Episode 04: I am Richie Cruz 【1】
เรื่องบัดซบของผมแพร่กระจายไปทั่วกองทัพอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าการแตกตัวของสัตว์เซลล์เดียว ไม่ต้องถามเลยว่าผมอายมั้ย นี่ถ้าเอาหน้ามุดดินเหมือนนกกระจอกเทศได้ ผมคงทำไปแล้ว
“เฮ้ยไอ้งั่ง ตอนอยู่ที่เขต 13 ก็เป็นไอ้ขี้แพ้เหมือนกันหรือเปล่าวะ!”
เสียงของใครบางคนดังมาขณะที่ผมเดินเข้าไปในโรงนอน ทำให้ผมต้องหันไปมองอย่างไม่ชอบใจนัก
“เอ้ามอง ทำไม จะเอาปืนปาใส่ฉันหรือไง” หมอนั่นพูดขึ้นมาอีก เรียกเสียงหัวเราะของเพื่อนรอบข้างดังขรม
ผมไม่รู้จักหมอนั่น แต่เจ้าพวกนี้ดันรู้จักผมเพราะวีรกรรมบ้า ๆ ในสนามรบจำลอง ให้ผมเดานะ พวกนี้คงจะเป็นทีมคู่แข่งของทีมที่ผมอยู่นั่นแหละ
ใช่ว่าผมไม่อยากจะตอบโต้หรอก ผมล่ะอยากจะไปลากคอมันมาทุ่มลงพื้น แล้วล็อคคอค้างไว้จนหมอนั่นคอเคล็ดสักที แต่การมีเรื่องกับในสถานการณ์อย่างนี้ไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเลยแม้แต่น้อย ผมจึงได้แต่แสร้งเมิน เดินหนีไปยังบันไดแล้วขึ้นมาชั้นบนแทน ปล่อยให้พวกนั้นล้อเลียนไล่หลังพร้อมกลั้วหัวเราะมาให้ได้ยินไม่ขาดสาย
ทันทีที่ขึ้นมาถึงยังชั้นบนสุด ผมก็ปะทะเข้ากับสายตามากมายที่มองมายังผมอย่างตำหนิระคนเยาะเย้ย สายตาตำหนิก็มาจากพวกคนที่อยู่ทีมเดียวกับผมนั่นแหละ ส่วนสายตาเยาะเย้ยก็เป็นพวกทีมอื่น แต่อะไรก็ไม่แย่เท่ากับการที่ผมกลั้นใจเดินฝ่าสายตาพวกนั้นมาจนถึงห้องนอน แล้วเจอแพทริกกับแอนนาเบลกำลังนอนเอกเขนกคุยกันอยู่ในนั้น ทว่าพอผมโผล่หน้าเข้าไป บทสนทนานั่นก็ยุติลงทันที ก่อนที่แอนนาเบลจะทิ้งตัวลงจากเตียง แล้วบอกกับแพทริกสั้น ๆ
“คืนนี้ฉันจะไปนอนกับหน่วยอื่นนะ เหม็นสาบพวกขี้แพ้” ว่าจบแล้วก็เดินสวนกระแทกไหล่ผมออกไปข้างนอก
ผมมองตามหลังเธอก่อนจะรูดม่านปิด แล้วเดินมาทรุดตัวลงนั่งบนเตียงที่ผมนอนเมื่อคืน พลางชำเลืองมองแพทริกที่ไม่มีทีท่าว่าจะลุกหนีไปไหน เท่านั้นผมก็ตัดสินใจเปิดปากพูดกับเขา
“เฮ้เพื่อน คือว่าเรื่องวันนี้...”
“มันจบแล้ว” แพทริกสวนคืนทั้งที่ผมยังพูดไม่ทันจะจบ ทำเอาผมหน้าเสียไปเล็กน้อย
“ฉันรู้ แต่ว่าฉันไม่ได้...”
“นายไม่ได้ตั้งใจ ฉันรู้ว่านายจะพูดคำนี้ แต่ไม่ต้อง คำแก้ตัวของนายไม่ได้ทำให้ความอยากตะบันหน้านายให้แหลกมันลดลง โอเค้?” น้ำเสียงเขากรรโชกเล็กน้อย ความหงุดหงิดของเขามาแสดงออกในตอนนี้นี่เอง
“โอเค ฉันไม่แก้ตัวก็ได้ แต่อยากให้นายรู้เอาไว้ว่าฉันขอโทษ แล้วฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ทีมแพ้ สนามที่นี่มันยังใหม่สำหรับฉัน ฉันก็เลย...”
“หุบปากซะไบรอัน” แพทริกแทรกขึ้นมาอีกครั้ง ดูท่าทางเขาคงไม่อยากจะฟังสิ่งที่ผมพูดสักเท่าไหร่นัก แต่ผมก็ยังอยากจะขอโทษเขาอยู่ดี
ทว่าเพียงแค่ผมอ้าปากทำท่าจะพูดอีกครั้ง แพทริกก็คว้ามีดสั้นที่ซุกอยู่ใต้หมอนขึ้นมาชูหรา พลางว่าเสียงเข้ม
“ฉันบอกให้หุบปาก”
อะ...โอเค้! หุบสนิทเลย!
ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นระดับอกเป็นเชิงยอม สีหน้าของแพทริกดูก็รู้เลยว่าเขาเอาจริง ผมไม่รู้ว่าฝีมือการต่อสู้เขาอยู่ในระดับไหน แต่ถ้าใกล้เคียงกับเนวิลล์ล่ะก็ การทำตามเขาถือว่าเป็นเรื่องที่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง
พอผมเงียบ แพทริกก็จัดการเก็บมีดเข้าที่เดิม คว้าผ้าห่มมาคลุมโปงแล้วเข้าสู่โลกส่วนตัวทันใด ผมเลยเอนตัวลงนอนบ้าง คิดครุ่นไม่ตกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ กระทั่งถึงเวลานอน ทุกอย่างเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง แต่ความเงียบงันกลับทำให้ผมซึ่งไม่สามารถนอนหลับได้เหมือนกับคนปกติกระสับกระส่ายมากกว่าเดิมหลายเท่าตัวด้วยวันนี้มีเรื่องมากมายมากวนใจผมเหลือเกิน ทั้งเรื่องที่ผมทำพลาดในสนามรบจำลอง ทั้งเรื่องที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นไอ้เห่ยประจำกองร้อยทั้งที่ผมดำรงตำแหน่งหนุ่มฮ็อตมาตลอดชีวิต มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองควรจะทำอะไรสักอย่างให้สถานะทางสังคมเดิมของตัวเองกลับคืนมาในการมาใช้ชีวิตอยู่ในสังคมใหม่
ก็มันเรื่องอะไรที่ผมจะยอมเป็นไอ้เห่ยล่ะ ถึงจะฝีมือทางการทหารไม่มีติดตัว แต่ผมก็ยังมีหน้าตาที่ผมมั่นใจว่าหล่อเหลาไม่แพ้ใคร ติดอยู่อย่างเดียวตรงที่ผมไม่ได้อาบน้ำและตัดผมมาหกเดือนแล้วก็เท่านั้นเอง
หกเดือน... จริง ๆ ก็ไม่ใช่ก็เท่านั้นเองแล้วล่ะ โชคดีที่ผมไม่ใช่คนมีหนวดเคราอะไร ไม่อย่างนั้นหน้าคงจะรกรุงรังเป็นมนุษย์ยุคหินแน่นอน
คงต้องทำอะไรสักอย่าง...
คิดได้เท่านั้น ผมก็ลุกขึ้นไปเปิดประตูตู้เหล็กที่เก็บเครื่องแบบ แสงไฟจากด้านนอกที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา พอทำให้ผมได้เห็นใบหน้าของตัวเองจากกระจกเงาที่ติดอยู่กับด้านในของประตูตู้ ผมก็ชะงักพลัน
นี่มันคนป่าหรือไงเนี่ย!
ทั้งผมยาวระต้นคอ ทั้งใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบดำ ๆ ทำเอาผมเบ้หน้าออกมา นี่ไม่เหลือคราบของหนุ่มฮ็อตเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าใส่ผ้านุ่งลายเสือดาวผืนเดียว ผมคงจะไปโหนเถาวัลย์เป็นทาร์ซานไปแล้วเรียบร้อย
ทำไมดูสกปรกซกมกได้ถึงขนาดนี้วะ!
แล้วก็ไม่มีใครทักท้วงผมด้วยนะ เดาได้เลยว่ากลิ่นตัวผมในตอนนี้คงจะเหม็นหืนชวนขมคอน่าดู เพราะความที่จมูกผมชินกับกลิ่นตัวเองแล้วก็เลยไม่รู้ว่ากลิ่นมันบัดซบขนาดไหน ไม่อย่างงั้นผมคงจัดการอาบน้ำอาบท่าไปตั้งแต่เมื่อวานที่มาถึงแล้ว นับถือคนรอบข้างผมจริง ๆ ที่ทนกับกลิ่นตัวของผมได้
แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหน ซึ่งผมจะไม่ทน!
ผมค้นเครื่องแบบชุดใหม่จากในตู้ออกมาถือ โชคดีที่ในตู้นั้นมีอุปกรณ์ในการเสริมหล่อต่าง ๆ ครบครัน ทั้งหวี ทั้งแบตตาเลี่ยน รวมถึงเจลแต่งผม แค่นี้ก็ทำเอาผมกระหยิ่มยิ้มกับลุคใหม่ของตัวเองที่จะบันดาลในอีกไม่กี่อึดใจ
คอยดูเถอะ รุ่งเช้าเมื่อไหร่ ผมจะทำให้อ้าปากค้างกันทั้งกองร้อยเลย
ผมจัดการหอบข้าวของทั้งหมดไปยังห้องอาบน้ำที่อยู่นอกโถงนอน ห้องน้ำที่นี่ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากห้องน้ำที่โรงยิมของมหาวิทยาลัยนัก มันเป็นห้องน้ำรวมแยกชาย-หญิงที่แบ่งออกเป็นห้องๆ แล้วก็มีโซนสำหรับสุขา กับโซนสำหรับชำระล้างร่างกาย
ผมวางข้าวของบนขอบอ่างล้างหน้าที่ติดกับกระจกบานใหญ่ แล้วจัดการตัดแต่งผมตัวเองเป็นอย่างแรก ทั้งตัดทั้งไถอย่างคล่องแคล่ว แน่นอนว่าผมทรงใหม่ก็ยังคงเป็นทรงอันเดอร์คัต เพราะมันเป็นทรงเดียวที่ผมตัดด้วยตัวเองได้ และมันก็เป็นทรงเดียวที่เข้ากับหน้าหล่อ ๆ ของผมที่สุดแล้ว
ผ่านไปครู่เดียว ผมยาวระคนคอก็ถูกตัดเหี้ยน เปลี่ยนจากคนป่าเป็นหนุ่มฮ็อตประจำมหาวิทยาลัยคนเดิม ผมเสยผมขึ้นเปิดหน้าผาก เบี่ยงหน้าไปมาเพื่อเช็คความเรียบร้อย พอเห็นว่าทุกอย่างลงตัว ก็ยิ้มให้ตัวเองในกระจก
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะรูปหล่อ ยังคงหล่อเหมือนเดิมเลยนายเนี่ย”
ผมชมตัวเองตามความเคยชิน ก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องน้ำด้านใน จัดการถอดเสื้อผ้าออกแล้วไปยืนอยู่ใต้ฝักบัว
ห้องน้ำที่นี่ไม่มีประตูปิด มีเพียงผ้าม่านสีขุ่นเท่านั้นที่พอจะสร้างความเป็นส่วนตัวได้ ทว่ามันก็ไม่ได้สำคัญอะไร เพราะในเวลานี้ไม่มีใครตื่นมาใช้ห้องน้ำกันแล้ว นอกจากนอนอุตุด้วยเหนื่อยล้ากับการฝึกมาทั้งวัน ผมจึงไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาเห็นแต่อย่างใด
ดีที่ห้องน้ำที่นี่มีทั้งสบู่ แชมพูสระผมและของจำเป็นอื่น ๆ เตรียมไว้ให้พร้อม ผมจึงไม่ต้องไปปลุกใครเพื่อขอยืมอุปกรณ์พวกนี้ มีเพียงอย่างเดียวที่ผมไม่มี นั่นก็คือแปรงสีฟัน แต่ไม่เป็นไร ใช้นิ้วถู ๆ ไปก่อนคงไม่มีใครว่าอะไร
ผมใช้เวลาในห้องน้ำค่อนข้างนานพอสมควร จนกระทั่งผิวกายเปรอะเปื้อนเผยผิวสีแทนให้เห็นชัดเจน บอกไว้ก่อนว่าผิวสีแทนนี่เป็นสีผิวที่แท้จริงของผมนะ ไม่ได้ไปฉีดผิวแทนมาแต่อย่างใด ผมคงไม่ได้บอกล่ะสิว่าผมไม่ได้เป็นชาวอเมริกันแท้ ๆ แต่มีเชื้อสายสเปนด้วย เลยทำให้ผมดูคมเข้มกว่าชาวอเมริกันทั่วไปพอสมควร
ผมรู้สึกว่าตัวเองเริ่มกลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้ง มีอย่างเดียวที่ทำให้ผมไม่ชอบใจเท่าไหร่ก็คือรอยช้ำบนหน้าอกข้างซ้ายของผมที่เต็มไปด้วยรอยบุหรี่จี้เท่านั้น มันทำให้ผมดูไม่ฮ็อตเลย และชวนหัวเสียด้วยเมื่อผมลองใช้นิ้วจิ้มลงไปบนแผลบุหรี่จี้รอยล่าสุดให้เลือดมันไหลออกมา ผมยังไร้ซึ่งความรู้สึก ขณะที่ทางอกด้านขวารู้สึกเจ็บนิด ๆ เมื่อแผลบุหรี่จี้โดนน้ำทั้งที่ยังไม่ได้แตะด้วยซ้ำ
ผมถอนหายใจยาวอย่างปลงตก แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อเลือดที่ไหลซึมออกจากบาดแผลทางหน้าอกด้านซ้ายไม่ได้มีสีคล้ำเข้มเหมือนอย่างเดิม หากแต่มีสีแดงไหลปะปนมาด้วย ผมเบิกตาโพลง ยื่นนิ้วไปแตะเลือดนั้นขึ้นมาดูทันที
นี่มันเลือดสด ๆ !
ความสับสนประดังประเดเข้ามากะทันหัน ผมอยู่กับเนื้อเน่า ๆ นี่มาหกเดือนเต็ม ทุกครั้งที่มีแผลก็มีแต่เลือดสีคล้ำเท่านั้นที่ไหลออกมา ไม่มีครั้งไหนเลยที่มีเลือดสีแดงสดไหลปะปนออกมาแบบนี้
หรือว่านี่จะเป็นเพราะยาต้านไวรัสที่ผมฉีดไปเมื่อวานก่อน!?
มือไม้ผมสั่นเทาขึ้นมาทันใด ถ้าเป็นอย่างที่ผมคาดการณ์ไว้จริง ๆ งั้นก็แสดงว่ายาต้านไวรัสมันรักษาไวรัสนรกในตัวผมได้น่ะสิ!
แต่อะไรก็ไม่แน่นอน มันอาจจะเป็นแค่อาการข้างเคียงของยาต้านไวรัสก็ได้ จะมั่นใจได้จริง ๆ ว่ารักษาได้หรือไม่ก็ต้องลองฉีดอีกเข็ม แล้วรอดูอาการหลังจากนั้นเท่านั้น แต่ผมจะไปเอายาต้านไวรัสมาจากไหนได้ล่ะ
หรือจะต้องถามเอาจากเนวิลล์?
เหอะ ไม่เอาล่ะ แค่นึกถึงชื่อหมอนั่น ผมก็ไม่อยากจะเจอหน้าแล้ว หาโอกาสไปถามร็อบบ์เอาดีกว่า ไว้เจอหน้าเขาเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที
แต่เหมือนสวรรค์จะไม่เข้าข้างผมสักเท่าไหร่นัก เพราะระหว่างที่ผมครุ่นคิดอยู่ไม่ตก เสียงรองเท้าคอมแบทหนัก ๆ กระแทกพื้นกระเบื้องในห้องน้ำก็ดังแว่วมาให้ได้ยิน ผมรู้ทันทีว่ามีใครบางคนเข้ามาที่นี่ เท่านั้น ผมก็รีบปิดฝักบัว ยื่นมือไปคว้าเสื้อคอกลมของเครื่องแบบมาสวม
ทว่ายังไม่ทันจะได้หยิบมาด้วยซ้ำ ม่านพลาสติกกั้นห้องน้ำก็ถูกกระชากออกด้วยฝีมือของใครบางคน และทันทีที่ผมเห็นหน้าของตัวการ ใจผมก็หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที
เนวิลล์!
“มาอาบน้ำอะไรเอาดึก ๆ ดื่น ๆ ป่านนี้ฮะไบรอัน” เขาถามหน้าเครียด ก่อนที่จะเบิกตาโพลงเมื่อเห็นผมในสภาพเปลือยเปล่า
“นาย...” เขาครางออกมา เชื่อได้เลยว่าเขาไม่ได้ครางเพราะเห็นหุ่นเซ็กซี่และซิกส์แพ็คของผม แต่ครางเพราะเห็นผิวช้ำเลือดช้ำหนองนี่ต่างหาก
ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ ผมก็รีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นกอดตัวเอง พยายามปิดรอยช้ำนั่นเป็นพัลวัน พลันบีบเสียงเล็กเสียงน้อย สวมวิญญาณมนุษย์ตุ๊ดตัวเท่าหมีทันใด
“ว้าย! คนบ้า! คนผีทะเล! มาแอบดูเค้าอาบน้ำได้ยังไงกัน!”
เนวิลล์ไม่เล่นด้วย ไม่แม้แต่จะทักว่าทำไมผมไม่ปิดหนอนยักษ์ของตัวเอง เอาแต่ปิดนม เขายืนมองผมนิ่ง หัวคิ้วเรียวค่อย ๆ เคลื่อนมาชนกันจนแทบจะผูกเป็นโบว์ ผมรู้เลยว่าเขาคงจะเอะใจอะไรบางอย่างขึ้นมาแล้ว
แต่ผมไม่ยอมให้เขาจับได้ง่าย ๆ หรอก แกล้งสะดีดสะดิ้งไปตามน้ำอย่างเนียน ๆ ต่อ
“ออกไปเลยนะคนบ้า! ไม่อย่างนั้นนายจะต้องรับผิดชอบฉันด้วย ฉันเสียสาวให้นายแล้ว!”
ผมโคตรจะเกลียดตัวเองตอนนี้เลย ซ้ำการแกล้งเป็นแต๋วก็ไม่ได้ผลเลยสักนิด เพราะอึดใจเดียว เนวิลล์ก็ถลาเข้ามาจับลำคอผมด้วยมือข้างเดียว แล้วผลักผมไปกระแทกกับผนังห้องน้ำเต็มแรง ขณะที่อีกมือชักปืนสั้นที่เหน็บอยู่ข้างเอวขึ้นมากดใต้คางผมไว้
“นายเป็นใคร” น้ำเสียงเย็น ๆ ของเขาทำเอาผมหายสาวแตกได้ทันตา
“จะ...ใจเย็น ๆ นะ ฟังฉันอธิบายก่อน” ผมพยายามทำให้เขาสงบจิตสงบใจ เพราะสายตาที่เขามองผมมาตอนนี้ ไม่ต่างอะไรจากหมาล่าเนื้อที่พร้อมจะฉีกลูกกวางที่ล่าได้เป็นชิ้น ๆ เลยแม้แต่น้อย
“ฉันถามว่านายเป็นใคร!” เขาคำราม พร้อมกับกดกระบอกปืนเข้ามาใต้คางผมมากขึ้น ทำให้ผมรีบตอบคำถามเขาอย่างร้อนรน
“ระ...ริชชี ฉันชื่อริชชี ครูซ!”
“นายติดเชื้อ...” เนวิลล์ไม่ได้สนใจชื่อผมด้วยซ้ำ เขาชำเลืองมองแผ่นอกของผมเล็กน้อยแล้วจ้องหน้าผมนิ่ง “นายติดเชื้อตั้งแต่เมื่อไหร่”
“หะ...หกเดือนก่อน” ผมตอบละล่ำละลัก ขณะที่เนวิลล์ทำท่าเหมือนจะเหนี่ยวไกปืน
“งั้นก็แสดงว่านายไม่ใช่ซอมบี้ฮันเตอร์ แต่เป็นซอมบี้”
