บท
ตั้งค่า

Episode 03: Newbie’s field 【1】

หลังจากเก็บข้าวของที่เจ้าพวกนี้ยืมออกมาโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นที่เรียบร้อย ร็อบบ์ก็ขอตัวกลับบ้านเพื่อไปรับฟังคำเทศนาของพ่อ ระหว่างทางที่เดินไปยังโรงนอน แพทริกกับแอนนาเบลก็รับหน้าที่อธิบายเกี่ยวกับพื้นที่ส่วนต่าง ๆ ของเขตให้ผมฟัง สองคนนั้นไม่ได้อธิบายอะไรละเอียดนักหรอก เพราะเข้าใจว่าผมเป็นซอมบี้ฮันเตอร์อย่างที่กล่าวอ้างก็เลยอธิบายคร่าว ๆ ว่าสถานที่ฝึกของกองทัพในแต่ละแห่งอยู่ส่วนไหนบ้างก็เท่านั้นด้วยเห็นว่าน่าจะต่างจากเขตที่ผมมาอยู่ ผมเลยต้องสังเกตเอาเองว่าในเขตควบคุมโรคมันเป็นอย่างไร เท่าที่สังเกต เหมือนในเขตควบคุมโรคจะแบ่งออกเป็นโซนพื้นที่ใหญ่ ๆ สองโซน คือโซนสำหรับกองทัพ และโซนสำหรับพลเรือน

แน่นอนว่าโซนสำหรับพลเรือนก็เป็นพวกที่อยู่อาศัยของพวกพลเรือน ส่วนโซนของกองทัพก็เป็นพื้นที่สำหรับใช้สอยทางการทหาร รวมถึงพื้นที่สำหรับหน่วยสำคัญต่าง ๆ ของเขต อย่างเช่นอาคารสำหรับผลิตอาหารผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ อาคารทดลองอะไรเทือกนี้ด้วย ผมเห็นอาคารเหล่านั้นตอนที่นั่งรถเข้ามา จริง ๆ แล้วยังมีมากกว่านี้อีกหลายสิบอาคาร แต่ผมไม่ได้สนใจนักนอกจากเครื่องแบบของซอมบี้ฮันเตอร์แต่ละกองร้อยที่สวมใส่ ผมเพิ่งจะสังเกตเอาตอนนี้ว่าซอมบี้ฮันเตอร์ที่มาจากกองร้อยหลักและกองร้อยสำรองจะใส่เครื่องแบบไม่เหมือนกัน ของพวกซอมบี้ฮันเตอร์กองร้อยหลักจะเป็นชุดลายพรางเหมือนทหารทั่วไป แต่มีตราประจำที่เปลี่ยนจากกองทัพบกสหรัฐไปเป็นตราของซอมบี้ฮันเตอร์และเขตที่สังกัด ส่วนซอมบี้ฮันเตอร์กองร้อยสำรองจะเป็นชุดสีเขียวแก่เรียบ ๆ ไม่มีลายพรางอะไร แต่มีเครื่องหมายซอมบี้ฮันเตอร์และเขตที่สังกัดเหมือนกับกองร้อยหลักเช่นกัน

“ก็ดีนะที่มีนายเข้ามาอยู่ในหน่วย ร็อบบ์กับฉันก็กำลังกังวลกันอยู่พอดีว่าถ้าพวกฉันถูกย้ายไปกองร้อยหลัก จะไม่มีสมาชิกมาเพิ่ม” เสียงของแพทริกเรียกความสนใจของผมไป ก่อนแอนนาเบลจะว่าสมทบอย่างเห็นด้วย

“นั่นสิ ช่วงนี้พวกเด็ก ๆ กองร้อยฝึกหัดก็ไม่มีเข้ามาเพิ่มแล้ว แถมพวกกองร้อยหลักก็ออกไปตายกันตั้งหลายคน นี่ยังไม่นับกองร้อยสำรองของเรานะ กองทัพเรานี่เหลือพวกมีฝีมืออยู่แค่หยิบมือเดียวเองมั้ง ได้คนจากเขตอื่นมาบ้างก็ดี จะได้ไม่ต้องถึงขั้นไปเกณฑ์พลเรือน”

“หมายความว่าไงที่ไม่มีคนเข้ามาเพิ่ม” ผมถามอย่างสงสัย เนวิลล์ที่เดินนำหน้าอยู่พูดโดยไม่หันมามอง

“ก็หมายความว่าไม่มีผู้รอดชีวิตให้ได้เอามาเข้ากองทัพน่ะสิ นายเป็นซอมบี้ฮันเตอร์ประเภทไหนเนี่ยถึงได้ไม่รู้เรื่องนี้” แอนนาเบลว่าเสียงขุ่น

ผมยิ้มแก้เก้อ ก่อนแพทริกแทรกขึ้นช่วยชีวิต

“ก็หมอนี่เพิ่งจะเข้ามาเป็นซอมบี้ฮันเตอร์ไม่ใช่เหรอ ไม่รู้อะไรมากก็ไม่แปลกหรอกน่า” ว่ากับแอนนาเบลเสร็จก็หันมาทางผม อธิบายเพิ่มเติม “คืองี้ไบรอัน ก่อนที่ไวรัสซีจะระบาดในอเมริกา นายรู้ใช่มั้ยว่าทางกองทัพมีการประกาศรับสมัครเยาวชนและผู้ที่สนใจเข้าร่วมฝึกเป็นซอมบี้ฮันเตอร์”

ผมพยักหน้า เหมือนจะเคยเห็นผ่านหูผ่านตาอยู่บ้าง เพื่อนที่มหาวิทยาลัยเองก็สมัครเข้าร่วมกันอยู่หลายคนเหมือนกัน มีแต่ผมนี่แหละที่ไม่ได้สนใจอะไรกับชาวบ้านเค้า

“ช่วงนั้นก็มีเยาวชนมาสมัครเรื่อย ๆ แต่พอไวรัสนรกนั่นระบาด พวกเราก็อพยพไปอยู่ประจำการที่เขต มีพลเรือนบางส่วนเท่านั้นที่ยอมสมัครเข้ากับกองทัพตอนที่พวกเราเริ่มลดจำนวนลง จนตอนนี้ในเขตของเราค่อนข้างอยู่ในภาวะวิกฤต เพราะเยาวชนที่อยู่เข้าร่วมกับกองทัพจนหมดตามคำร้องขอของกองทัพ จนตอนนี้เหลือเพียงพวกผู้ใหญ่ที่เกินแกงจะเข้ากองทัพเท่านั้น”

“แล้วตอนนี้กองทัพของเขตนี้มีประมาณกี่คน”

“ประมาณห้าพันกว่าคนได้มั้ง รวมทุกกองร้อยนะ”

ผมครางรับ ฟังดูเหมือนจะเยอะ แต่เอาจริง ๆ แล้ว ถ้าเทียบกับจำนวนซอมบี้นอกเขตแล้วล่ะก็ ถือว่าไม่ถึงหนึ่งในสี่ของพวกมันด้วยซ้ำ

“มิน่าล่ะ ทำไมท่านนายพลถึงได้ยัดเยียดให้ฉันเข้ากองทัพนัก” ผมว่าให้แพทริกหัวเราะ

“ท่านนายพลดูดีใจนะแม้ว่านายจะไม่ใช่พวกฝีมือดีก็ตาม แต่ก็เพราะนาย พวกฉันเลยไม่ถูกลงโทษ มีแต่ร็อบบ์ที่ต้องไปแก้ตัวกับพ่อแทน”

“ร็อบบ์ก็รับเคราะห์อย่างนี้ทุกทีแหละ” แอนนาเบลพึมพำ ก่อนแพทริกจะตัดบท

“เอาเถอะน่า หมอนั่นเป็นหัวหน้าหน่วยนี่นา รับผิดชอบแทนสมาชิกหน่วยหน่อยจะเป็นไรไป ฉันว่าพาไบรอันไปที่โรงนอนเถอะ ใกล้จะได้เวลานอนแล้ว”

