Episode 05: A Trainee vs A Trainer 【2】
“ทีนี้ก็เหนี่ยวไกยิงซะ จับปืนให้ดี ระวังด้วย เดี๋ยวมันจะดีดใส่”
ถึงตอนนี้ ผมไม่ฟังเสียงของเขาอีกแล้ว จัดการเล็งเป้าแล้วเหนี่ยวไกทันที ทว่าทันทีที่ผมยิงนัดแรกออกไป แรงดีดกลับจากลำกล้องปืนก็ทำเอาผมผงะเต็มแรง ดีที่ผมยังบังคับมันได้ มันเลยไม่ดีดกลับมาโดนหน้าหล่อ ๆ แต่ก็หวิดเหมือนกัน
“ฉันบอกแล้วไงว่าให้ระวังมันจะดีดใส่” เนวิลล์ว่าเสียงขุ่น ทำให้ผมต้องหันไปหงุดหงิดใส่เขาบ้าง
“นายก็หยุดพูดซะที เพราะเสียงของนายนั่นแหละที่ทำให้ฉันเสียสมาธิ!”
เนวิลล์เลิกคิ้วอย่างไม่ยี่หระ มิหนำซ้ำยังไม่หยุดพูดอย่างที่ผมต้องการอีก
“ยิงต่อไป เอาให้เข้าเป้า กระสุนมีไว้ให้ยิงเป้า ไม่ใช่ยิงลม ยิงอย่างนี้ถ้าได้ลงพื้นที่จริง มีหวังตายเป็นคนแรก”
ผมล่ะอยากจะหันกระบอกปืนไปยิงกรอกปากหมอนี่จริง ๆ ให้ตาย!
ผมตั้งท่าเหนี่ยวไกอีกครั้ง พอตั้งหลักได้แล้ว ก็จัดการรัวกระสุนใส่จนกระทั่งหมดซอง พอเสียงปืนเงียบลง เนวิลล์ก็แทรกขึ้นมาแทบจะในทันที
“ไม่เข้าเป้าสักนัด ห่วยจริง”
ผมเหล่มองเขาอย่างหัวเสีย แต่ก็จริงอย่างที่เขาว่า เพราะเป้าที่ผมตั้งใจยิงใส่เมื่อครู่ยังคงมีสภาพดีอยู่ ไม่ได้รับการกระทบกระเทือนใด ๆ เลยสักนิด
“ก็ฉันเพิ่งฝึกครั้งแรก พลาดบ้างก็ไม่เสียหายหรอกน่า ว่าแต่นายเถอะ ฝึกมาตั้งนานแล้ว ไหนโชว์หน่อยซิว่าจะแม่นแค่ไหน”
“นี่นายท้าฉัน?”
“ใช่ เอาให้เข้าทุกนัดนะครูฝึก” ผมแสร้งว่าเหน็บ
เนวิลล์ยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะเข้ามาผลักอกผมให้ออกห่างจากจุดยิง แล้วเอาตัวเองเข้ามาแทน เขาจัดการบรรจุกระสุนปืนใส่ซองอีกครั้งอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะยกปืนขึ้นด้วยมือข้างเดียว
“อ๊ะ ๆ ยืนตรง แยกเท้าเสมอไหล่ ขาเหยียดตึงสิครับคุณครู” ผมทักเมื่อเห็นว่าเขาจัดท่าทางผิดจากที่พร่ำสอนผม
ทว่าเนวิลล์หันหน้ามามองผม แล้วพูดขึ้นมาสั้น ๆ
“ไม่จำเป็น”
พูดจบ ก็เหนี่ยวไกยิงทันที โดยที่ไม่หันหน้าไปมองเป้าเลยด้วยซ้ำ กระสุนกว่าสิบนัดถูกรัวใส่เป้าจนพรุนเป็นรู ที่สำคัญ มันเข้าจุดกลางของเป้าทุกนัดเสียด้วย
ผมอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อสายตา ขณะที่เขาเอี้ยวตัวมามองผมโดยหันหลังให้เป้า ไขว้แขนพาดลำตัว ยิงกระสุนลูกสุดท้ายที่ยังค้างอยู่ออกไปอีก และมันก็เข้าเป้าตรงเผง!
ทำได้ยังไงวะนั่น!
“อย่ามาท้าฉัน” ใบหน้าของเนวิลล์ผุดพรายไปด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ ผมออกจะแค้นเขาสักหน่อย แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาเก่งจริง ๆ
“ทีนี้ก็มาฝึกใช้ HK33 กัน”
“แค่ปืนสั้นยังไม่รอด จะให้มายิงปืนยาว บ้าบอชะมัด พอละ ฉันไม่เอาละ”
ผมเบื่อที่จะต้องฟังคำสั่งเขาอีกต่อไป และเบื่อที่ต้องมาเสียหน้าเพราะเขาด้วย เลยยกเลิกการฝึกโดยไม่ถามความเห็นจากเขาสักนิด พลันถอดอุปกรณ์ป้องกันที่ใส่อยู่ออกอย่างรวดเร็ว
“ใส่กลับเข้าไปเดี๋ยวนี้” เนวิลล์สั่งผม ทว่าผมปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่ ฉันไม่จำเป็นต้องฝึกอะไรพวกนี้”
“นายจำเป็นต้องฝึกแน่”
“ฉันเป็นแค่ผลงานของพวกนายก็พอแล้วน่า ถ้าฉันฝึกและคล่องเมื่อไหร่ ฉันก็ต้องออกสนามจริงกับพวกนาย และถ้าฉันตาย พวกนายก็จะเสียผลงานไป อย่าลืมสิว่าฉันมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงให้คนรักของนายนะ” ผมสวนกลับ
เนวิลล์ดูหน้าตึงไปทันตา แต่ผมไม่สนใจ ออกเดินไปจากจุดที่อยู่ทันใด
“พอกันที ไม่เอาแล้ว” ผมทิ้งท้าย
“กลับมานี่เดี๋ยวนี้!” เขาเรียกเสียงดังเมื่อเห็นว่าผมทำท่าไม่ฟัง แล้วตะโกนกลับไปบ้างขณะที่ขายังก้าวเดินออกไปข้างหน้าทางเข้าสนามยิงปืน
“ไม่!”
“ฉันบอกให้กลับมา!”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่!”
“นี่คือคำสั่ง!”
เออ สั่งไปเลย ไม่ทำตามหรอก
ผมเดินต่อจนเกือบจะพ้นสนามยิงปืน ทว่าเนวิลล์ไม่ยอมให้ผมหนีไปง่ายๆ ก้าวตามผมมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่สัมผัสหนัก ๆ จะถูกวางลงบนไหล่ของผม รั้งไม่ให้ผมเดินต่อ และพอหันกลับมาเห็นว่าเป็นมือของเนวิลล์ที่อยู่ใกล้ผมในระยะประชิด ผมก็เตรียมอ้าปากจะถามว่าเขาจะทำอะไร แต่ไม่ทันจะได้พูดสักแอะ เขาก็ออกแรงกดไหล่ผมลง แล้วพลิกตัวมาล็อคคอ ก่อนจะจับทุ่มลงพื้นเต็มแรง
พลั่ก!
“โอ๊ย! ทำบ้าอะไรของนายวะ!” ผมร้องลั่น พยายามจะลุกขึ้น แต่เนวิลล์รู้ทัน รีบพลิกตัวขึ้นมานั่งทับผมเอาไว้ และใช้ขาข้างหนึ่งวางทาบบนลำคอ ไม่ให้ผมลุกขึ้นง่าย ๆ ขณะที่มือทั้งสองจับแขนข้างหนึ่งของผมไขว้หลังแน่น
สมองผมประมวลทันทีว่าท่าที่เขาใช้เล่นงานผมอยู่ มันคือหนึ่งในท่าไม้ตายมวยปล้ำที่ทำให้คู่ต่อสู้หมดแรงและยอมแพ้ได้อย่างราบคาบ ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นหนึ่งในท่าที่ดัดแปลงมาจากท่าการต่อสู้ป้องกันตัวที่พวกตำรวจและทหารใช้กันนั่นเอง
“คงไม่รู้ใช่มั้ยว่าทหารที่ไม่ฟังคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาจะต้องรับโทษยังไง” เขาว่าเสียงเย็น แต่ผมกลับได้ยินมันประหนึ่งเป็นเสียงจากยมทูตที่พร้อมจะกระชากวิญญาณอยู่ทุกวินาที ก่อนที่เขาจะออกแรงกดผมมากขึ้น
ความเจ็บปวดที่แล่นพล่านไปทั่วตัว ทำให้ผมต้องแค่นเสียงออกมาอย่างยากลำบาก
“ยะ...ยอมแล้ว ๆ ยอมแพ้แล้ว” ผมรีบยกธงขาวก่อนที่เขาจะได้ออกแรงมากกว่านี้
แต่หมอนี่มันซาดิสม์ ยิ่งเห็นผมยกธงขาว ก็ยิ่งออกแรงมากกว่าเดิม แถมไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ
“ฉันจะทำให้นายรู้ว่าบทลงโทษที่บังอาจขัดคำสั่งจะต้องโดนยังไง”
เท่านั้น เขาก็ออกแรงสุดกำลัง ผมแหกปากร้องลั่นสนามยิงปืนประหนึ่งหมูโดนเชือด ทุกชีวิตหันมามองผมเป็นตาเดียว แถมไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยด้วย นอกจากยืนหัวเราะกันที่เห็นผมถูกจัดการอย่างโหดเหี้ยม ส่วนพวกผู้หญิงที่มองผมอย่างชื่นชมในตอนแรก ตอนนี้พากันหัวเราะท้องแข็งราวกับได้ดูละครคอมเมดี้ทางโทรทัศน์อย่างไรอย่างนั้น
“ยะ...ยอมแล้ว ยอมแล้วจริง ๆ ” ผมตบพื้นสองสามที ขณะที่น้ำหูน้ำตาไหลพรากด้วยเก็บความเจ็บปวดไว้ไม่ไหว
เนวิลล์ค้างท่านั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระ แล้วผุดลุกขึ้นยืน
“จำไว้ว่าอย่าขัดคำสั่งฉันอีก” ว่าแล้วก็เตะเข้ามาที่สะโพกผมไม่แรงนักทีหนึ่ง “ลุกขึ้น แล้วมาฝึกยิงปืนต่อ เร็วเข้า!”
อะ...ไอ้โหดเอ๊ย!
กว่าจะรอดมาจากนรกทุกขุมที่เนวิลล์กระชากขึ้นมาได้ ก็เล่นเอาผมปวดระบมไปทั้งตัว พอถึงเวลาห้าโมงเย็นซึ่งเป็นเวลาเลิกฝึกของทุกกองร้อย เขาก็ยอมปล่อยให้ผมกลับมาที่โรงนอนแต่โดยดี
ผมพยุงร่างบอบช้ำขึ้นบันไดทีละขั้นอย่างยากลำบาก เรียกได้ว่าแทบจะคลานขึ้นบันไดเลยทีเดียว ก่อนที่ผมจะสังเกตเห็นว่าบรรดาซอมบี้ฮันเตอร์ที่ถูกเรียกเข้ากองร้อยหลักเมื่อเช้านี้กำลังสาละวนกับการเก็บข้าวของของตัวเองลงกระเป๋าเป้ร็อคแซคใบเขื่อง ไม่เว้นแม้กระทั่งแพทริกและแอนนาเบล ทำให้ผมที่เพิ่งจะมาถึงห้องนอนของหน่วยตัวเองต้องร้องถามพวกเขาอย่างสงสัย
“จะไปไหนกันน่ะ”
แอนนาเบลละสายตาจากการเก็บของมามองผมเล็กน้อย ก่อนจะเมินราวกับผมเป็นอากาศธาตุ ปล่อยให้แพทริกที่กำลังรื้อเอาของในตู้เหล็กตอบคำถามผมเพียงลำพัง
“ย้ายไปโรงนอนของกองร้อยหลัก”
“ย้ายไปทำไม”
“ก็อีกไม่นานพวกฉันก็ต้องเข้ากองร้อยหลักแล้ว เลยต้องไปใช้ชีวิตที่นั่น”
“งั้นฉันก็ต้องนอนที่นี่คนเดียวน่ะสิ
ที่ถามอย่างนี้เพราะนึกขึ้นได้ว่าทั้งหน่วยมีคนที่ต้องเข้ากองร้อยหลักในอีกไม่ช้าอยู่ถึงสามคน ซึ่งนั่นก็คือแพทริก แอนนาเบลและร็อบบ์ ส่วนเนวิลล์ไม่ต้องพูดถึง รายนั้นบอกไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่านอนที่บ้าน
“ใช่” แพทริกตอบสั้น ๆ ก่อนที่แอนนาเบลจะเสริมขึ้นมา
“ใครมันจะอยากไปใช้ชีวิตอยู่กับไอ้ขี้แพ้อย่างนายกัน แค่หายใจร่วมโลกด้วยยังขยะแขยงจนขนหัวแทบลุก” ว่าจบ ก็ทิ้งตัวลงจากเตียงแล้วหันไปบอกแพทริก “ฉันลงไปรอข้างล่างนะ นัดกับร็อบบ์ไว้”
แพทริกพยักหน้าให้หล่อนเล็กน้อย ก่อนที่แอนนาเบลจะเดินออกไป
ผมมองตามเล็กน้อย ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่ายัยนั่นมีดีอะไร ร็อบบ์ถึงได้ยอมตกลงไปเป็นแฟนด้วย
ไม่กี่นาทีให้หลัง แพทริกก็จัดของเสร็จ เขาทำท่าจะตามแอนนาเบลลงไป แต่ก็ไม่ลืมที่จะบอกลาผม
“อยู่ดี ๆ ล่ะ อย่าก่อเรื่องอีก ไม่งั้นเนวิลล์เอานายถึงตายแน่”
“ไม่ต้องบอกก็พอจะรู้” ผมว่าเสียงแห้ง ขนาดวันนี้ไม่ได้ก่อเรื่องยังแทบจะไม่รอดชีวิตเลย
“ดี พวกฉันจะได้เบาใจว่านายไม่ทำให้หน่วยขายหน้าอีก”
“ไม่ต้องห่วงน่า” ผมตบท้าย
แพทริกไม่พูดอะไรอีก เดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ผมได้เอนตัวนอนลงบนเตียง หวังจะคลายความปวดล้าที่ได้มาทั้งวันให้เต็มที่
ผมอยากจะหลับเหลือเกิน เพราะคิดว่าการได้หลับมันจะทำให้ความเหนื่อยที่กำลังเผชิญอยู่หายไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ทำได้แค่นอนหลับตาเฉย ๆ เท่านั้น อย่างที่รู้กันนั่นแหละว่าผมนอนหลับเหมือนคนทั่วไปไม่ได้
ทรมานชะมัดเลยให้ตาย
หลับตาได้แค่ครู่เดียว เสียงม่านกั้นห้องก็ถูกรูดออก ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้น พอเห็นว่าคนมาใหม่เป็นใคร ผมก็แทบจะถอดรองเท้าคอมแบทปาใส่อีกฝ่ายทันที
“จะมาสั่งให้ฉันทำอะไรอีกล่ะครูฝึก”
เนวิลล์ยืนมองผมครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินมายังตู้เหล็กแล้วคว้ากระเป๋าเป้ใบใหม่ออกมาโยนใส่ผมที่นอนอยู่บนเตียง
“เก็บข้าวของของนายซะ”
“เก็บทำไม” ผมลุกขึ้นนั่ง ย่นคิ้วมุ่น
“นายจะย้ายไปนอนที่อื่น”
“อย่าบอกนะว่าให้ฉันไปนอนที่โรงนอนของพวกกองร้อยหลัก?”
ผมอดหวั่นใจไม่ได้เลยว่า เขาจะให้ผมเลื่อนขั้นไปฝึกแบบโหดเต็มสตรีม ฝึกขั้นพื้นฐานยังทำผมรากเลือดขนาดนี้ ไม่ต้องบอกเลยว่าถ้าไปอยู่กับกองร้อยหลักจะอานขนาดไหน
“เปล่า นายคิดว่านายมีปัญญาไปฝึกระดับสูงอย่างนั้นหรือไง”
คำตอบของเนวิลล์ทำเอาผมลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“แล้วนายจะให้ฉันย้ายไปไหน”
“ห้องนอนของฉัน”
“อะไรนะ!”
“ฉันบอกว่าให้นายย้ายไปนอนที่ห้องของฉัน ...ที่บ้านของท่านนายพล”
พอเขาย้ำคำตอบ ความหวั่นใจของผมกลับมาอีกครั้ง เขาให้ผมย้ายไปอยู่ด้วยแบบนี้ แสดงว่าต้องมีแผนการอะไรในใจแน่ ๆ
“นายคิดจะทำอะไร” ผมถามอย่างไม่ไว้ใจ
“รักษาความลับของนาย”
“มันเกี่ยวอะไรกับการที่ให้ฉันย้ายไปอยู่กับนายเนี่ย” ผมว่าเสียงขุ่น บอกตามตรงเลยว่าผมไม่อยากจะอยู่ใกล้เขาเลยแม้แต่นิดเดียว ยิ่งอยู่ใกล้ก็รู้สึกเหมือนอายุสั้นลงทุกวินาที
หากแต่เนวิลล์ไม่ตอบ นอกจากออกปากสั่งเท่านั้น
“ฉันให้เวลานายห้านาที รีบเก็บของแล้วรีบลงไปข้างล่าง ฉันจะไปรอ ถ้าเกินกว่านี้ คงไม่ต้องบอกนะว่านายจะโดนอะไร”
สิ้นเสียง ก็เดินออกจากห้องไปทันที ทิ้งให้ผมมองตามอย่างหัวเสีย
หมอนี่บ้าอำนาจชะมัด!
