Episode 04: I am Richie Cruz 【2】
ผมรู้เลยว่าชะตาตัวเองกำลังจะขาด ยิ่งเห็นปืนในมือของเขาที่พร้อมจะเป่าหัวผมตลอดเวลา ผมก็รีบอธิบายเป็นพัลวัน
“ตะ...แต่ไม่ได้ติดเชื้อแล้วเป็นเหมือนซอมบี้ทั่ว ๆ ไปนะ ฉะ...ฉันไม่กินคน”
“ฉันจะเชื่อนายได้ยังไง”
“ถ้าฉันกินคน ป่านนี้ฉันจะมาคุยกับนายอยู่อย่างนี้หรือไงเล่า!”
เนวิลล์ไม่พูดอะไร เขายังคงค้างอยู่ท่านั้น สีหน้าเขาดูเคร่งเครียดราวกับคิดอะไรอยู่ จนผมชักจะเสียวสันหลังขึ้นมาว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง อีกไม่นาน เขาคงจะลั่นไกใส่ผมแน่
“ฟะ...ฟังนะ ซอมบี้เนี่ยมันมีอยู่สองประเภท ไม่ได้มีแค่ซอมบี้ที่เป็นศพเดินได้อย่างที่นายเคยเห็น แต่ยังมีซอมบี้อย่างฉันด้วย ฉันเรียกซอมบี้ที่เป็นศพว่าคอมพลีทซอมบี้ ซึ่งพวกบ้านั่นติดเชื้อจากการถูกกัดแล้วก็กินคน ส่วนฉันคือแรร์ซอมบี้ คือซอมบี้ที่ติดเชื้อจากทางอื่นที่ไม่ใช่การกัด ซอมบี้อย่างฉันไม่กินคน แค่ไม่มีความรู้สึกเหมือนมนุษย์ปกติเท่านั้น แต่ที่เหลือยังเหมือนมนุษย์ทุกประการ โอเคมั้ย?”
เนวิลล์ไม่ตอบ ผมเลยไม่รู้ว่าเขาโอเคหรือไม่ ครู่หนึ่งเขาก็ถามขึ้นมา
“ที่นายบอกว่าติดเชื้อจากทางอื่น หมายความว่าไง”
“หมายความว่าฉันติดเชื้อจากการกินน้ำลายซอมบี้”
“กินน้ำลายซอมบี้เนี่ยนะ” เนวิลล์ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ
ผมรีบพยักหน้ารับพลัน “ใช่ ซอมบี้นรกพวกนั้นมันมาบุกโรงยิมตอนที่ฉันแข่งมวยปล้ำพอดี ฉันสู้กับมัน มันเลยทำน้ำลายยืดใส่ปาก”
“นายนี่มันที่สุดของที่สุดของความซื่อบื้อเลย” เขาก็พึมพำออกมา
ผมยอมรับ ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะว่าผมจะไปอ้าปากพอดีตอนที่ซอมบี้นรกตัวนั้นมันทำน้ำลายยืดเป็นหมาบ้ากันเล่า!
“ก็อย่างที่บอก ฉันเป็นแรร์ซอมบี้ เป็นซอมบี้ซื่อบื้อ ไม่กินคน แถมปลอดภัยไร้พิษสง รู้อย่างนี้แล้วก็ช่วยเอาปืนออกจากคางฉันสักทีได้มั้ย” ผมตัดบทเพราะเสียวเหลือเกินว่าปืนมันจะลั่น
เนวิลล์หรี่ตามองผมอย่างจับผิด ก่อนจะค่อย ๆ คลายมือที่กำลำคอผมอยู่ออก แล้วถอยหลังไปยืนหน้าห้องอาบน้ำ แต่ยังไม่ยอมละปืนในมือลง ยังคงเอาจ่อผมอยู่อย่างนั้น
ผมยกมือขึ้นลูบลำคอตัวเองไปมา กระแอมไอเล็กน้อย ก่อนเสียงของเขาจะเรียกความสนใจของผมไปอีกครั้ง
“ทำไมเครื่องสแกนถึงตรวจไม่เจอเชื้อในตัวนาย”
เขาคงจะหมายถึงเครื่องสแกนหาเชื้อไวรัสที่ผมถูกตรวจก่อนเข้ามาข้างในเขตน่ะ
“ถามฉันแล้วฉันจะไปรู้เหรอ” ผมยู่หน้าว่า “ขนาดถูกยาต้านไวรัสฉีดยังไม่เป็นอะไรเลย”
ผมพูดออกไปโดยไม่ทันคิด แต่ประโยคหลังเหมือนจะทำให้เนวิลล์นึกขึ้นได้ว่าเขาได้ฉีดยาต้านไวรัสให้ผม เท่านั้น เขาก็พึมพำออกมา
“ฉันต้องทำอะไรกับนายสักอย่าง”
ผมเบิกตาโพลงทันที
ทำอะไร! จะทำอะไร! อย่าบอกนะว่าจะเป่าสมองผม!?
“ฉะ...ฉันว่าเราคุยกันได้นะ ยะ...อย่างที่บอกว่าฉันไม่ได้กินคน คงไม่ต้องถึงขั้นฆ่ากันก็ได้มั้ง” ผมรีบออกปากต่อรอง ทว่าสิ่งที่ได้ยินจากเขากลับผิดคาด
“เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ”
“อะไรนะ” ผมถามอย่างไม่เชื่อหู
“ฉันบอกให้เก็บเรื่องที่นายเป็นซอมบี้ไว้เป็นความลับ”
“มะ...หมายความว่าไงที่ว่าให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ”
เนวิลล์ไม่ตอบ นอกจากดึงปืนในมือเหน็บเข้าซองข้างเอวเหมือนเดิม แล้วเข้ามาโยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่วางอยู่ใส่ผมเต็มแรง
“ใส่ซะ อย่าให้ใครเห็นเนื้อเน่า ๆ ของนาย”
ผมงุนงงไม่น้อยที่จู่ ๆ เรื่องมันก็ง่ายอย่างน่าใจหาย มันควรจะจบลงที่เขาจัดการยิงหัวผมจนพรุน ไม่ก็ลากผมไปหาท่านนายพลหรือทำอะไรสักอย่างเหมือนกับที่ควรทำกับซอมบี้สิ
ผมอยากจะถามเขาเหลือเกิน แต่เขาไม่อยู่รอให้ผมถาม ก้าวเดินออกไป ทว่าก็ไม่ลืมที่จะทิ้งท้ายไว้ให้ผมมุ่ยหน้าใส่เขาลับหลัง
“แล้วก็อย่าแพร่งพรายความลับนี้ออกไป ให้รู้กันแค่ฉันกับนายเท่านั้น ถ้าคนอื่นนอกจากนี้รู้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน รับรองว่านายไม่ได้ตายดีแน่ พรุ่งนี้ฉันจะมาคุยธุระกับนายใหม่อีกครั้ง วันนี้ยกยอดไปก่อน เตรียมตัวไว้ให้พร้อมไบรอัน... ไม่สิ ริชชี ครูซ”
ว่าจบ เสียงรองเท้าคอมแบทก็ดังขึ้นมาแทน ก่อนมันจะหายไป เหลือเพียงเสียงหัวใจผมที่เต้นระทึกไม่หยุดกับสถานการณ์ชวนสะพรึงที่เพิ่งจบลงไปเมื่อครู่เท่านั้น
ผมนอนดิ้นไปมาตลอดทั้งคืน พร้อมกับคำถามมากมายที่ผุดพรายขึ้นในหัว
เนวิลล์คิดจะทำอะไร?
เขาให้ผมเก็บความลับเรื่องตัวเองเป็นซอมบี้ทำไม?
หรือเขาตั้งใจจะเอามันมาใช้แบล็กเมล์ผมทีหลัง?
จริง ๆ มีคำถามอื่นอีกเยอะ แต่ไม่มีคำถามไหนเลยที่ผมให้คำตอบกับตัวเองได้ จนกระทั่งเสียงสัญญาณเรียกรวมพลในตอนเช้าดังขึ้น เช้านี้ผมไม่สาย แต่งตัวลงมาเข้าแถวที่จุดรวมพลหน้าโรงนอนได้ทัน เพราะผมแต่งเครื่องแบบเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
ไม่มีใครทักเรื่องรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของผมเลยแม้แต่น้อย มีแค่มองเป็นตาเดียวก็เท่านั้น ผมเองก็ไม่มีกะจิตกะใจจะเก๊กหล่อ วางมาดเป็นหนุ่มฮ็อตเท่าไหร่เหมือนกันด้วยผมยังคงคิดไม่ตกกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ส่วนแพทริกกับแอนนาเบลก็ยังคงมึนตึงกับผมเหมือนเดิม แพทริกยังพอคุยด้วยบ้าง แต่แอนนาเบลนี่ดูจะเหม็นหน้าผมไปเลย ทว่านั่นก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับการที่ผมเข้าแถวอยู่ แล้วจู่ ๆ ครูฝึกก็เรียกพวกซอมบี้ฮันเตอร์ที่มีอายุใกล้จะครบ 25 ปีบริบูรณ์ออกไปรวมแถวกันข้างหน้ากองร้อย
แอนนาเบลกับแพทริกเดินออกจากแถวไปรวมกับคนอื่น ๆ ก่อนที่ครูฝึกจะประกาศ
“ที่ให้พวกนายออกมา เพราะอีกไม่นานก็จะได้เวลาแฮปปี้เบิร์ธเดย์พวกนายแล้ว และของขวัญจากฉัน ก็คือการส่งพวกนายไปฝึกเตรียมความพร้อมก่อนเข้ากองร้อยหลัก ยินดีด้วยสาว ๆ ต่อจากวินาทีนี้ พวกนายได้อ่วมอรทัยกันแน่!”
ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะผมพอจะรู้อายุของพวกนั้นก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ที่ผมแปลกใจก็คือ จู่ ๆ ครูฝึกก็เรียกชื่อผมออกมาดังลั่นนี่สิ
“ใครชื่อริชชี ครูซ ยกก้นใหญ่ๆ ของนายมาให้ฉันดูหน้าหน่อยซิ!”
ผมใจหายวาบ ครูฝึกนั่นรู้ชื่อจริงของผมได้ยังไง! ไม่ใช่ว่าเนวิลล์ตลบหลังผม เอาเรื่องที่ผมเป็นซอมบบี้ไปบอกนะ!?
ผมยืนนิ่ง ไม่ยอมออกไปด้วยกลัวว่าถ้าโผล่ออกไปแล้วจะโดนลากคอไปแดนประหาร จนครูฝึกต้องร้องเรียกอีกระลอก
“เอ้า! ไอ้งั่งคนไหนรู้ตัวว่าชื่อริชชี ครูซ ก็โผล่หัวออกมาซะที อย่าต้องให้ฉันไปลากออกมานะ!”
ถึงจะขู่ แต่ผมก็ยังไม่ยอมออก จนคนรอบข้างเริ่มมองหาคนที่ครูฝึกประกาศเรียกกันเลิ่กลั่ก จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครแสดงตัว
ก็ใครมันจะกล้าไปแสดงตัวล่ะ ถ้าเกิดเดินทะเล่อทะล่าออกไป แล้วโดนยิงพรุนขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ
และเพราะผมไม่ยอมออกไปสักที ครูฝึกจึงใช้ไม้ตายสุดท้าย
“ดี! ในเมื่อไม่ออก ฉันก็จะไปลากคอนายเอง!”
เท่านั้น เขาก็หันไปพยักหน้าให้ใครบางคนซึ่งอยู่ทางด้านหลัง ผมมองเห็นไม่ชัดนักว่าคนคนนั้นเป็นใครเพราะมีครูฝึกคนอื่นยืนบังอยู่ แต่พอใครคนนั้นเดินพ้นจากครูฝึกร่างใหญ่มาให้ผมได้เห็นเต็มสองตาปุ๊บ ผมก็เสียววาบขึ้นมาทั้งร่างในพริบตา
ก็หมอนั่นคือเนวิลล์น่ะสิ!
จะหนีก็ไม่ได้ จะหลบก็ไม่ทัน เนวิลล์เดินเข้ามายังจุดที่หน่วยของเขาเข้าแถวประจำอย่างรวดเร็ว พลันกระชากคอเสื้อผมแล้วดึงออกมาจากแถวทันใดโดยไม่สนใจสายตาของเพื่อนในกองร้อยที่มองมา
“เดี๋ยว ๆ ไหนนายบอกว่าเรื่องนั้นเป็นความลับระหว่างเราไง” ผมร้องถามเขาเสียงเบา พยายามขืนตัว ไม่ยอมเดินตาม แต่ก็โดนเนวิลล์ทุบปั้กเข้าให้ที่กลางหลัง
“ก็เป็นความลับ”
“แล้วทำไมครูฝึกนั่นถึงได้รู้ชื่อจริงของฉันเล่า”
“บอกแค่ชื่อ เรื่องอื่นเป็นความลับ” เขาว่าโดยไม่มองหน้าผม ก่อนจะสะบัดผมให้ไปยืนข้างครูฝึกร่างท้วมทันทีที่มาถึงหน้าแถว
“ไอ้กร๊วกที่ทำเพื่อนตายทั้งทีมนี่เองน่ะเหรอที่ชื่อริชชี ครูซ เมื่อวานยังชื่อไบรอัน บรู๊ค อยู่เลยไม่ใช่เหรอ”
ผมยิ้มแห้ง ไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี กระทั่งเนวิลล์แทรกขึ้นมา
“นั่นนามแฝงครับ”
นามแฝงที่ว่า คงจะเหมือนกับฉายาอะไรเทือกนี้ล่ะมั้ง
“เห่ยซะไม่มี” ครูฝึกพึมพำ ก่อนจะหันมาเล่นงานผม “แล้วเมื่อกี้เรียกทำไมไม่ออกมา”
“คือผม... ผมไม่คุ้นชื่อจริงของตัวเองน่ะครับ” โกหกอีกแล้ว โกหกไม่เมคเซ้นส์ด้วย
“ปัญญาอ่อนจริง ๆ เอาเถอะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว ฉันจะบอกข่าวกับนายเลยแล้วกัน ข่าวร้ายก็คือ ผลงานที่นายทำไว้เมื่อวานเข้าตาท่านนายพลมาก ท่านก็เลยสั่งย้ายนายไปอยู่กองร้อยซอมบี้ฮันเตอร์สำรองรุ่นเล็กแทน ไปฝึกจนกว่าจะมั่นใจได้ว่านายไม่พาเพื่อนไปตายยกทีมในสนามรบจริง ส่วนข่าวดีก็คือ ตลอดการฝึกของนาย นายจะอยู่ภายใต้การดูแลของลูกชายท่านนายพล”
“ร็อบบ์เหรอครับ” ผมถามเขากลับ ทว่าครูฝึกกลับจับหัวผมให้หันไปทางเนวิลล์
“คนนี้”
เดี๋ยว! เนวิลล์เนี่ยนะลูกชายท่านนายพล!?
“ฉันเป็นลูกชายบุญธรรม แล้วฉันก็บอกนายไว้แล้วว่าวันนี้จะมาคุยธุระกับนาย” เนวิลล์ว่าขึ้นเมื่อเห็นผมทำหน้าอึ้ง ๆ
ผมพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็อดบ่นอุบขึ้นมาไม่ได้
“ข่าวดีกับข่าวร้ายสลับกันชัด ๆ ”
เขาไม่ยี่หระเลยแม้แต่น้อย ก่อนที่ครูฝึกขี้โวยวายจะเสียงดังใส่ผมอีกครั้ง
“รับทราบแล้วก็ไสหัวไปซะที มายืนเกะกะอะไรตรงนี้อยู่ได้ ไป ๆ ๆ !”
เท่านั้น เนวิลล์ก็ทำวันทยาหัตน์ให้กับคนอายุมากกว่า แล้วเดินนำผมออกไปอีกทางทันที