แอนนาเบลไม่พูดอะไรต่อจากนั้น นอกจากเดินคู่กับแพทริก นำผมไปยังโรงนอนซึ่งเป็นอาคารหลังใหญ่สำหรับซอมบี้ฮันเตอร์กองร้อยสำรองรุ่นใหญ่ ส่วนโรงนอนของซอมบี้ฮันเตอร์กองร้อยสำรองรุ่นเล็กนั้นอยู่คนละฟากกัน และทันทีที่เข้ามาด้านใน เสียงจ้อกแจ้กจอแจของบรรดาซอมบี้ฮันเตอร์จูเนียร์ทั้งชายและหญิงก็ดังเข้าหูผมทันที

แพทริกกับแอนนาเบลทักทายคนอื่น ๆ ที่เข้ามาทักเรื่องวีรกรรมที่พวกเขาไปทำมาตลอดทาง ปล่อยให้ผมได้สำรวจภายในอาคารแห่งนั้นด้วยตัวเอง จากที่ผมเห็น เดาว่าแต่ละชั้นถูกเป็นออกเป็นห้อง ๆ หลายร้อยห้อง โดยใช้ม่านสีเขียวเข้มกั้น ภายในห้องนั้นมีเตียงสองชั้นอยู่สองเตียงและชั้นวางของอีกนิดหน่อย ห้องหนึ่ง ๆ คงจะถูกจัดสรรให้สำหรับซอมบี้ฮันเตอร์หนึ่งหน่วย

“ห้องของหน่วยเราอยู่ชั้นห้า” เนวิลล์เดินเข้ามาบอกผมข้าง ๆ หู

ผมสะดุ้งเล็กน้อยที่จู่ ๆ ก็เห็นเขาโผล่มาไม่ให้สุ้มให้เสียงทั้งที่เมื่อกี้ก็ไม่ได้เดินมากับผมด้วย เขามองหน้าตื่น ๆ ของผมเล็กน้อย ก่อนออกคำสั่งอย่างไม่ใส่ใจนัก

“ตามมา”

“แล้วแพทริกกับแอนนาเบล...” ผมมองหาสองคนนั้นเลิ่กลั่กเพราะไม่อยากไปกับเนวิลล์เพียงสองคน แต่พอหันไปอีกที สองคนนั้นก็หายหัวไปไหนแล้วก็ไม่รู้

“กว่าจะเล่าวีรกรรมเสร็จก็อีกนาน ช่างหัวพวกนั้นเถอะ” เนวิลล์หันมาว่าเสียงเรียบแล้วเดินนำไป

ผมได้แต่ปรายตามองไปยังกลุ่มคนที่มะรุมมะตุ้มกันอยู่ ก็เดาได้ว่าต้นเหตุคงจะเป็นสองคนนั้น เลยได้แต่ตัดใจ แล้วเดินตามเนวิลล์ไปอย่างว่าง่าย

ไม่นานนัก เนวิลล์ก็พาผมมาหยุดที่หน้าห้องหนึ่งซึ่งอยู่ด้านในสุดของชั้นห้า ระหว่างทาง มีคนพยายามเข้ามาทักทายเขามากมาย แต่เขากลับเมินเฉย แล้วเดินผ่านไปราวกับคนพวกนั้นเป็นอากาศธาตุ ยิ่งพอมีใครบางคนเข้ามาขอให้เขาเล่าวีรกรรมให้ฟัง เขากลับตอบแสกหน้าไปว่า ‘ถ้ายิงปืนได้ดีเท่าการแส่เรื่องคนอื่น ฉันจะดีใจมาก’ ผมก็รู้ได้เลยว่าเขาเป็นพวกมนุษยสัมพันธ์ไม่ดีนัก จริง ๆ ก็พอจะรู้อยู่จากการถามคำตอบคำแล้ว และดูท่าทางน่าจะมีอำนาจมากพอสมควรเสียด้วย เพราะไม่อย่างนั้น คนที่มาถามนั่นคงไม่ดูจ๋อยเป็นหมาหงอยอย่างนั้น

“เตียงของร็อบบ์อยู่ด้านล่างฝั่งขวา” เนวิลล์ว่าขึ้นหลังจากกระชากม่านเปิดให้ผมเห็นด้านใน ผมตั้งท่าจะเข้าไปนั่ง ทว่าเนวิลล์ก็ขัดขึ้นอีก “แต่ฉันแนะนำให้นายนอนที่เตียงล่างฝั่งซ้าย”

“ทำไม”

“ฉันไม่ชอบเห็นใครมานอนที่เตียงร็อบบ์”

พูดมาอย่างนี้ ผมก็คิดไปทันทีเลยว่าเนวิลล์เป็นพวกรักเพศเดียวกัน และเขาก็คงจะชอบร็อบบ์อยู่ด้วยล่ะมั้งถึงไม่อยากให้ผมไปยุ่มย่ามกับที่นอนของคนที่ชอบ ผมเองก็ไม่อยากจะมีปัญหาเลยได้แต่ยักไหล่ แล้วย้ายฝั่งมานั่งที่เตียงนั้นตามที่เขาบอก

“แล้วนี่เตียงใคร”

“เตียงฉัน”

“อ้อ นายให้ฉันย้ายมานอนเตียงนาย เพราะนายจะย้ายไปนอนเตียงร็อบบ์แทนน่ะสินะ” ผมมั่นใจได้ก็ตอนนี้ว่าเขามีรสนิยมอย่างที่ผมคิดในตอนแรก ทว่าคำตอบของเขากลับผิดคาด

“มันว่างอยู่ ฉันเลยให้นายนอน เพราะฉันไม่ได้นอนที่นี่”

“เอ้า แล้วนายนอนที่ไหน”

“บ้าน”

ผมย่นคิ้วพลัน “หมายความว่าไงที่ว่านอนที่บ้าน”

“พวกซอมบี้ฮันเตอร์ที่ยังมีครอบครัวหรือมีบ้านอยู่ในโซนพลเรือน บางคนก็ชอบกลับไปนอนที่บ้าน แต่ส่วนใหญ่มักจะมานอนกันที่โรงนอน เพราะกลัวจะตื่นมาฝึกไม่ทัน” เขาอธิบายสั้น ๆ

“แล้วนายไม่กลัวตื่นมาฝึกไม่ทันหรือไง” ผมแสร้งว่าพลางทิ้งตัวลงเหยียดกายบนเตียงนุ่มนั่น

นานแล้วนะที่ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้ สบายชะมัด

“ไม่” เขาตอบเสียงห้วน แล้วเดินเข้ามาค้นอะไรบางอย่างที่ตู้เหล็กปลายเตียงของร็อบบ์อยู่ครู่หนึ่ง

“สักวันเถอะ นายจะตื่นมาฝึกไม่ทัน” ผมแกล้งหยอก กะว่าจะหาเรื่องชวนคุยเพื่อสร้างความสัมพันธ์

“ฉันไม่เคยมีประวัติแบบนั้น” เนวิลล์ไม่สน รื้อเอาเครื่องแบบชุดใหม่ออกจากตู้เหล็กแล้วโยนมาให้ผมรับ “นี่ชุดใหม่ของนาย เปลี่ยนซะ เสื้อนายเหม็นเกินทนแล้ว และฉันก็ทนเห็นกางเกงแดงรัดรูปนั่นของนายไม่ไหวแล้วด้วย รำคาญสายตา ส่วนรองเท้า นายก็เลือกเอาแล้วกันว่าใส่คู่ไหนได้ ถ้าไม่มีไซส์ก็บอก เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเบิกให้”

ว่าจบก็เปิดประตูตู้เหล็กอ้าออกให้กว้างขึ้น เผยให้เห็นรองเท้าคอมแบททั้งใหม่และเก่าเรียงรายอยู่ด้านใน ผมพยักหน้ารับ แต่ยังไม่ทันจะได้ลุกไปดู เนวิลล์ก็จัดการตัดบททันควัน

