บท
ตั้งค่า

Episode 06: Neville/ Navy/ Vivi 【2】

“นาวี”

พอเขาย้ำคำตอบ ผมก็ย่นคิ้วน้อย ๆ

“ชื่อว่ากองทัพเรือเนี่ยนะ แปลกชะมัด”

“พ่อฉันเป็นทหารเรือ” เนวิลล์ว่าเสียงเย็น

“อ๋อ ก็เลยเป็นที่มาของชื่อนายนี่เอง ให้ฉันเดานะ เนวิลล์คงจะได้มาเพราะพวกคนที่นี่ชอบถามที่มาของชื่อนายล่ะสิ”

เนวิลล์พยักหน้ารับ สีหน้าของเขาดูปกติเหมือนกับตอนที่เขาคุยกับคนอื่นในหน่วยไม่มีผิดเพี้ยน เขาคงจะเริ่มเห็นผมเป็นพวกเดียวกันแล้วล่ะมั้ง

“แต่ฉันไม่ชอบเรียกนายว่าเนวิลล์เลยแฮะ มันเหมือนไม่ใช่ตัวตนของนายจริง ๆ ฉันเรียกนายว่านาวีแล้วกัน” ผมได้ทีตีสนิทเขาอย่างรวดเร็ว

สีหน้าของนาวีเริ่มเปลี่ยนไปอีกครั้ง มันย่นยู่ราวกับไม่พอใจ ก่อนที่เขาจะปริปากออกมา

“เรียกอย่างเดิมนั่นแหละ เรียกชื่อจริงแล้วมันไม่ชินหู”

ก็คงจะอย่างนั้น ดูท่าทางแล้วคงมีแค่ครอบครัวเขาเท่านั้นแหละที่เรียกเขาอย่างนั้น ส่วนคนอื่นก็คงจะเรียกเนวิลล์กันหมด

“งั้นถ้านายไม่ชอบให้เรียกนาวี ฉันก็จะเรียกนายว่าวีวี่แทนแล้วกัน ฟังดูสนิทกันดี” ผมเริ่มงัดท่าไม้ตายที่เคยใช้กับสาว ๆ มาใช้กับเขาบ้าง เชื่อมั้ยว่าสาว ๆ ที่ถูกผมตั้งชื่อให้ใหม่แบบนี้ ไม่เคยรอดเงื้อมือผมสักราย

แต่กับเนวิลล์คงจะไม่ใช่ เพราะพอเขาได้ยินชื่อใหม่ของตัวเอง หัวคิ้วเรียวก็ย่นยู่ไปทันที

“ชื่อบ้าอะไรของนาย”

“ก็ชื่อของนายไง น่ารักดีออก เนอะ ให้ฉันเรียกนายว่าวีวี่นะ” ผมทำเสียงเล็กเสียงน้อยอ้อนเขา

เนวิลล์... ไม่สิ นาวีไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบกลับมาเลยแม้แต่น้อย เอาแต่มองผมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมขยับเรียวปากสีสวย

“ตามใจ”

เห็นมั้ย ผมบอกแล้วว่ารอยยิ้มพิมพ์ใจของผมมันได้ผล!

“ฉันจะไปอาบน้ำ นายก็ไสหัวไปอาบซะด้วย นายอาบห้องข้างบน เดี๋ยวฉันลงไปอาบห้องข้างล่าง ผ้าขนหนูอยู่ในตู้ จัดการตัวเองซะ แล้วก็วันนี้ไม่มีมื้อเย็นนะ ฉันเหนื่อย ขี้เกียจทำ”

ผมพยักหน้ารับหงึกหงัก ไม่มีมื้อเย็น ผมก็ไม่สนอยู่แล้ว เพราะผมไม่จำเป็นต้องกิน

นาวีเข้ามาคว้าผ้าขนหนูของเขาที่พาดอยู่บนขอบประตูตู้เสื้อผ้าไปพาดบ่าแล้วก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ผมยิ้มกระหยิ่มใจที่แผนการเอาความหล่อเข้าล่อเขาสำเร็จไปด้วยดี

ผมไปอาบน้ำที่ห้องน้ำเยื้องกับห้องนอนของเขาตามคำสั่ง ไม่นานก็กลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ผมใช้ผ้าขนหนูผืนใหม่ของนาวีเช็ดหยดน้ำที่เกาะพร่างพราวอยู่บนกาย ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดออกด้วยฝีมือของใครบางคน

“นึกว่าใคร ตกอกตกใจหมด ทีหลังหัดเคาะประตูก่อนเข้าบ้างสิวีวี่ ฉันจะได้รู้ว่าเป็นนาย ไม่ใช่ร็อบบ์หรือท่านนายพล” ผมหันไปดุเขาอย่างไม่จริงจังนัก

นาวีซึ่งอยู่ในสภาพท่อนบนไร้อาภรณ์ใด ๆ ส่วนท่อนล่างสวมกางเกงขาสั้นเอวต่ำเกาะสะโพกยืนใช้ผ้าขนหนูซับหยดน้ำที่เส้นผม มองมายังผมอย่างไม่ยี่หระเท่าไหร่นัก ผมจึงได้ลอบสังเกตในตอนนี้เองว่า ร่างกายของนาวีเต็มไปด้วยลอนกล้ามและก้อนเนื้อแข็ง ๆ ไปทั่วร่าง ไม่ต่างจากนักกีฬาอย่างผมเลยแม้แต่น้อย

จริง ๆ ก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าเขามีกล้ามเนื้อไปทั้งตัว แต่ไม่คิดว่าจะมีมากถึงขนาดนี้ไง เห็นตัวเล็กกว่าผม รูปร่างสันทัดตามแบบฉบับชาวเอเชีย ที่แท้ก็หุ่นดีใช่ย่อยเหมือนกัน เสียอย่างเดียวคือเขาดูตัวบางกว่าที่เห็นในยามใส่เสื้อผ้าอยู่โข ทว่าอะไรก็ไม่สะดุดตาเท่าผิวเนื้อขาวเนียนที่ดูผ่องไปทั้งตัว ดูเผิน ๆ แล้วอย่างกับผิวผู้หญิง ถ้าไม่ติดว่าช่วงต้นแขนและลำคอของเขาเป็นสีแทนจากการตากแดดเป็นระยะเวลานานตัดกับสีผิวที่ลำตัวล่ะก็ เขาคงจะดูสะดุดตากว่านี้ ก่อนสายตาผมจะถูกรอยสักบริเวณต้นคอด้านซ้ายดึงความสนใจไป มันเป็นรอยสักรูปตัวอาร์ (R) ใหญ่แบบตัวเขียน

ผมพอจะเดาได้ว่ามันต้องเป็นตัวอักษรขึ้นต้นชื่อของร็อบบ์

“มองอะไรอยู่ได้” พอนาวีทักขึ้นมา ผมก็สะดุ้งอีกครั้ง รู้สึกตัวว่าจ้องเขานานเกินไป

“ก็แค่ดูว่าร่างกายนายควรจะเพิ่มกล้ามเนื้อตรงไหนบ้างก็เท่านั้นเอง” ผมอ้างไปเรื่อย

แน่นอนว่านาวีไม่เชื่อผมหรอก เห็นสีหน้าก็รู้แล้ว แต่เขาไม่ได้พูดอะไร นอกจากเดินเข้ามาหาผมแล้วออกคำสั่ง

“เอาผ้าเช็ดตัวออกไปซิ”

เขาหมายถึงผ้าเช็ดตัวที่ผมพาดอยู่บนบ่าข้างซ้ายล่ะ

“เอาออกทำไม”

“ฉันจะดูหน้าอกนายชัด ๆ ”

ดะ...เดี๋ยวนะ หมอนี่จะมาดูหน้าอกผมทำไมกัน?

ไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไร นาวีก็จัดการกระชากผ้าเช็ดตัวที่ขวางสายตาเขาออกแล้ว แต่อะไรก็ไม่ได้ทำให้ผมขนลุกขนพองเท่ากับการที่มือหยาบกร้านของเขาวางแตะลงมาบนหน้าอกผม และลากไล้ไปมาเบา ๆ

ผมรีบคว้ามือเขาออก ทว่านาวีกลับใช้มือข้างที่ว่างอยู่จับมือของผมข้างนั้นแล้วบิดไปอีกทาง พลางส่งสายตาดุ ๆ มาให้

“ฉันดูอยู่ไม่เห็นหรือไง”

ดูอะไร! หมอนี่ดูอะไร!

ผมอ้าปากเตรียมจะถาม แต่ก็ไม่ไวเท่านาวีที่ลูบไล้ฝ่ามือผ่านหน้าอกผมลงมาอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่แค่ลูบเพียงข้างเดียว แต่ลากไล้ไปมาทั้งสองข้างจนผมขนลุกเกรียวไปทั้งตัว ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกดีนะ แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าคนที่กำลังลวนลามกล้ามหน้าอกสุดเซ็กซี่ของผมอยู่ไม่ใช่ไอ้โหดหน้าละอ่อนคนนี้น่ะ!

“ฉะ...ฉันว่ามันยังไม่ถึงเวลามั้งวีวี่” ในที่สุด ผมก็ออกแรงสะบัดออกจากการเกาะกุม คว้ามือของเขาที่ปู้ยี่ปู้ยำหน้าอกผมอย่างเมามันออกห่าง

“ยังไม่ถึงเวลาอะไร” นาวีย่นคิ้วจนแทบผูกกันเป็นปม

ผมชั่งใจ ไม่รู้ว่าควรจะพูดดีมั้ย มันชวนกระอักกระอ่วนจริง ๆ เลยให้ตายเถอะ!

“ก็... ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะ...”

“จะ...?”

“จะจู๋จี๋กัน”

เพียะ!

สิ้นเสียงผม เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าก็ดังตามมาติด ๆ ถึงแรงตบของนาวีจะไม่แรงมาก แต่มันก็ทำให้ผมหันไปมองหน้าเขาอย่างเหวอ ๆ ได้ดีทีเดียว

“คิดบ้าอะไรของนาย นึกว่าฉันเป็นโฮโมฯ หรือไง”

“แล้วนายทำบ้าอะไรของนายล่ะ มาลูบ ๆ คลำ ๆ อยู่ได้ เป็นใครก็ต้องคิดทั้งนั้นแหละ” ผมโวยบ้าง พลางยกมือข้างหนึ่งลูบซีกหน้าที่ถูกเขาตบเรียกสติไปมาพร้อมสูดปากไปด้วย

“มีแต่คนสมองลิงอย่างนายนั่นแหละที่คิด ฉันแค่จะเช็คดูให้แน่ใจว่าเนื้อข้างที่เน่าของนายมันยังไม่ใช่เนื้อตายก็เท่านั้น”

“แล้วนายจะลูบสลับไปสลับมาทำไมล่ะ ลูบข้างเดียวก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ที่ต้องเช็คทั้งสองข้าง ก็เพื่อดูว่ามันมีอุณหภูมิเหมือนกันหรือเปล่า นายไม่รู้หรือไงว่าเนื้อที่ตายแล้วมันจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าเนื้อที่ยังไม่ตาย ”

พอเขาพูดมาอย่างนี้ ผมก็กระจ่างแก่ใจ

จริงอย่างที่เขาพูดแฮะ มีแต่ผมจริง ๆ ด้วยที่บ้าบอคิดลึกไปอยู่คนเดียว

“ก็ทำไมไม่บอกกันก่อนเล่า”

“ใครจะไปนึกว่านายจะโง่บรมได้ขนาดนี้”

สุดท้ายแล้ว ผมก็ถูกเขาด่าอีกตามเคย เอาเถอะ รอบนี้ผมยอม ถือว่าผมผิดเอง

นาวียังคงเช็คสภาพเนื้อบริเวณหน้าอกผมอยู่อีกครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะผละออกมาพร้อมสีหน้าเครียด

“เป็นไงบ้าง” ผมถามเขาแทบจะในทันที

“ฉันก็บอกไม่ได้เหมือนกัน ใช้มือวัดนี่แทบจะไม่รู้สึกถึงความต่าง คงต้องใช้เครื่องมือที่อาคารพยาบาลวัดเอา” เขาว่า ก่อนจะเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนเตียง “เมื่อคืนนายบอกฉันใช่มั้ยว่านายถูกยาต้านไวรัสฉีดแล้วไม่เป็นอะไร”

จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมา ผมพยักหน้ารับ

“จะบอกว่าไม่เป็นอะไรเลยซะทีเดียวก็ไม่ถูก มันก็มีบ้าง แบบว่ารู้สึกร้อนวูบ ๆ วาบ ๆ น่ะ”

นาวีรับฟัง พลันก้มตัวลง ยื่นมือไปควานหาอะไรบางอย่างใต้เตียง ก่อนจะดึงกระเป๋าใบเขื่องออกมา ผมคุ้นตาทันทีว่ามันเป็นกระเป๋าบรรจุเข็มฉีดยาและยาต้านไวรัส และก็จริงเสียด้วยเมื่อเขาเปิดมันขึ้น คว้าเอาเข็มฉีดยาหลอดหนึ่งขึ้นมา แล้วเอ่ยปากเรียกผม

“มาใกล้ ๆ ซิ”

“คราวนี้ไม่ฉีดก้นแบบไม่บอกกล่าวแล้วนะ” ผมรีบดักทางเขาเอาไว้ก่อน แค่นี้ผมก็ระบมมากพอแล้ว เจอท่าไม้ตายเอาเข็มฉีดยาปักตบท้ายก่อนหมดวันคงจะไม่ไหว

“ไม่อยากโดนแบบคราวก่อนก็ยื่นแขนมาซะ” นาวีว่าน้ำเสียงเย็น ๆ

ผมทรุดตัวลงนั่งข้างเขา แล้วยื่นแขนขวาออกไปให้ นาวีใช้นิ้วตีข้อพับแขนผมเบา ๆ สองสามครั้ง ก่อนที่จะปักเข็มฉีดยาลงมา ดีที่ครั้งนี้ มือเขาไม่หนักเหมือนกับครั้งแรก ไม่นานนัก การฉีดยาต้านไวรัสเข็มที่สองของผมก็เสร็จสิ้น ชั่วพริบตาเดียว ผมก็รู้สึกร้อนวูบไปทั้งกาย คราวนี้เหมือนกับว่ามันจะร้อนมากกว่าเดิม แถมยังรู้สึกเจ็บแปลบแปลก ๆ บริเวณหน้าอกข้างซ้ายจนผมต้องกำผ้าปูเตียงแน่นเพื่อข่มความเจ็บปวดไว้ ผมแทบจะไม่มีสมาธิสังเกตอะไรทั้งนั้น มีเพียงนาวีที่จ้องร่องรอยเนื้อเน่าของผมตาไม่กะพริบ

ผ่านไปครู่หนึ่ง ความเจ็บปวดและความร้อนรุ่มก็ทุเลาลงจนเป็นปกติ ผมค่อย ๆ ผ่อนคลายร่างกาย พลางยกมือปาดหยาดเหงื่อที่ไหลอาบใบหน้าเป็นพัลวัน

“อย่าสะบัดเหงื่อมาโดนฉันเชียว” นาวีโพล่งขึ้นแทบจะทันทีที่เห็นผมทำท่าจะสะบัดมือ

“ก็บอกแล้วไงว่าถ้ามันจะติดกันเพราะสัมผัส นายก็คงจะไม่รอดตั้งแต่จับฉันฉีดยาตอนนั้นแล้ว” ผมมุ่ยหน้า

นาวีเหมือนจะนึกขึ้นมาได้ เลยปิดปากเงียบไป พลางยกมือขึ้นแตะหน้าอกผมอีกครั้ง

“เมื่อกี้ที่ฉีดยาต้านไวรัสให้นาย ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าสีผิวเนื้อเน่าของนายจะจางลงไปนิดนึง”

“จริงเหรอ!” ผมร้องลั่นอย่างลิงโลด “งั้นก็แสดงว่ายาต้านไวรัสนี่รักษาฉันได้น่ะสิ”

มิน่าล่ะ ทำไมตอนที่ผมอาบน้ำในโรงนอนถึงได้เห็นเลือดสีแดงไหลซึมออกมาปะปนด้วย ที่แท้ก็เป็นเพราะปฏิกิริยาจากยาต้านไวรัสอย่างที่ผมคิดจริง ๆ ด้วย

“ฉันอุปทานไปเองหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าอยากจะมั่นใจ คงต้องพานายไปอาคารพยาบาล”

“งั้นก็ไปกันตอนนี้เลย!” ผมลุกพรวด คว้าข้อมือนาวีให้ลุกขึ้นตามอย่างรวดเร็ว

ทว่านาวีขืนตัวเองไว้ แล้วดึงมือออกจากอุ้งมือผม

“ไม่ได้ ตอนนี้ที่นั่นไม่มีใครอยู่ ต้องรอพรุ่งนี้ ฉันจะได้ให้ใครบางคนมาตรวจนาย”

“เอ้า ฉันก็นึกว่านายตรวจให้ฉันได้” ผมหน้าเจื่อนไปทันตา

“ได้แค่พื้นฐานก็เท่านั้นแหละ”

“แล้วถ้านายพาฉันไปให้ใครบางคนที่นายว่าตรวจ ทั้งนายทั้งฉันจะไม่ซวยกันไปหมดหรือไง” ผมฉุกใจคิดขึ้นมาได้

ก็เขาเป็นคนบอกเองนี่นาว่าให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับระหว่างเขากับผม นี่ผ่านไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็จะเปิดโปงความลับของผมซะแล้ว

“คนที่ฉันจะพานายไปเจอเชื่อใจได้ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” นาวีดูไม่สนใจสักเท่าไหร่ ปล่อยให้ผมนั่งมองเขาอย่างครุ่นคิดอยู่อย่างนั้น กระทั่งเขาพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ลงไปนอนได้แล้ว นี่หมอน นอนซะ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปฝึกแต่เช้า”

ว่าจบก็จัดการโยนหมอนใบหนึ่งลงบนพื้นข้างเตียง แย่ไปกว่านั้นคือ หมอนี่ถีบส่งผมลงจากเตียงด้วย

“ใจคอจะให้ฉันนอนพื้นแข็ง ๆ นี่จริงเหรอ” ผมร้องท้วงเมื่อเห็นว่าพื้นนี่ไม่มีอะไรปูรองเลยแม้แต่น้อย

นาวีเหล่มองผม ก่อนจะโยนผ้าห่มบนเตียงลงมาให้อีกผืน

“จะปูนอนหรือจะห่มก็เลือกเอา”

สิ้นเสียง เขาก็ลุกขึ้นไปปิดไฟ แล้วกลับมาทิ้งตัวนอนโดยไม่สนใจผมอีกต่อไป ทิ้งให้ผมนั่งหัวโด่ มองเงาดำทะมึนของเขาที่นอนหันหลังให้เงียบ ๆ

หึย... อยากจะลุกขึ้นไปถีบสักที น่าหมั่นไส้นัก

แต่ที่ผมทำได้ ไม่ใช่การลุกขึ้นไปถีบดังใจคิด ในตอนนี้ผมต้องเอาใจเขาเข้าไว้ เพื่อที่เขาจะได้ไม่โหดร้ายกับผมเท่าไหร่นักในการฝึกของวันพรุ่งนี้

“ฝันดีนะครับวีวี่”

ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ ผมจึงทิ้งตัวลงนอนบ้าง

ไม่เป็นไร วันนี้ยังไม่หวั่นไหว แต่สักวันเถอะ ผมจะทำให้เขากลายเป็นทาสของผมให้ได้เลย แล้วจะได้รู้กันว่านายกำลังเล่นอยู่กับใคร... นาวี!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel