Episode 05: A Trainee vs A Trainer 【1】
“เราจะไปไหนกัน”
ผมถามขึ้นหลังจากที่เนวิลล์เดินนำผมออกจากบริเวณโรงนอนของกองร้อยซอมบี้ฮันเตอร์สำรองรุ่นใหญ่
“พานายไปฝึกยิงปืน” เขาตอบโดยไม่หันมามองหน้าผมด้วยซ้ำ
“ฝึกทำไม”
เขาไม่ตอบ เหลียวมามองผมเพียงเล็กน้อย แล้วก็ออกเดินต่อ ทำเอาผมย่นคิ้วยู่
ผมไม่เข้าใจการกระทำของเขาเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่และมีแผนจะทำอะไรทั้งที่เขารู้แล้วว่าผมเป็นซอมบี้ แต่ไม่ฆ่าผมอย่างที่สมควรจะทำ กลับบังคับให้ผมเก็บความลับไว้ แถมยังจะพาผมไปฝึกยิงปืนประหนึ่งว่าผมเป็นซอมบี้ฮันเตอร์จริง ๆ ด้วยอีก
นี่เขากำลังหลอกให้ผมตายใจอยู่ใช่มั้ย?
“ถามจริง ๆ นะเนวิลล์ นายจะให้ฉันฝึกเป็นซอมบี้ฮันเตอร์ทำไม ในเมื่อฉันไม่ใช่” ในที่สุด ผมก็อดเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหว ถามออกไปจนได้
เนวิลล์หยุดเดิน หันหน้ากลับมาพลัน
“ไม่ใช่ แต่ก็ต้องใช่แล้ว”
“หมายความว่าไง”
“หมายความว่า ฉันจะไม่ยอมให้นายทำเสียเรื่อง”
“พูดบ้าอะไรของนายเนี่ย” ผมชักจะหัวเสียที่หมอนี่พูดไม่เคลียร์สักที
เขามองผมนิ่งครู่หนึ่ง ก่อนจะปริปากออกมา
“นายมาอยู่ที่หน่วยฉันในฐานะซอมบี้ฮันเตอร์ แต่นายดันทำให้หน่วยฉันดูกะโหลกกะลาเพราะความงี่เง่าของนาย ฉันเลยต้องไปคุยกับท่านนายพลเมื่อวาน ขออนุญาตให้ท่านออกคำสั่ง ย้ายนายไปอยู่กองร้อยสำรองรุ่นเล็กเพื่อฝึกใหม่ทั้งหมด ซึ่งฉันคิดว่ามันก็ดีกับนายที่นายสามารถมีชีวิตอยู่ต่อในฐานะซอมบี้ฮันเตอร์ ไม่ต้องตายเพราะเป็นซอมบี้ ฉันว่าจะตามตัวนายให้ไปนอนที่โรงนอนของกองร้อยสำรองรุ่นเล็กตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ดันมีเรื่องอื่นให้คุยซะก่อน”
อ๋อ ธุระที่เขาบอกว่าเมื่อคืนก็คือเรื่องย้ายกองร้อยนี่เองล่ะสินะ
แต่มันไม่ใช่ประเด็น... ประเด็นหลักก็คือ ทำไมเขาถึงไว้ชีวิตผมต่างหาก
“ทำไมนายไม่ฆ่าฉันซะเลยล่ะ”
พอผมถามออกไป เนวิลล์ก็แสยะยิ้มขึ้น มันเป็นรอยยิ้มที่ดูเย็นเยือกที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา ก่อนที่เขาจะก้าวเข้ามาใกล้ แล้วว่าด้วยน้ำเสียงกระซิบ
“ฉันอยากจะระเบิดสมองนายให้กระจุยใจจะขาด”
เขาทำเอาผมเหงื่อแทบตก แต่ก็ยังเก็บอาการหวาดหวั่น ถามกลับไปอีก
“ละ...แล้วทำไมไม่ทำ เมื่อคืนนายมีโอกาสแล้วนี่”
“ถ้าฉันทำ ร็อบบ์จะเดือดร้อน ฉันเลยต้องทำให้นายเป็นซอมบี้ฮันเตอร์แทน”
“เดือดร้อนยังไง เพราะฉันเป็นซอมบี้ฮันเตอร์หน่วยของเขาน่ะเหรอ”
“เปล่า เดือดร้อนเพราะเขาจะไม่ได้กลายเป็นฮีโร่ที่พาผู้รอดชีวิตกลับมาเป็นคนแรกของเขต แต่ดันพาซอมบี้กลับมาแทนต่างหาก”
“อ๋อ นายกลัวว่านายจะลำบากไปด้วยล่ะสินะ ก็นายอยู่หน่วยเดียวกับหมอนั่นนี่” ผมว่า
“ฉันไม่สนว่าตัวเองจะเป็นยังไง ความผิดที่ฉันก่อ ฉันยอมรับมันได้อยู่แล้ว แต่สำหรับร็อบบ์ ฉันจะยอมให้เขาหมดอนาคตไม่ได้”
พอเนวิลล์ปฏิเสธ เท่านั้น ผมก็เข้าใจได้กระจ่างทันทีว่าอะไรเป็นอะไร ที่แท้เขาไม่ฆ่าผมก็เพื่อปกป้องร็อบบ์นี่เอง อย่างที่ผมคิดไว้ตอนแรกไม่มีผิดว่าเขาต้องเป็นพวกรักเพศเดียวกันแน่ ๆ และคนที่เขามีใจให้ก็คงหนีไม่พ้นร็อบบ์นี่แหละ
“น่าปลื้มนะ ปกป้องหวานใจขนาดนี้ มิน่าล่ะ ทำไมถึงไม่ยอมให้ฉันไปนอนเตียงของร็อบบ์ ที่แท้ก็หวง” ผมว่าออกไปด้วยความปากไว และนั่นก็ไปสะกิดต่อมโมโหของเนวิลล์เข้าอย่างจัง
เขาพุ่งเข้ามากระชากคอเสื้อผมเต็มแรงทันที พลันกดเสียงต่ำ
“ร็อบบ์เป็นพี่ชายฉัน”
“ใครจะไปรู้ล่ะ เห็นนายออกโรงปกป้องซะขนาดนั้น เป็นใครก็คิด” ผมว่าหน้าตื่น จนเขาต้องแก้ตัวให้ความเข้าใจผิดของผมอีกครั้ง
“ฉันแค่ชื่นชมเขา ไม่ใช่อย่างที่นายคิด”
“ไม่ใช่ก็ไม่เห็นต้องโมโห ทำอย่างนี้มันดูเหมือนว่านายร้อนตัวชะมัด”
ดูเหมือนว่าเนวิลล์ก็คงจะเห็นด้วย เขายอมปล่อยมือออกจากคอเสื้อผม แล้วถอยไปยืนจุดเดิม ค่อยๆ ผ่อนสีหน้าย่นยู่ให้เรียบตึงเหมือนเดิม
“นายไม่รู้หรอกว่าร็อบบ์พยายามแค่ไหนที่จะให้คนอื่นยอมรับเขาในฐานะซอมบี้ฮันเตอร์ฝีมือดีคนหนึ่งที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้ากองร้อยซอมบี้ฮันเตอร์สำรองรุ่นใหญ่ได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพราะอำนาจของพ่อ เขาถูกหยามมามากพอแล้ว ฉันจะไม่ยอมให้เขาต้องเจ็บใจเพราะคำสบประมาทพวกนั้นอีก” เนวิลล์ว่ายาว
นี่คงเป็นเหตุผลที่พวกเขาตัดสินใจขโมยรถถังและอาวุธไปทลายซอมบี้ที่โกดังที่ผมอยู่ล่ะสินะ
“แล้วใครมาสบประมาทล่ะ”
“จะใครก็ช่าง ไม่เกี่ยวกับนาย”
“งั้นขออีกคำถามนะ ทำไมนายต้องออกโรงปกป้องเขาถึงขนาดนี้ด้วยถ้านายไม่ได้มีใจให้ร็อบบ์”
“นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของนาย รู้เอาไว้อย่างเดียวว่านายเป็นผลงานของเขา ฉันถึงไว้ชีวิตนาย และนายควรจะตอบแทนที่ฉันไว้ชีวิตด้วยการเก็บความลับของนายไว้ให้ดีด้วย รับรองเลยว่าถ้านายทำร็อบบ์ลำบากล่ะก็ ฉันไม่เอานายไว้แน่” เนวิลล์ขู่ฟ่อ
จริง ๆ แล้วต้องเป็นเขาไม่ใช่หรือไงที่ควรจะตอบแทนผมที่ทำให้ร็อบบ์และหน่วยของเขามีผลงานน่าภาคภูมิใจชิ้นแรกอย่างนี้น่ะ!
“ก็ได้ ๆ ฉันเองก็ไม่อยากจะตายนักหรอก” ผมยักไหล่อย่างขอไปที
“งั้นก็เลิกถามมาก รีบไปได้แล้ว วันนี้นายจะต้องฝึกยิงปืนทั้งวัน”
เนวิลล์สั่งเสร็จก็หันหลังเดินไป ทิ้งให้ผมเบ้ปากล้อเลียนเขาไล่หลังที่ไม่ได้รับคำตอบที่อยากรู้จากเขาเลย ก่อนจะเดินตามไปอย่างว่าง่าย
เนวิลล์พาผมมาที่สนามยิงปืนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามรบจำลองเมื่อวานนี้นัก ผมโล่งใจไม่น้อยที่ผมไม่ต้องลงไปควงปืนไล่ฆ่าซอมบี้ปลอม ๆ ที่สนามยิงปืนแห่งนี้เหมือนเมื่อวาน เพราะมันเป็นสนามยิงเป้าธรรมดา ๆ อย่างที่ผมเคยเห็นทั่วไปตามโทรทัศน์
เนวิลล์เข้าไปทักทายกับครูฝึกที่ดูแลสนามยิงปืนเล็กน้อย ดูท่าทางเขาคงจะรายงานว่าเขามาที่นี่ทำไม ครูฝึกคนนั้นเหลือบมามองผม ก่อนจะพูดขึ้นพอให้ผมได้ยิน
“หมอนั่นอยู่กองร้อยรุ่นใหญ่ไม่ใช่หรือไง”
“ครับ แต่ท่านนายพลสั่งมาว่าให้เขาลงมาฝึกกับรุ่นเล็ก เพราะเมื่อวานเขาทำเพื่อนตายยกทีม” เนวิลล์ว่า
เฮอะ ได้ทีก็รายงานความอัปยศที่ผมก่อไว้เมื่อวานเลยนะ
ครูฝึกคนนั้นพยักหน้าเหมือนกับเข้าใจว่าเนวิลล์หมายถึงอะไร เดาว่าเขาก็คงจะพอได้ยินวีรกรรมของผมมาเหมือนกัน
“งั้นเดี๋ยวฉันดูแลให้เอง”
“ไม่เป็นไรครับ ท่านนายพลสั่งมาว่าให้ผมเป็นผู้ดูแล”
“อ้อ ให้นายเป็นครูฝึกล่ะสินะ”
เนวิลล์พยักหน้า ผมเหลือบมองเขาแล้วก็ต้องกลอกตา ไม่ชอบเลยแฮะที่ต้องมาคอยฟังคำสั่งของหมอนี่
“งั้นก็ตามสบาย วันนี้มีปืนให้เลือกใช้แค่สองประเภท เลือกเอาแล้วกันว่าจะฝึกอย่างเดียวหรือจะเอาทั้งคู่”
ว่าจบ ครูฝึกก็พาเนวิลล์ไปยังหน้าโต๊ะตัวหนึ่งซึ่งมีปืนหลายกระบอกวางเรียงรายกันเป็นตับ เนวิลล์ยืนเลือกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบปืนสั้นขึ้นมากระบอกหนึ่ง แล้วคว้าปืนยาวขึ้นมาอีกกระบอก
เขาเดินไปยังช่องสำหรับยิงปืน หยิบอุปกรณ์ต่าง ๆ มาจัดวาง ก่อนจัดการบรรจุกระสุนใส่รังเพลิง แล้วหันมาพยักหน้าเรียกผมที่ยืนมองเขาอยู่ตรงหน้าทางเข้าสนาม
ผมเดินเข้าไปตามคำสั่ง ตาก็มองซอมบี้ฮันเตอร์รุ่นเล็กนายอื่น ๆ ที่กำลังฝึกยิงปืนกันอย่างขะมักเขม้นด้วยความชื่นชม เด็กพวกนี้เก่งชะมัดเลยแฮะ บางคนตัวจิ๋วเดียว แต่ท่าทางก็ทะมัดทะแมงและยิงได้คล่องแคล่ว แถมยังแม่นราวกับจับวาง ดูท่าทางคงจะฝึกกันมานาน
เด็กพวกนั้นเองก็มองผมที่เดินเข้ามาเป็นตาเดียวเหมือนกัน สายตาที่มองมาเหมือนกับกำลังถามว่าไอ้โข่งอย่างผมมาเสนอหน้าทำอะไรที่นี่ แต่ผมไม่สนใจนักหรอก นอกจากสายตาของเด็กสาวรุ่นน้องหลายคนที่มองมายังผม แล้วพากันจับกลุ่มหัวเราะคิกคักเมื่อผมยิ้มให้ ทำเอาความรู้สึกเก่า ๆ เหมือนตอนที่ผมเรียนมหาวิทยาลัยกลับคืนมาอีกครั้งทันใด
ริชชีหนุ่มฮ็อตได้เวลากลับมาผงาดแล้วสินะ!
“ยิ้มบ้าอะไรของนาย”
จนแล้วจนรอด เนวิลล์ก็ทำผมเสียอารมณ์จนได้
“เปล๊า” ผมว่าเสียงสูง เดินเข้ามายืนข้างเขา ขณะที่เขามองผมอย่างจับผิด
“ยิ้มอย่างกับคนบ้า” เขาพึมพำ ให้ผมได้ค้อนตาเขียว
“จะค่อนแคะฉันอีกนานมั้ย เมื่อไหร่จะสอน”
เนวิลล์ยักไหล่ ก่อนจะวางปืนสั้นในมือที่บรรจุกระสุนเสร็จแล้วลงบนโต๊ะ พลันเริ่มอธิบาย
“ปืนที่ฉันจะให้นายฝึกยิงวันนี้ คือปืนสั้น HK45c[ ปืนสั้น HK45c เป็นปืนสั้นที่มีขนาด .45ACP ไซส์ ความยาวลำกล้อง 3.94 นิ้ว สามารถบรรจุกระสุนได้ 8 1 และ 8 1 ลูก มีความแม่นยำสูง ขนาดเหมาะมือ จึงได้ถูกบรรจุเป็นหนึ่งในปืนสั้นที่ใช้ในการทหารของกองทัพสหรัฐอเมริกา] เป็นหนึ่งในปืนสั้นที่ใช้ในกองทัพ น้ำหนักเบา สะดวกต่อการพกพา แต่อานุภาพทำลายล้างสูง มีซองกระสุนสองแบบ แบบแรกบรรจุได้แปดบวกหนึ่ง แบบที่สองบรรจุได้เก้าบวกหนึ่ง ส่วนปืนยาวนี่มีชื่อว่าเฮคเลอร์แอนด์คอช[ ปืนเล็กยาวจู่โจม หรือเฮคเลอร์แอนด์คอช (HK33) ทางกองทัพบกไทยเรียกปืนชนิดนี้ว่า ปลย.11 เป็นปืนยาวสำหรับจู่โจม ลักษณะคล้ายกับปืนไรเฟิล มีขนาดลำกล้อง 0.223 นิ้ว ความยาวปืน 36.22 นิ้ว น้ำหนักเบาแต่มีอานุภาพทำลายล้างสูง จึงถูกนำมาใช้ครั้งแรกในสมัยสงครามเย็น ผลิตโดยประเทศเยอรมัน ในปี พ.ศ.2511 ] เรียกสั้น ๆ ว่า HK33 มันคือปืนเล็กยาวสำหรับจู่โจม ลักษณะคล้ายกับไรเฟิล ซองกระสุนมีสองแบบ แบบแรกจุได้ยี่สิบนัด แบบที่สองจุได้สี่สิบนัด สิ่งที่นายต้องได้จากการฝึกวันนี้คือ นายจะต้องจำชื่อและรายละเอียดของปืนให้ได้ และจะต้องรู้วิธีใช้ด้วย”
ผมอ้าปากหวอทันทีที่เขาสาธยายจบ บอกตรง ๆ ว่าผมไม่รู้เรื่องเลยว่าเนวิลล์พูดอะไร ยิ่งชื่อปืนด้วยแล้ว ไม่ต้องถามว่าจำได้มั้ย มันไม่เข้าสมองของผมเลยด้วยซ้ำ ผมรู้แค่ปืนสั้นกับปืนยาวอย่างเดียว ไอ้แปดบวกหนึ่งบวกอะไรนั่น จำไม่ได้เลยสักนิด
“นายเข้าใจมั้ยว่าฉันพูดอะไรไปบ้าง”
ดูท่าทางเขาคงจะพออ่านสีหน้าผมออก ผมรีบหุบปาก ปรับสีหน้าให้เป็นปกติพลัน
“เข้าใจสิ ปืนสั้นกับปืนยาวใช่มั้ย จำได้น่า”
“งั้นปืนสั้นนี่มีชื่อย่อว่าอะไร” จู่ ๆ เนวิลล์ก็ลองภูมิผมโดยไม่ทันตั้งตัว
ผมมองตามนิ้วชี้เรียวที่ชี้ไปยังปืนสั้นสีดำมะเมื่อมแล้วครุ่นคิด
“เอ่อ... เอชเค...เอ่อ...”
เนวิลล์ถอนหายใจออกมาเต็มแรง ก่อนจะเลื่อนนิ้วชี้ไปยังปืนยาวที่อยู่ข้างกัน
“แล้วนี่ล่ะ”
“อะ...เอชเค...”
จำได้แต่เอชกับเคเท่านั้นแหละ โธ่เว้ย!
เนวิลล์มองผมนิ่ง ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าสายตาที่เขามองมา มันเป็นสายตาเอือมระอายังไงพิกล แต่ก็ช่วยไม่ได้ ผมไม่สันทัดเรื่องจำตัวย่ออะไรพวกนี้นี่นา ก็อย่างว่า ผมไม่ใช่พวกหัวดีที่จะจำอะไรได้ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ สักหน่อย
โชคดีที่เนวิลล์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้นัก นอกจากตัดบทไปเรื่องอื่น
“เรื่องชื่อไว้ฉันจะบอกนายอีกที ตอนนี้มาลองยิงกันก่อน หยิบที่ปิดหูกับแว่นมาใส่ซะ”
ผมคว้าเอาของทั้งสองสิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะมาสวมอย่างว่าง่าย ที่ปิดหูมีลักษณะคล้าย ๆ กับหูฟัง ส่วนแว่นตาก็เป็นแว่นกันฝุ่นกันลมสีใสเหมือนกับที่ผมใส่ลงสนามรบจำลองเมื่อวานนี้ เนวิลล์เองก็คว้าอุปกรณ์ป้องกันอีกชุดหนึ่งขึ้นมาใส่เช่นกัน ก่อนที่เขาจะหยิบปืนสั้นขึ้นมาส่งให้ผม
“เราจะฝึกเป้าระยะยี่สิบเมตรก่อน ถ้านายคล่องเมื่อไหร่ ฉันจะให้นายฝึกยิงเป้าระยะสี่สิบเมตร แล้วจะค่อย ๆ เพิ่มให้ตามความเหมาะสม”
ผมเออออไปตามเขาแม้จะหมั่นไส้ขึ้นมาหน่อย ๆ ที่ได้ทีก็สั่งผมไม่หยุดปากอย่างนี้
“ยืนตรง แยกเท้าเสมอไหล่ ขาเหยียดตึง ตามองเป้า แล้วเล็งปืนออกห่างตัว ไม่ต้องสุดแขน” เขาอธิบาย
ผมทำตามเขาอย่างว่าง่าย ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นอีก
“จับปืนให้ใกล้แนวลำกล้องที่สุด บีบหน้าด้ามปืนเล็กน้อย ส่งแรงผ่านอุ้งมือแล้วอัดเข้ากับข้อมือ มือข้างไม่ถนัดให้เอามาประกบมืออีกข้างเพื่อล็อคข้อมือ”
พูดอะไรของหมอนี่วะ!
“นายช่วยอธิบายเป็นภาษาที่มนุษย์ปุถุชนอย่างฉันทำความเข้าใจได้ง่ายๆ จะได้มั้ย” ผมหันไปแหวเขา
เนวิลล์ส่งสายตาดุ ๆ มาให้ ก่อนจะถือวิสาสะเอื้อมมือมาจับมือผม จัดท่าทางให้ตามที่เขาบอก
“ก็แค่ทำแบบนี้เนี่ย มันจะยากอะไรนักหนา”
“ฉันไม่ได้ฝึกมานานแบบนายนี่หว่า มาถึงวันแรกก็มาพล่าม ๆ ใส่ ใครจะไปรู้เรื่อง”
“ก็นายมันโง่” เขาแดกดันหน้าตาย
โอเค ผมยอมรับก็ได้ แต่เชื่อเลยว่าต่อให้เป็นพวกหัวกะทิที่ไม่เคยยิงปืนมาก่อน มาเจอหมอนี่พูดภาษาทางทหารใส่ ผมก็รับประกันได้เลยว่าพวกนั้นก็ไม่เข้าใจในแวบแรกเหมือนกันว่าหมอนี่พูดอะไร