“เลือกเสร็จแล้วก็รีบนอน ไม่งั้นพรุ่งนี้นายจะตื่นไม่ทัน พรุ่งนี้มีฝึกลาดตระเวนในที่ราบที่สนามรบจำลอง แพทริกกับแอนนาเบลจะพานายไปที่จุดรวมพล”

“บอกตัวเองเถอะพ่อหนุ่มติดบ้าน วิ่งจากบ้านมาให้ทันแล้วกัน” ผมได้ที ย้อนเขาคืนบ้าง

เนวิลล์เหลือบมองผมเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะรูดม่านปิดแล้วจากไปในเสี้ยววินาที

ผมลืมเนวิลล์ไปเสียสนิท มัวแต่เฮฮากับแพทริกและแอนนาเบลที่พาพวกพ้องมานั่งคุยกันถึงห้องนอนกระทั่งเลยเวลานอน จนคนของกองร้อยหลักหรือที่พวกกองร้อยสำรองเรียกว่าครูฝึกต้องมาไล่ถึงจะแยกย้ายกันได้ ผมจึงได้รู้กฎของที่นี่อีกข้อคือ ทุกคนจะต้องเข้านอนไม่เกินสี่ทุ่ม

สี่ทุ่ม! ตอนผมอยู่หอที่มหา’ลัย บางวันผมไม่นอนนะพูดเลย ยิ่งเป็นซอมบี้ที่ไม่มีความง่วง ความรู้สึกใด ๆ ด้วยแล้ว การแสร้งนอนนิ่ง ๆ สมมติว่าหลับเนี่ย มันโคตรจะทรมานเลยให้ตาย ผมได้แต่นอนดิ้นไปมาทั้งคืน ผ่านไปหลายชั่วโมงกระทั่งเสียงกริ่งดังระงมไปทั่ว พร้อมกับไฟที่เปิดสว่างทั้งอาคาร

ผมรีบดันตัวลุกขึ้นมาทำหน้าเหรอหรา ขณะที่แพทริกและแอนนาเบลรีบจัดการคว้าเสื้อนอกและรองเท้าคอมแบทมาสวมอย่างรวดเร็ว

“เกิดอะไรขึ้น” ผมถามหน้าตื่น ให้แพทริกที่ยังคงเมาขี้ตาหันมาบอกผมเสียงร้อนรน

“ก็ได้เวลาตื่นแล้วน่ะสิ”

“ตื่นเหรอ? นี่ฟ้ายังไม่สว่างเลยนะ” ผมว่าเมื่อหันไปมองท้องฟ้าด้านนอกอาคารผ่านหน้าต่าง นี่คือประโยชน์ของห้องที่อยู่ในสุดของอาคารล่ะ เกิดอะไรขึ้นด้านนอกก็มองเห็นได้ก่อนใครเพื่อน

“ตีสี่” พอแพทริกตอบ ผมก็ย่นคิ้ว

นี่จะตื่นเช้าเอาโล่กันหรือไง!

“นายอย่ามัวพูดมากอยู่น่า รีบแต่งตัวซะ เสร็จช้าก่อนที่พวกครูฝึกมา นายตายแน่” แอนนาเบลเรียกสติผมคืนมา

“คนที่ตายน่ะ ฉันว่าเนวิลล์ต่างหากมั้ง กว่าหมอนั่นจะแหกขี้หูขี้ตาออกจากบ้านมาได้ ฟ้าคงสว่างกันพอดี” ผมกลั้วหัวเราะ พลันคว้าเสื้อนอกจากสวมบ้าง ขณะที่แอนนาเบลกับแพทริกจัดการกับตัวเองเสร็จแล้วเรียบร้อย

เดี๋ยวนะ! นี่ใช้เวลาแต่งตัวไม่ถึงห้านาทีเลยนะนั่น!

“หมอนั่นไม่เคยสาย ตอนนี้อย่าเพิ่งสนใจเรื่องของคนอื่น รีบแต่งตัวเข้าเถอะ” แอนนาเบลว่า พร้อมกับทำท่าเตรียมจะออกไป

พอผมเห็นทั้งคู่ทำท่าจะทิ้งผม ผมก็รีบคว้ารองเท้ามาสวมบ้าง แต่รู้อะไรมั้ยว่าไอ้รองเท้าคอมแบทเนี่ย มันใส่ยากโคตร ๆ เลย จากที่ตอนแรกไม่เครียด ผมก็เริ่มเครียดขึ้นมาละ ยิ่งเห็นทั้งคู่รูดม่านเปิด ผมก็เร่งมือจนมือเป็นระวิง ก่อนจะวิ่งตามพวกเขาลงมาข้างล่างทั้งที่ยังใส่รองเท้าไม่เสร็จดีด้วยซ้ำ

พอลงมาที่หน้าอาคาร ผมก็ถูกแพทริกดุนหลังให้ไปเข้าแถวรวมกับคนอื่น ๆ ที่รออยู่ก่อนแล้ว ผมรู้ในตอนนี้เองว่า นอกจากความเจ็บปวดที่ผมยังรับรู้ได้ ยังมีความเหนื่อยอีกอย่างที่ยังคงทำงานได้ดี ไม่ใช่พอรับรู้ความรู้สึกได้อย่างที่เข้าใจในตอนแรก

ให้ตายเถอะ แค่ออกกำลังหน่อยเดียว ทำเอาหอบขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!

ไม่นานนัก ครูฝึกก็มาเข้าประจำการ พร้อมกับอธิบายการฝึกในวันนี้ยาวเป็นหางว่าว ผมไม่ได้ฟังหรอก นอกจากพยายามควบคุมลมหายใจให้กลับเป็นปกติอย่างเดียวเท่านั้น

“นายยังไม่ได้ผูกเชือกรองเท้า” จู่ ๆ เสียงของคนข้าง ๆ ก็ดังขึ้นเบา ๆ ให้ผมได้เหลียวไปมอง พอหันไปเห็นว่าเจ้าของเสียงเป็นเนวิลล์ชำเลืองมองผมด้วยหางตา ผมก็แสร้งทำเป็นไม่เห็นเขา

“ตื่นสายล่ะสิ” พอเขาพูดขึ้นมาอีก ผมก็หงุดหงิดขึ้นมาน้อย ๆ จำเป็นต้องสวนกลับทันใด

“ไม่ได้ตื่นสาย แค่แต่งตัวไม่ทัน”

เนวิลล์หัวเราะในลำคอ ฟังดูก็รู้เลยว่าหมอนี่กำลังเยาะเย้ยผม ก่อนที่ความสนใจของผมจะถูกดึงไปเมื่อเสียงของครูฝึกดังขึ้นอีกครั้ง

“วันนี้เราจะฝึกซ้อมลาดตระเวนในที่ราบ อุปกรณ์ของเราคือมาร์กเกอร์[ มาร์กเกอร์ (Marker) หรือตัวทำเครื่องหมาย มักถูกใช้เรียกปืนสำหรับเล่นเกมกีฬาเพนท์บอล (Paintball) ]และลูกบอลสี ฉันจะพาพวกนายไปลงสนามรบจำลอง และพวกนายจะต้องลาดตระเวนกันครั้งละห้าหน่วยเหมือนเดิม ลูกบอลของพวกนายแต่ละทีมจะเป็นคนละสี กติกาเหมือนเดิมคือ ทีมไหนทำแต้มกับเป้าซอมบี้ได้มากสุด ทีมนั้นคือผู้ชนะ ยิงได้หนึ่งเป้า เท่ากับหนึ่งแต้ม...” ครูฝึกว่าพลางชูปืนที่มีลักษณะคล้ายปืนเพนท์บอล[ เพนท์บอล (Paintball) หรือยุทธกีฬา เป็นเกมกีฬาการไล่ล่าอย่างหนึ่งที่ใช้ลูกบอลสีซึ่งมีลักษณะเป็นลูกบอลเล็กๆ ขนาดประมาณหัวแม่โป้งมือเป็นกระสุน ซึ่งเมื่อยิงออกไปกระทบของแข็ง เจลาตินที่ครอบหมึกไว้ก็จะแตกออก ทำให้สีที่บรรจุอยู่ข้างในกระเด็นออกไปติดตามที่หมาย ส่วนปืนมักจะถูกเรียกว่าตัวทำเครื่องหมาย หรือ Marker จะขับแรงดันกระสุนโดยใช้แรงจากแก๊สคาบอนไดออกไซด์ หรือถังอัดอากาศที่ติดอยู่กับท้ายปืน ซึ่งสามารถปรับแรงหนักเบาได้ เกมกีฬานี้ถือกำเนิดขึ้นที่อเมริกาตั้งแต่ปี ค.ศ.1981 และเป็นที่นิยมไปทั่วโลก นิยมใช้ในการฝึกของเหล่าทหาร ตำรวจและหน่วยรักษาความปลอดภัยอื่นๆ โดยอาจมีการจำลองพื้นที่และสถานการณ์ขึ้นมาเพื่อทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ ในการแข่งขันโดยทั่วไปจะใช้การชิงธงเป็นหลัก หรือกำจัดฝ่ายตรงข้ามให้หมด หรืออาจนับจำนวนผู้เล่นที่เหลือหลังเวลาหมด หรือภารกิจอื่นๆ ตามแต่จะตกลงกันทั้ง 2 ฝ่าย ] ขึ้นสูง

ผมเคยเห็นปืนนี่ในโทรทัศน์เมื่อนานมาแล้ว แต่ไม่เคยทดลองเล่นมันเลยสักครั้ง พลันกังวลขึ้นมาว่าจะใช้มันไม่เป็น ก่อนค่อย ๆ เอนตัวไปด้านหลัง กระซิบถามแพทริกที่ยืนอยู่

“ไอ้ปืนนี่มันใช้ยังไงน่ะ”

“ก็แค่เหนี่ยวไกแล้วก็ยิง”

“ใช้ง่ายกว่าปืนจริงอีก ถามอะไรแปลก ๆ อย่าบอกนะว่านายไม่เคยใช้” อันนี้แอนนาเบลที่อยู่เยื้องกันถามขึ้นมา

“ที่เขตฉันไม่มีการฝึกด้วยปืนเพนท์บอลน่ะ มีแต่ใช้ปืนจริง เลยไม่แน่ใจ” ผมรีบแก้ตัว ตามด้วยหัวเราะแก้เก้อ

พวกนั้นมองผมอย่างจับผิดเล็กน้อย ก่อนจะเบือนสายตาไปยังครูฝึกเมื่อเขาเริ่มอธิบายกฎกติกา

“พวกนายมีเวลาแค่ทีมละสามสิบนาทีเท่านั้น ใช้เวลาให้น้อยที่สุด และจำไว้ให้ขึ้นใจว่าพวกนายห้ามโดนลูกบอลสีแดงจากเครื่องยิงยิงใส่เป็นอันขาด ใครโดนยิงใส่ ถือว่าตายทันที ให้ออกจากสนาม ทีมไหนมีคนตายเยอะสุดหรือใช้เวลามากสุด ทีมนั้นเตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลยว่าโดนฉันเล่นงานอ่วมแน่” ครูฝึกว่าพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์

“แล้วนี่มัวรออะไรกันอยู่! ไสหัวไปได้แล้ว! ไป ๆ ๆ !”

จู่ ๆ ครูฝึกคนนั้นก็ตะเบ็งเสียงขึ้น พวกซอมบี้ฮันเตอร์นายอื่น ๆ พากันวิ่งไปยังสนามรบจำลองที่อยู่ไม่ไกลจากโรงนอนทันใด ผมวิ่งตามไปด้วยอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้ ก่อนจะถูกเรียกรวมพลอยู่ที่หน้าสนามรบนั่น

หลังจากนั้น พวกเราก็ถูกแบ่งออกเป็นทีมละห้าหน่วย ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่ากองร้อยที่มาฝึกการลาดตระเวนในวันนี้ มีเพียงรุ่นอายุ 20-24 ปีเท่านั้น ขณะที่รุ่นอายุน้อยกว่านี้ถูกพาไปฝึกอย่างอื่นแทน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel