บท
ตั้งค่า

Episode 03: Newbie’s field 【2】

ผมหอบหายใจแผ่วลงกว่าเดิมด้วยความเหนื่อยเริ่มพอจะผ่อนคลายลงบ้างแล้ว พลางมองตรงไปยังสนามรบจำลองที่มีซอมบี้ฮันเตอร์ทีมหนึ่งวิ่งลงไป มันเป็นพื้นที่ที่จำลองเป็นบ้านเมืองในลอสแอนเจลิส มีตึกเป็นฉากที่ทำจากไม้อยู่ไปทั่ว พร้อมกับบรรดาถังต่าง ๆ ที่ให้เป็นที่หลบยามซอมบี้ที่เป็นฉากทำจากไม้เหมือนกับตึกโผล่ขึ้นมาพร้อมกับเครื่องยิงลูกบอลสี

ครูฝึกอธิบายเพิ่มเติมว่าในสนามรบจำลองเหมือนจะแบ่งออกเป็นด่าน ๆ ประมาณสี่ด่าน ในทุก ๆ ด่าน ถ้าจัดการยิงเป้าซอมบี้ได้ครบแล้ว เครื่องยิงลูกบอลสีก็จะหยุดทำงาน ให้ไปด่านต่อไปได้ ผมคลายความกังวลเล็กน้อยที่การฝึกนี่ไม่ได้ยากอย่างที่ผมคิดไว้ตอนแรก

และพอทีมอื่นจัดการกับเป้าในสนามเสร็จ กระทั่งถึงคิวที่ทีมผมจะต้องลงสนาม ผมก็ไปเลือกอุปกรณ์และสวมใส่เครื่องแบบกันกระแทกในระหว่างที่ครูฝึกนับแต้มของทีมนั้นและจัดการตั้งเป้าให้กลับเป็นเหมือนเดิม

ผมคว้าปืนกระบอกหนึ่งขึ้นมาทำท่าส่องไปมาดู ก่อนที่เนวิลล์จะยื่นมือมาคว้าปืนในมือผมไป

“เอามาเติมแก๊ส เติมลูกบอลก่อน ไม่มีแก๊สแล้วนายจะยิงยังไง”

“รู้น่า แค่ลองเล็งดูเฉย ๆ ว่าจับถนัดมือหรือเปล่า” ผมย่นคิ้วผ่านแว่นตากันลม แสร้งทำเสียงรำคาญทั้งที่ผมไม่รู้เลยสักนิดว่ามันจะต้องเติมโน่นนี่นั่นก่อนใช้งานด้วย

เนวิลล์ส่งปืนกลับให้ผมถือทันทีที่เติมสารพัดสิ่งที่เขาว่าเสร็จ ก่อนที่แพทริกจะโบกมือเรียกทุกคนในทีมมารวมตัว แล้วตกลงอะไรกันเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะรับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมในการฝึกครั้งนี้เพราะร็อบบ์ไม่ได้มาร่วมฝึกกับเรา ได้ยินแว่ว ๆ ว่าเขาถูกท่านนายพลทำโทษโดยการกักบริเวณอะไรสักอย่าง

“แผนเดิม แยกไปหน่วยใครหน่วยมัน จัดการให้เรียบแล้วมาเจอกันที่มุมตึกก่อนทางออก ข้างหลังนั่นจะมีซอมบี้เยอะกว่าที่อื่น ซึ่งหมายความว่ามีเครื่องยิงลูกบอลมหากาฬอยู่ ตรงนั้นเราจะลุยไปพร้อม ๆ กัน”

คนอื่นพยักหน้าเหมือนกับรู้ว่าควรจะทำยังไงอีกต่างหาก มีแต่ผมนี่แหละที่ยังงงอยู่ ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะว่าแผนเดิมที่หมอนี่ว่าหมายถึงอะไร ผมเพิ่งจะลงสนามเป็นครั้งแรกนะ!

“นายรู้เรื่องมั้ยเนี่ย” เหมือนเนวิลล์จะดูออกว่าผมไม่รู้เรื่องอะไรกับชาวบ้านเค้า พอแยกย้ายกันปุ๊บ เขาก็ถามผมขึ้นทันที

“รู้สิ ทำไมจะไม่รู้ ไปเจอกันตรงนั้นใช่มั้ย ได้ ไม่มีปัญหา” ผมทำเหมือนรู้เรื่องด้วยไม่อยากเสียหน้าให้เขามาสอน

เนวิลล์หรี่ตาลง มองผมผ่านกระจกแว่นตากันลมสีใส “แน่ใจนะ”

“นายคิดว่าฉันเอาชีวิตรอดจากซอมบี้มาได้เพราะโชคช่วยอย่างเดียวหรือไง” พอถูกถามอย่างไม่เชื่อ ผมก็แสร้งอ้างขึ้นมา

เขามองผมนิ่ง ๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะปริปากออกมา “ตามฉันไว้ก็แล้วกัน สนามนี้ยังใหม่สำหรับนาย เพิ่งเข้ากองทัพไม่ใช่เหรอนายน่ะ”

ผมไม่พูดอะไร ยอมทำตามแต่โดยดี ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยผมก็จะได้ไม่ตายตั้งแต่ลงสนามได้ไม่กี่นาที

“เอ้า ทีมต่อไปพร้อมแล้ว ก็แบกก้นใหญ่ ๆ ของพวกนายมาเข้าประจำที่ได้!” เสียงครูฝึกร้องเรียกทันทีที่สนามพร้อมสู่การลงพื้นที่

ทุกคนในทีมต่างแยกออกเป็นหน่วยตามที่แพทริกสั่งการ พอเสียงสัญญาณดังขึ้น ทุกคนก็วิ่งเข้าไปในสนาม แน่นอนว่าผมอยู่รั้งท้ายขบวนของหน่วย วิ่งตามเนวิลล์ที่จ้ำไปไวเป็นจรวดจนขาผมแทบพันกัน แพทริกและแอนนาเบลวิ่งเข้าไปหลบหลังถังใบใหญ่ ขณะที่เนวิลล์หลบอยู่หลังถังขยะอีกฝั่งในด่านแรก ผมเกือบจะวิ่งเลยเขาไปแล้วถ้าเขาไม่คว้าคอเสื้อผมเอาไว้ได้ก่อน

“วิ่งทะเล่อทะล่า เดี๋ยวก็ได้ตายเป็นคนแรกหรอก” เขาดุผมเสียงเขียว

“ใครว่าวิ่งทะเล่อทะล่า ฉันแค่วิ่งไปดูลาดเลาก็เท่านั้น” ผมสวนคืน

สายตาของเนวิลล์บอกชัดเจนว่าไม่เชื่อที่ผมพูดสักนิด

“เตรียมพร้อม” จู่ ๆ เนวิลล์ก็พูดขึ้น ก่อนที่ผมจะเห็นแพทริกยกนิ้วโป้งขึ้นเป็นสัญญาณให้จู่โจม

เท่านั้น พวกเขาก็โผล่พรวดออกจากที่กำบัง รัวกระสุนลูกบอลสีเขียวสะท้อนแสงใส่เป้าซอมบี้ที่เด้งขึ้นมาอีกฟากอย่างรวดเร็ว พร้อมกับหลบลูกบอลกระสุนสีแดงที่ยิงกลับมาด้วยเครื่องยิงไปด้วยอย่างคล่องแคล่ว ด่านแรกผ่านไปอย่างง่ายดายเพียงไม่กี่นาที ก่อนที่แอนนาเบลจะส่งสัญญาณว่าพื้นที่เคลียร์ ให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้เมื่อเครื่องยิงลูกบอลหยุดทำงานหลังจากเป้าซอมบี้ถูกกำจัดครบเป็นที่เรียบร้อย

พวกเขาหาที่กำบังก่อนที่จะจู่โจมเป้าซอมบี้ในด่านที่สองอีกครั้ง จากตอนแรกที่ผมกังวล พอเห็นพวกเขาเคลื่อนที่อย่างมืออาชีพแล้ว วิญญาณเกมเมอร์ก็เข้าสิงผมทันที เห็นอย่างนี้ ผมเป็นเซียนเกมเคาน์เตอร์-สไตรก์[ เคาน์เตอร์-สไตรก์ (Counter-Strike) เป็นวิดีโอเกมยิงทางยุทธวิธีมุมมองบุคคลที่หนึ่ง พัฒนาโดย วาล์วคอร์เปอเรชัน ซึ่งถือกำเนิดขึ้นจากการปรับปรุงเกมฮาล์ฟ-ไลฟ์ เกมนี้ได้ขยายเป็นซีรีย์ตั้งแต่ออกวางจำหน่ายครั้งแรก ปัจจุบันมีหลายภาค เนื้อหาหลักของเกมคือการที่ผู้เล่นแบ่งเป็นทีมต่อต้านผู้ก่อการร้าย และทีมผู้ก่อการร้าย มีการเล่นเป็นรอบๆ ไป แต่ละรอบชนะโดยการทำภารกิจของด่านสำเร็จหรือกำจัดฝ่ายตรงข้ามได้ทั้งหมด]เลยนะ!

แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งท่ายิง พวกนั้นก็กำจัดเป้าซอมบี้ไปได้เรียบร้อยไปอีกครั้ง และเคลื่อนที่ไปยังด่านที่สาม ผมวิ่งตามจนหอบ ไม่ทันจะได้ตั้งหลักยิงอะไร เป้าก็ถูกกำจัดไปอีก จนเนวิลล์ที่เพิ่งจัดการกับเป้าซอมบี้ในด่านที่สามตัวสุดท้ายเสร็จต้องหันมาส่งเสียงเขียวใส่ผม

“นี่นายจะวิ่งตามอย่างเดียวหรือไง ยิงบ้างสิ”

“ก็จะยิงอยู่เนี่ย นายก็อย่าแย่งฉันยิงเซ่!” ผมว่าเสียงดังพลางหายใจหอบจนตัวโยน

หมอนั่นส่ายหน้าแล้วพึมพำออกมาให้ผมได้ยิน

“กระจอกชะมัด”

“นายว่าใคร”

ไม่ทันที่จะได้ตอบ เนวิลล์ก็ออกวิ่งไปยังด่านต่อไปแล้ว

นี่วิ่งอีกแล้วเหรอวะ! นี่ผมลงสนามรบจำลอง หรือสนามวิ่งมาราธอนกันแน่เนี่ย!

ด่านต่อไปที่ว่าเหมือนจะเป็นจุดนัดรวมที่แพทริกว่าไว้ในตอนแรก เพราะทันทีที่พวกเราไปถึง หน่วยอื่น ๆ ก็ตามเข้ามาสมทบทันที

“กระจายกันไป แต่ไปพร้อม ๆ กัน แล้วจัดการมันไม่ให้เหลือซาก”

สิ้นเสียงแพทริก ทุกคนก็พยักหน้ารับ แล้วเคลื่อนที่ไปตามสัญญาณอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ ผมตัดสินใจแยกตัวออกจากเนวิลล์ด้วยเจ็บใจที่เขาหาว่าผมกระจอก และหมั่นไส้ที่เขาทำเป็นเก่งโชว์ออฟอยู่คนเดียว

“นายจะไปไหนน่ะ” เนวิลล์ร้องถามผมทันทีเมื่อเห็นผมตีตัวห่างจากเขาที่วิ่งไปหลบหลังที่กำบังใกล้ ๆ

“ก็จะจัดการซอมบี้น่ะสิ” ผมว่า

“ไม่ต้องเลย กระจอกอย่างนายมาอยู่นี่” เขายังคงปรามาสผมไม่เลิก แถมยังเข้ามาลากคอผมให้ไปอยู่กับเขาอีก

คราวนี้ผมไม่ยอม สะบัดตัวแล้วผลักเขาออกทันที เขาดูอึ้งไปเล็กน้อยที่ผมขัดขืน ก่อนที่ผมจะชี้หน้าเขาอย่างเอาเรื่อง

“แล้วนายจะรู้ว่าฉันกระจอกอย่างที่นายว่าหรือเปล่า”

“ไบรอัน! กลับมานี่!” เขาร้องเรียกผมอีกครั้ง แต่ผมไม่สนใจแล้ว วิ่งตรงเข้ามาหลบหลังที่กำบังที่อยู่ใกล้กับเป้ามากกว่าเขา

ผมยกปืนขึ้นวางบนขอบของที่กำบัง ตั้งสมาธิและตั้งท่าเตรียมพร้อม กะว่าถ้าเป้าโผล่มา ผมจะยิงให้กระจุย ทว่านอกจากเสียงเนวิลล์แล้ว ผมยังได้ยินเสียงของแพทริกและแอนนาเบลที่ดังไล่หลังมาอีก

“ทำบ้าอะไรของนายน่ะ เข้าไปใกล้อะไรขนาดนั้น!”

“ถอยออกมาเดี๋ยวนี้เลยไบรอัน นายอยากตายหรือไง!”

ผมแสร้งทำหูทวนลม ให้แพทริกได้ออกคำสั่งกับเนวิลล์พลัน

“ไปลากมันออกมาเร็วเข้า!”

ผมเหลียวหลังมามองเล็กน้อย เห็นเนวิลล์ผลุบออกจากที่กำบังวิ่งเข้ามาหาผม ทว่าในจังหวะที่เขาวิ่งมา เป็นจังหวะเดียวกับที่เป้าและเครื่องยิงลูกบอลทำงานพอดี ทำให้เขาต้องรีบหาที่หลบเป็นการด่วน

“บ้าฉิบ!” เนวิลล์สบถเสียงดัง

และผมก็เข้าใจได้ในตอนนี้เองว่าทำไมพวกเขาถึงได้พยายามดึงผมออกจากที่ตรงนี้เหลือเกิน เพราะมันใกล้กับเป้าและเครื่องยิงลูกบอลมากเกินไป จนแทบไม่สามารถโผล่หน้าออกจากที่กำบังได้เลย หนำซ้ำ ไอ้เครื่องยิงลูกบอลบ้าบอคอแตกนั่นก็ไม่ได้เป็นการยิงด้วยวิถีตรงธรรมดาเหมือนที่เห็นผ่าน ๆ มา แต่เป็นยิงแบบรอบด้านซึ่งยากต่อการหลบมากกว่าเดิม แถมยังมีเป้าซอมบี้เยอะกว่าด่านอื่น ๆ อีกด้วย

มิน่าล่ะ ทำไมแพทริกถึงได้นัดแนะให้ทุกหน่วยมารวมตัวกันในด่านนี้ เพราะมันเป็นด่านหินที่สุดน่ะเอง

แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ถึงจะตัดสินใจพลาด ผมก็ต้องลองแม้ว่าจะไม่เคยลองมาก่อนในชีวิตก็ตาม ผมยกปืนขึ้นสู่ระดับสายตา แล้วตัดสินใจโผล่ออกจากที่กำบัง เตรียมตัวจะยิงเป้าซอมบี้ที่อยู่ไม่ไกลทันใด

“หวานล่ะ” ผมครางพลันเหนี่ยวไก ทว่าไกปืนของผมมันแข็งเสียจนกดไม่ลง ทำให้ผมต้องรีบหลุบตัวลงต่ำแล้วร้องถามเนวิลล์ที่อยู่ไม่ห่างนักอย่างร้อนรน

“ปืนฉันมันยิงไม่ออก!”

“ปลดเซฟปืนหรือยัง!” เขาว่าขณะจัดการเป้าซอมบี้เป้าหนึ่งอยู่

“เซฟอะไรนะ!”

“เซฟปืนน่ะ เซฟปืน! ปลดเซฟปืน!”

ผมยกปืนขึ้นดู พลิกไปมาทันที ให้ตายเถอะ เซฟปืนอะไรนี่มันอยู่ตรงไหนเนี่ย!

“ปลดเซฟปืนสิวะ!” เนวิลล์ตะโกนขึ้นมาอีก

ผมลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันใด “แล้วมันอยู่ตรงไหนเล่า!”

“มันก็อยู่ตรงข้าง ๆ ไกปืนไง!”

ผมพลิกปืนขึ้นมาดูอีกครั้ง เห็นปุ่มบางอย่างอยู่ก็เอานิ้วกด ๆ จิ้ม ๆ ลงไปแล้วลองยิงดู แต่ก็ยังยิงไม่ออกอยู่ดี ปัญหาระดับชาติงอกขึ้นมาเป็นดอกเห็ดทันใด

“เซฟปืนมันปลดยังไง!”

“นายล้อกันเล่นหรือเปล่า! ดึงขึ้นสิวะ!” เนวิลล์หันมามองผมหลังจากจัดการเป้าอีกเป้าได้สำเร็จ สายตาที่เขามองมาแสดงออกชัดเจนว่าหงุดหงิดเลเวลแม็กซ์ นี่ถ้ายิงหัวผมแทนเป้าได้ คงยิงไปแล้วล่ะ

ผมดึงเซฟปืนขึ้นตามที่เขาว่าแล้วลองยิงดูอีกครั้ง ปรากฏว่ามันยิงได้ เท่านี้ผมก็ยิ้มกระหยิ่ม จัดการยกปืนขึ้นเล็งทันที

“ฉันจะยิงเป้าซอมบี้ให้นายดูเป็นขวัญตา” ผมร้องบอกเนวิลล์ แต่เขาไม่เล่นด้วย นอกจากตะคอกผมเสียงดัง

“อย่ามัวพูดมาก ยิงซะที!”

ผมยังไม่ยิง ยังเล็งอยู่จนกระทั่งแน่ใจว่าเป้าตรงหน้าคงไม่รอดเงื้อมือผมแน่ ๆ ทว่าก็มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ มายิงตัดหน้าผมไป ซึ่งไอ้บ้านั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากเนวิลล์

“ชักช้า” เขาว่าเมื่อเป้านั้นพับหงายลงไป พลางถอดแว่นตากันลมออก

ทุกคนส่งเสียงเฮกันเมื่อครูฝึกประกาศเวลาที่พวกเราทำกัน ซึ่งใช้เวลาน้อยกว่าทีมอื่น ๆ ที่ลงสนามไปแล้วก่อนหน้าอยู่มากโข ขณะที่เครื่องยิงลูกบอลค่อย ๆ หยุดยิง เป็นสัญญาณให้รู้ว่าเป้าซอมบี้ตัวเมื่อกี้ที่ผมตั้งใจจะยิงนั้น เป็นเป้าอันสุดท้ายของสงครามนี้ แต่ผมไม่ดีใจกับพวกนั้นด้วย นอกจากผุดลุกขึ้น มองหน้าเนวิลล์ที่เดินเสยผมเข้ามาอย่างหัวเสีย

“นายแย่งเป้าฉันทำไม ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะยิงให้ดูเป็นขวัญตา”

“ก็นายมัวแต่เล็ง ไม่ยิงสักที ฉันก็เลยจัดการ”

“แต่นั่นมันเป้าฉัน ยิงตัดหน้ากันอย่างนี้มันหยามกันชัด ๆ !”

“ก็แค่เป้าน่า อย่ามาโวยวายเป็นเด็ก ๆ ” เขาว่าอย่างไม่ยี่หระ

หากแต่ผมไม่ยอม จริง ๆ แล้วหัวเสียที่ว่านี่ไม่ใช่ว่าเพราะเขาแย่งผมยิงเป้าหรอกนะ แต่เป็นเพราะเขาแสดงท่าทางดูถูกผมออกมาอย่างชัดเจนต่างหาก ทั้งสีหน้า ทั้งแววตา จนผมที่เกลียดการถูกดูถูกที่สุดทนไม่ไหว แถมเขายังเหน็บให้ผมเจ็บใจมากขึ้นกว่าเดิมส่งท้ายอีกต่างหาก

“ก็รู้อยู่นะว่านายเพิ่งจะเข้ากองทัพมาได้ไม่นาน แต่ก็ยอมรับซะเถอะว่านายมันกระจอกเกินกว่าจะมาฝึกกับพวกฉัน ลงมาวิ่งเล่นในสนามสนุกมั้ยล่ะ”

โห... ขึ้นเลย พูดอย่างนี้นี่ขึ้นเลย!

“นี่หาเรื่องกันนี่หว่า” ผมใช้มือข้างหนึ่งผลักอกเขา ทำเอาแพทริกและคนอื่น ๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์เข้ามาห้ามกันแทบไม่ทัน

“ไม่เอาน่า พวกเดียวกัน ไม่ทะเลาะกัน โอเค้?”

เนวิลล์ชูมือทั้งสองข้างขึ้นในระดับอก พลางเลิกคิ้วเป็นเชิงว่าตัวเขาน่ะไม่มีปัญหา มีแต่ผมที่มีปัญหา แพทริกเลยหันมาต่อรองกับผมแทน

“พอนะไบรอัน เนวิลล์ก็แค่ทำตามหน้าที่ นายขัดคำสั่งฉันก่อนนี่หว่า หยวน ๆ ให้กันไปนะพวก”

“ฉันก็ไม่อยากจะมีเรื่องนักหรอก เดี๋ยวจะถูกหาว่ารังแกเด็ก” ผมยอมรับความผิดแต่ก็ไม่วายว่าเหยียด ๆ

ที่เหยียดนี่คือขนาดตัวของเนวิลล์ที่เล็กกว่าผมน่ะถึงเขาจะมีรูปร่างบึกบึน มีกล้ามเป็นมัด ๆ ก็เถอะ แต่ดูยังไงก็ไม่ต่างจากเด็กประถมที่กำลังจะขึ้นมัธยมในสายตาผม ณ เวลานี้เลยแม้แต่น้อย เขาเองก็ดูไม่ชอบใจเหมือนกันที่ถูกว่าอย่างนั้น พลันย่นคิ้วยู่แล้วมองผมอย่างหงุดหงิด

“นายว่าใครเด็ก”

“ใครที่กำลังพูดกับฉันอยู่ล่ะ” ผมยอกย้อน เชิดหน้าขึ้นสูงให้เขารู้สึกว่าเขาสูงแค่ปลายจมูกผมเท่านั้น

เนวิลล์ทำท่าเหมือนจะเข้ามาชกผม แต่ถูกแอนนาเบลรั้งไว้ก่อน ผมพอจะกระหยิ่มยิ้มได้บ้าง

“ไม่เอาน่าเนวิลล์ นายก็เลิกกวนประสาทซะทีไบรอัน เราอยู่ทีมเดียวกันนะ นี่เราก็ชนะทีมอื่นแล้ว เตรียมไปคุยโวกันดีกว่า อย่ามัวมาทะเลาะกันเลยน่า”

เนวิลล์หยุดการกระทำได้ เขาไม่พูดอะไรออกมาอีก นี่เป็นยกแรกเลยที่ผมชนะเขา แต่ความไม่พอใจของเขาที่ถูกผมดูแคลนไม่อาจทำให้ผมหายหงุดหงิดได้แม้แต่น้อย เพราะเขาทำผมเจ็บใจมากกว่าที่ผมทำเขาอยู่เยอะ ผมจึงจัดการเอาปืนที่ถืออยู่ขว้างไปข้างหน้าหวังจะระบายอารมณ์ ทว่าจังหวะที่ผมขว้างไป ปืนดันไปกระแทกกับเครื่องยิงลูกบอล ทำให้เครื่องนั่นกลับมาทำงานอีกครั้ง

ทุกคนร้องเสียงหลง รีบหาที่หลบกันเป็นพัลวัน แต่ไม่ทันแล้ว เพราะลูกบอลบรรจุสีแดงสดเข้าปะทะกับร่างของพวกเราจนท่วมไปแล้วเรียบร้อย ก่อนที่เครื่องยิงจะหยุดจากการบังคับของครูฝึกที่อยู่นอกสนาม

ทุกอย่างเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง แต่ไม่ได้สงบเพราะเกมจบ ทว่าเป็นเพราะเสียงครูฝึกที่ลอยดังมาตามลำโพงที่ติดอยู่รอบ ๆ

“สถานการณ์พลิกผัน ทีมผู้ชนะกลายเป็นที่โหล่เพราะไอ้งั่งคนนึงดันทำเครื่องยิงลูกบอลทำงานก่อนออกจากสนาม ถ้ามีทีมไหนทำพลาดจนพากันตายยกทีมได้เหมือนทีมนี้ ก็ถือว่าพ้นจากตำแหน่งที่โหล่แล้วกันสาว ๆ ”

สิ้นเสียงครูฝึก ทุกสายตาก็หันมามองผมเป็นตาเดียวทันที จากที่ตอนแรกผมทำห้าว ก็กลายเป็นหมาหงอยทันใด

“ทะ...โทษที ไม่นึกว่าจะโยนปืนไปโดนเครื่อง แล้วมันจะทำงาน”

ไม่มีสัญญาณตอบรับใด ๆ นอกจากแอนนาเบลที่ค่อย ๆ เครื่องร้อนขึ้นมา แปรทัพจากคนห้ามกลายเป็นคนเล่นงานผมแทน

“ไอ้บัดซบเอ๊ย!”

“แอนนาเบลใจเย็น ๆ !” แพทริกกระโดดกอดเพื่อนก่อนที่เธอจะเข้ามาฉีกผมออกเป็นชิ้น ๆ พอรั้งเธอไว้ได้ เขาก็พาเธอออกไปโดยไม่ลืมที่จะทิ้งท้ายไว้กับผมเสียงเรียบ

“ผิดหวังกับนายจริง ๆ ว่ะ นายมันงี่เง่าชะมัด”

แล้วก็ตามมาด้วยเสียงด่าระงมจากซอมบี้ฮันเตอร์หน่วยอื่น ส่วนผมน่ะเหรอ... จ๋อยไปตามระเบียบน่ะสิ ยิ่งถูกสายตาของเนวิลล์มองอย่างโกรธ ๆ แล้วด้วย ผมยิ่งตัวลีบลงจนแทบจะเล็กเท่าเม็ดทราย

“ก็ฉันมือใหม่ นายก็รู้” ผมพยายามแก้ตัวเมื่อเขาจ้องไม่ละสายตา

เนวิลล์ไม่พูดอะไร ได้แต่ยืนมองผมกระทั่งคนอื่น ๆ ทยอยออกจากสนามไปจนหมด แล้วเขาเปรยขึ้นมาเสียงเรียบ ทว่าแฝงไปด้วยความดุดัน

“นายได้เจอกับฉันแน่ ไบรอัน บรู๊ค...”

ว่าจบ ก็เดินออกไปอีกคน ทิ้งให้ผมมองตามอย่างหวั่นใจว่าต่อจากนี้ ผมคงจะใช้ชีวิตอยู่ในเขตควบคุมโรคนี่ต่อไปอย่างสงบสุขไม่ได้อีกแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel