรียกเมื่อเห็นผมหยุดเดินทันทีที่เขามาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านหลังหนึ่ง
“ไม่เข้าไปได้มั้ย” ผมถามเสียงแผ่ว พลางชำเลืองมองเครื่องสแกนไวรัสที่อยู่ในมือของทหารยามหน้าบ้านหลังนั้นอย่างหวาด ๆ
เหมือนเนวิลล์ก็รู้ว่าผมกลัวอะไร เขาชำเลืองมองทหารยามคนนั้นเล็กน้อย ก่อนจะหันไปบอกเสียงเรียบ
“นั่นทหารใหม่ที่ร็อบบ์พามา ท่านนายพลให้เขาย้ายมาอยู่นี่ ไม่ต้องสแกนหาไวรัส”
ทหารยามเหล่มองเนวิลล์เล็กน้อย พลันพยักหน้ารับ เท่านั้น เนวิลล์ก็ออกปากเรียกผมอีกครั้ง
“เข้ามาสิ”
ผมจำใจเดินตามไปอย่างว่าง่าย ตื่นเต้นนิดหน่อยตอนที่เดินผ่านทหารยามด้วยกลัวว่าเขาจะเอาเครื่องสแกนมาเช็คไล่หลังผม แล้วตรวจเจอเชื้อไวรัสขึ้นมา แต่โชคดีที่ความกังวลของผมไม่เป็นจริง และทันทีที่ประตูบ้านปิดลง ผมก็ถอนหายใจยาวออกมา
“แค่นี้ทำเป็นตื่นไปได้” เนวิลล์เหน็บผมแทบจะในทันทีที่เห็นท่าทางนั้น จนผมต้องหันไปว่าเขาเสียงเขียว
“นายลองมาเป็นฉันบ้างมั้ยล่ะ จะได้รู้ว่าความกลัวที่จะถูกเป่าหัวตลอดเวลามันเป็นยังไง”
เนวิลล์ยักไหล่ แล้วเดินเข้าไปตามโถงทางเดินในบ้าน จังหวะเดียวกันกับที่ร็อบบ์โผล่หน้าลงมาจากบันไดชั้นบนพอดี พอเขาเห็นผม เขาก็ร้องทักเสียงดัง
“เฮ้น้องใหม่ ไม่ได้เจอกันหลายวัน เป็นไงบ้าง”
“ก็ดี” ผมทักเขากลับ ขณะที่เขาทิ้งตัวลงมาจากบันไดขั้นสุดท้าย แล้วส่งรอยยิ้มเป็นมิตรมาให้ผม
คงจะมีแต่ร็อบบ์คนเดียวล่ะมั้งที่ยังเห็นผมเป็นน้องใหม่ใสซื่อที่น่าผูกมิตรด้วยได้ เพราะคนอื่น ๆ พากันเหม็นขี้หน้าผมกันไปเรียบร้อยแล้ว ไม่แน่ว่าร็อบบ์อาจจะยังไม่รู้ว่าผมก่อเรื่องอะไรไว้ก็ได้
“ได้ข่าวว่านายสร้างวีรกรรมไว้เยอะเลยนี่หว่า เจ๋งดีว่ะ ใจกล้าดี” จนแล้วจนรอด เขาก็ทักออกมา
“ก็นิดหน่อย แค่ยังไม่ค่อยคุ้นที่คุ้นทาง” ผมยิ้มแหยทันที ก่อนที่เขาจะหัวเราะร่วนแล้วยื่นมือมาตบบ่าผมเต็มแรง
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกน่า แพ้บ้างก็ดี หน่วยฉันชนะบ่อยจนเบื่อแล้ว”
ผมไม่แน่ใจว่านี่เป็นการปลอบให้ผมเบาใจหรือกำลังประชดประชันผมกันแน่ แต่ฟังดูแล้วมันชวนให้น่าหมั่นไส้ชะมัด
“แล้วนี่นายก็จะไปนอนที่กองร้อยหลักด้วยเหรอ” เนวิลล์ที่ถูกเมินอยู่ครู่หนึ่งโพล่งขึ้นมา เรียกความสนใจจากร็อบบ์ไป
“ใช่ ฉันใกล้จะอายุครบยี่สิบห้าแล้วนี่ ก็ต้องไปฝึกเข้มก่อนเข้ากองร้อยหลักเป็นเรื่องปกติ พ่อยกเลิกการกักบริเวณฉันแล้ว ไม่ต้องห่วง” ร็อบบ์ตอบ
ในตอนนี้เองที่ผมสังเกตเห็นว่ามือข้างหนึ่งของร็อบบ์จับสายกระเป๋าเป้ร็อคแซคที่สะพายบ่าอยู่ แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าคำพูดของเนวิลล์ที่พูดขึ้นถัดมา ทำเอาผมหันไปมองขวับทันใด
“นายไม่อยู่ ฉันคงจะเหงาแย่”
“เหงาอะไรกัน ก็นายมีเพื่อนใหม่ช่วยคลายเหงาแล้วนี่ไง” ร็อบบ์หัวเราะน้อย ๆ ยกมือข้างที่ยังว่างอยู่ยีผมของเนวิลล์จนกระเซิง เรียกรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้าของเนวิลล์ได้เป็นอย่างดี
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้เห็นรอยยิ้มแบบปกติที่มนุษย์ทั่วไปยิ้มจากเนวิลล์ ปกติแล้ว ผมเห็นแต่รอยยิ้มเย้ยหยันจากเขาเท่านั้น อย่างนี้ผมมั่นใจได้หรือยังว่าเขาคิดเกินเลยกับร็อบบ์มากกว่าพี่ชาย
“ฉันไปนะ ค่อยเจอกัน ไว้ฉันว่างเมื่อไหร่แล้วจะชวนแอนนาเบลกับแพทริกมาเล่นกับนาย” ร็อบบ์ตัดบท “เออ วันนี้พ่อไม่กลับบ้านนะ เห็นว่าติดประชุมอะไรสักอย่าง นายไม่ต้องทำมื้อเย็นเผื่อล่ะ ทำแค่ของนายกับริชชีก็พอ” ร็อบบ์กลั้วหัวเราะ ก่อนจะทำท่าวันทยาหัตย์ให้ผมแล้วผละออกไปนอกบ้าน
เนวิลล์ยืนมองร่างสูงนิ่งกระทั่งหายไปลับสายตา ผมไม่แปลกใจนักว่าทำไมร็อบบ์ถึงรู้ชื่อผม นั่นก็คงเป็นเพราะคำบอกเล่าของเนวิลล์นั่นแหละ ผมเลยได้แต่เบ้หน้ามองเขา ขณะเดียวกันก็โล่งใจที่ได้ยินว่าทั้งบ้านมีแค่เนวิลล์ ไม่อย่างนั้น ผมคงจะต้องถูกท่านนายพลถามซักไซ้ไล่เลียงยาวเป็นหางว่าวแน่
ครู่เดียว เขาก็รู้สึกตัวว่าถูกผมจ้องอยู่ พลันหันมาว่าเสียงเข้ม
“มองอะไร”
“เปล๊า!” ผมตอบรับเสียงสูง
“งั้นก็ขึ้นมาได้แล้ว จะยืนรากงอกไปถึงไหน” สุดท้ายก็จบลงที่เขาแดกดันผมอีกจนได้
แหม ทีกับร็อบบ์นี่เสียงอ่อนเสียงหวาน ทีกับผมนี่โหดเอา ๆ
เราไม่พูดอะไรกันอีก ผมเดินตามเนวิลล์ขึ้นบันไดชั้นบน จากการปรายตามองสำรวจชั้นบนคร่าว ๆ ชั้นบนนี้ประกอบไปด้วยห้องทั้งหมดสามห้อง ซึ่งมันน่าจะเป็นห้องนอนของท่านนายพล ร็อบบ์ แล้วก็เนวิลล์นั่นแหละ การตกแต่งก็ไม่ได้พิเศษอะไรมากนัก มีแค่รูปถ่ายครอบครัวของร็อบบ์และรูปถ่ายของท่านนายพลในชุดเครื่องแบบเต็มยศประดับผนังบ้านเท่านั้น
เนวิลล์ตรงเข้าไปยังห้องด้านในสุด ยกมือขึ้นบิดลูกบิด แล้วผลักประตูให้เปิดอ้าออก
“นี่ห้องฉัน นายจะนอนที่ห้องนี้”
ผมก้าวเข้าไปในห้องขณะที่เนวิลล์ยืนเปิดประตูค้างอยู่อย่างนั้น และทันทีที่ผมเข้ามายืนกลางห้อง สายตาผมก็สะดุดกับความเรียบร้อยทุกระเบียดนิ้วของห้องนี้ทันที ทั้งตู้เสื้อผ้า ทั้งชั้นวางของ ล้วนถูกจัดเป็นระเบียบจนแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นห้องของผู้ชาย
ก็อย่างว่าแหละ หมอนี่ใช่ผู้ชายแท้หรือเปล่าก็ไม่รู้
“ฉันนอนเตียง นายนอนพื้น ห้ามขึ้นมานอนบนเตียงฉันเด็ดขาด แม้ว่าพื้นแข็ง ๆ จะทำหลังนายเจ็บก็ตาม” พอปิดประตูได้ เนวิลล์ก็ออกปากสั่ง
ผมทิ้งกระเป๋าเป้ลงบนพื้น แล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง
“ไม่ต้องห่วงเรื่องที่นอนของฉันหรอกน่า ถึงจะได้นอนเตียง ฉันก็ไม่จำเป็นต้องหลับอยู่แล้ว”
“ฉันบอกแล้วไงว่านายนอนพื้น ส่วนฉันนอนเตียง” เนวิลล์ไม่ได้ฟังผมเลยสักนิด เขาย่นคิ้ว ยกมือขึ้นกอดอกเมื่อเห็นว่าผมถือวิสาสะนั่งบนเตียงเขา
“นิดหน่อยน่า ไหน ๆ ก็ร่วมห้องกันแล้ว จะหวงไปไหน วันนี้ฉันโดนนายซัดจนอ่วมมาทั้งวัน ให้ฉันได้นั่งพักสบาย ๆ หน่อยเถอะ” ผมว่าเสียงขุ่น ให้เขาได้ว่าเสียงขุ่นไม่แพ้กัน
“ไม่ได้หวง แต่ฉันกลัวว่านายจะทำเชื้อไวรัสกระจายใส่ข้าวของของฉัน”
“ถ้ามันจะติดกันเพราะการสัมผัสล่ะก็ ป่านนี้นายคงโดนไวรัสกินสมองไปแล้ว ได้ทีจับฉันทุ่มเอา ๆ ทั้งวันแบบนี้ คงจะรอดหรอก”
พอผมพูดขึ้นมาอย่างนี้ เนวิลล์ก็ลดแขนที่กอดอกลง แล้วเดินไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้า จัดการเอาชุดเครื่องแบบชุดใหม่มาโยนให้ผมรับ พร้อมกับชุดไปรเวทอีกชุดหนึ่ง
“ใส่นี่ซะ แล้วเอาชุดเก่านายไปซัก ชุดนี้ฉันเพิ่งไปเบิกมา นายน่าจะใส่ได้”
“นี่ชุดใคร” ผมไม่ได้หมายถึงชุดเครื่องแบบ แต่ผมหมายถึงชุดไปรเวทที่เป็นเสื้อยืดสีดำกับกางเกงขาสั้นระดับเข่าต่างหาก
“ออกมาจากตู้เสื้อผ้าใคร ก็ของคนนั้นแหละ”
ผมเบ้หน้าเล็กน้อย “ให้ฉันใส่เสื้อผ้าของนายเนี่ยนะ ไม่เอาหรอก เห่ยชะมัด หลุดมาจากยุคไหนเนี่ย แถมเก่าด้วย ดูคอเสื้อสิ เริ่มย้วยแล้วเนี่ย แม่นายซื้อมาให้ใส่ตั้งแต่อยู่ประถมหรือไงถึงได้เก่าขนาดนี้”
“ถ้านายไม่พอใจก็ไม่ต้องใส่ ใส่ชุดเครื่องแบบต่อไปจนท่านนายพลสงสัย หรือไม่ก็แก้ผ้าร่อนไปร่อนมาให้คนอื่นรู้ไปเลยว่านายเป็นตัวอะไร” เนวิลล์ว่าอย่างไม่แคร์
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แค่บอกว่าแฟชั่นนายมันเห่ย ถ้านายไม่ว่าอะไร ก็ให้ฉันเลือกเองจากตู้นายได้มั้ยล่ะ” ผมทำปากยื่นเล็ก ๆ ด้วยหวังว่ามันจะทำให้ผมดูน่าเอ็นดูขึ้น ก็เนวิลล์ชอบไม้ป่าเดียวกันนี่ ถ้าเขาเห็นผมว่าน่ารักขึ้นมาสักหน่อยนึง ไม่แน่ว่าเขาอาจจะทำดีกับผมขึ้นมาบ้างก็ได้
เนวิลล์ชำเลืองมองผมด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะถอยห่างจากตู้เสื้อผ้า มายืนกอดอกนิ่ง ๆ
“ตามใจ”
ได้ผลแฮะ! หมอนี่เป็นโรคแพ้ผู้ชายหล่อและน่ารักอย่างผมจริงๆ ด้วย!
ผมลุกพรวดตรงไปยังตู้เสื้อผ้า จัดการรื้อค้นอยู่ครู่หนึ่งก็ต้องเบ้หน้า เพราะในตู้เสื้อผ้าของเนวิลล์ นอกจากพวกเครื่องแบบของซอมบี้ฮันเตอร์แล้ว มันก็อุดมไปด้วยเสื้อผ้าเก่า ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นและรองเท้าผ้าใบ ซ้ำมันยังดูตัวเล็กกว่าขนาดตัวผมอยู่มากโข
หมอนี่จะให้ผมใส่เสื้อผ้ารัดรูปหรือไงนะให้ตาย
“มีแต่เสื้อผ้าเก่า ๆ ทั้งนั้นเลย นายนี่มันไร้รสนิยมจริง ๆ ”
“ก็ยังดีกว่ากางเกงรัดรูปสีแดงของนายแล้วกัน” เนวิลล์สวนคืนแทบจะในทันที
ใครว่ากางเกงรัดรูปกันล่ะ นั่นมันชุดแข่งมวยปล้ำต่างหาก!
ผมทำปากขมุบขมิบล้อเลียนเขา ก้มหน้าก้มตาหาเสื้อผ้าต่อ ไม่นานก็ได้เสื้อยืดที่มีขนาดตัวที่กะด้วยสายตาแล้วน่าจะพอดีกับตัวผม ผมจึงผละออกมา ทว่าในจังหวะที่ถอยออกจากตู้เสื้อผ้านั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวหนึ่งถูกพับวางไปล่างสุดของกองเสื้อยืด ผมจึงเอื้อมมือไปหยิบมันออกมาคลี่ดู
“นี่เสื้ออะไร” ผมถามทันทีที่เห็นเสื้อหน้าตาประหลาด มันดูคล้ายกับเครื่องแบบอะไรบางอย่าง เสื้อตัวนั้นมีกระเป๋าเสื้อที่อกด้านซ้ายและตัวอักษรสีน้ำเงินที่ผมไม่คุ้นตาที่หน้าอกด้านขวา
เนวิลล์เหลือบมามองเล็กน้อย ก่อนตอบ “นั่นเสื้อนักเรียน”
“ฉันไม่เคยเห็นโรงเรียนไหนใส่ยูนิฟอร์มแบบนี้มาก่อน”
“แล้วมันใช่ยูนิฟอร์มของโรงเรียนในอเมริกาซะที่ไหน ไม่เห็นหรือไงว่ามันมีชื่อฉันที่เป็นภาษาไทยปักอยู่”
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่ามันเป็นภาษาไทย” ผมพึมพำ ส่งสายตาค้อนให้เขาเล็กน้อย “ว่าแต่มันใช่ชื่อนายแน่เหรอ ทำไมยาวอย่างนี้”
“ชื่อคนไทยก็อย่างนี้แหละ”
ตอนนี้เหมือนเนวิลล์จะเริ่มคุยดีกับผมมากขึ้น แถมยังมีน้ำเสียงเป็นมิตรอีกด้วย
โอเค ก็ไม่ได้เป็นมิตรมากนักหรอก ยังเย็นชาอยู่ แต่ถ้าเทียบกับตอนก่อนหน้าแล้ว ก็ถือว่าดีขึ้นกว่าเดิมมาก ซึ่งมันก็เป็นโอกาสอันดีที่ผมควรจะชวนเขาคุยต่อเพื่อผูกมิตรเอาไว้ อย่างน้อย ถ้าเริ่มสนิทกัน เขาก็จะได้ไม่โหดกับผมอย่างที่เป็นอยู่เท่าไหร่นัก
“แสดงว่าชื่อจริง ๆ ของนายไม่ใช่เนวิลล์?”
“อืม”
“แล้วชื่อนายมันอ่านว่าอะไร” ผมถามพลางพลิกตัวอักษรสีน้ำเงินบนเสื้อนั่นไปทางเขา
เขามองผมนิ่ง ๆ เล็กน้อย ก่อนจะขยับริมฝีปาก
“นาวี อธิษฐ์เทพา”
“นา... นาอะไรนะ” ผมชะงักกึกทันทีเมื่อได้ยินชื่อเขาจนต้องถามออกไปอีกครั้ง
