บท
ตั้งค่า

Episode 01: Survivor【2】

แต่ต้องขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าพ่อผมไม่ได้หนีทัพ ที่พวกเราอพยพมายังอเมริกาเป็นเพราะว่าเมื่อสามปีก่อน ไวรัสซีได้ระบาดไปเข้าไปทั่วทวีปเอเชียหลังจากระบาดไปทั่วทวีปแอฟริกาจนเกินจะควบคุม ประเทศไทยที่เป็นบ้านเกิดของผมแทบจะเป็นพื้นที่แรก ๆ ที่มีผู้ติดเชื้อเกือบทั้งประเทศ พอประเทศไทยถูกประกาศให้กลายเป็นพื้นที่สีแดง พ่อผมจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากนายพลเอดิสันให้ลักลอบพาพวกเราเข้าอเมริกา

ในตอนนั้น อเมริกายังไม่ถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดของไวรัส เพราะรัฐบาลอเมริกาสั่งปิดประเทศทันทีที่ทวีปแอฟริกาและเอเชียถูกเขมือบโดยไวรัสนรกนั่น ชนิดที่ว่าคนนอกไม่ได้เข้า คนในไม่ได้ออก อีกทั้งยังมีการเตรียมความพร้อมโดยการจัดตั้งเขตควบคุมโรคขึ้น ในตอนนั้นมันถูกจัดให้เป็นพื้นที่การฝึกของเหล่าทหารในกองทัพที่ถูกเรียกด้วยชื่อเฉพาะกิจว่าซอมบี้ฮันเตอร์ ภารกิจหลัก ๆ ของซอมบี้ฮันเตอร์ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดเหมือนทุกวันนี้ ยังเป็นแค่การรับมือกับผู้ติดเชื้อที่กลายเป็นซอมบี้ไปแล้วเท่านั้น พร้อมกับมีการเปิดรับทหารอาสาสมัครจากบุคคลธรรมดาและเยาวชนโดยไม่จำกัดเพศ สัญชาติ และเชื้อชาติ นั่นเองที่เป็นที่มาของกองร้อยซอมบี้ฮันเตอร์กองร้อยสำรอง

ตอนแรกที่ผมสมัครเข้าไป ผมก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องไปฆ่าซอมบี้ที่ไหน แค่เห็นว่านายพลเอดิสันชวน และพ่อเองก็สนับสนุน ผมเลยเข้าฝึกตั้งแต่ที่มาอยู่อเมริกาได้ไม่กี่อาทิตย์ จนตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาสามปีแล้ว แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมกลายเป็นคนบ้าระห่ำก็น่าจะเป็นตอนที่พ่อกับแม่ของผมถูกซอมบี้พวกนั้นฆ่าเอาตอนที่ไวรัสซีเริ่มระบาดในอเมริกาเมื่อครึ่งปีที่แล้ว มีเพียงผมคนเดียวที่รอด เพราะในตอนนั้น ผมได้เข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในเขตควบคุมโรค หมายเลข 16 เป็นที่เรียบร้อย ไม่ได้อยู่นอกเขตเหมือนกับพ่อและแม่

จากเหตุการณ์การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนั้น ผมจึงใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อล้างแค้นให้พวกท่านภายใต้การดูแลของนายพลเอดิสันที่รับอุปการะผมเป็นลูกชายอีกคนของเขา

ครับ ลูกชายอีกคน หมายความว่าเขามีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอยู่แล้วคนหนึ่ง และลูกชายของเขาก็นั่งอยู่ข้าง ผมในตอนนี้... ร็อบบ์ วิลล์สัน หัวหน้าหน่วยซอมบี้ฮันเตอร์ของผม และหัวหน้ากองร้อยซอมบี้ฮันเตอร์สำรองรุ่นใหญ่

“เคลื่อนเข้าไปข้างในเลย” ร็อบบ์ออกคำสั่งหลังจากที่พลยิงประจำรถถังจัดการพังประตูโกดังแห่งนี้ได้สำเร็จ

พลขับเคลื่อนรถถังเข้าไปจอดอยู่ด้านใน พวกเรากวาดตามองลังสินค้าไม้ที่เรียงรายอยู่ในโกดังแห่งนี้ราวกับเจอโอเอซิส เพราะนั่นหมายความว่านอกจากเราจะเป็นหน่วยแรกที่สามารถทะลวงมาถึงด่านในสุดได้แล้ว ยังจะได้ของติดไม้ติดมือกลับไปเป็นรางวัลอีกด้วย

“บุหรี่... นี่มันขุมทรัพย์ชัด ๆ ” แพทริกครางฮือทันทีที่เขาเหลือบเห็นตัวหนังสือบนป้ายของลังสินค้าพวกนั้น

“ขุมทรัพย์ของนายคนเดียวน่ะสิ” แอนนาเบลว่าค่อนขอดเมื่อเห็นเพื่อนร่วมหน่วยทำท่าหวานปาก

“ใครว่าของฉันคนเดียว ของแฟนเธอด้วย” พอถูกแขวะ แพทริกก็หันไปพยักหน้าให้ร็อบบ์ที่หยักยิ้มน้อย ๆ อยู่

ผมขออธิบายก่อนว่าใครเป็นใคร คนพวกนี้เป็นซอมบี้ฮันเตอร์หน่วยเดียวกับผม ประกอบไปด้วย ร็อบบ์ ลูกชายของนายพลเอดิสัน แพทริก เพื่อนสนิทของร็อบบ์ที่วันนี้รับหน้าที่เป็นพลขับ และแอนนาเบล แฟนของร็อบบ์และพลยิง ปิดท้ายด้วยผม น้องชายบุญธรรมของร็อบบ์และพลรถ

ส่วนที่ผมบอกว่าพวกเขาเป็นซอมบี้ฮันเตอร์หน่วยเดียวกับผม ผมขออธิบายง่าย ๆ แล้วกันว่า ในกองร้อยของซอมบี้ฮันเตอร์จะมีการแบ่งเป็นหน่วย หน่วยละห้าคน เพื่อให้ซอมบี้ฮันเตอร์ทุกคนได้ดูแลกันอย่างใกล้ชิดในขณะที่ออกทำภารกิจ แต่ถึงจะแบ่งหน่วย ก็ไม่มีหน่วยไหนได้บุกไปลุยเดี่ยว ๆ ในการลาดตระเวน ทางกองทัพมีกฎอย่างชัดเจนว่าทุกครั้งที่ออกลาดตระเวนจะต้องมีซอมบี้ฮันเตอร์อย่างน้อยสิบหน่วยและลาดตระเวนได้ไม่เกินรัศมียี่สิบกิโลเมตรจากเขตควบคุมโรคสำหรับกองร้อยสำรองรุ่นใหญ่ เมื่อถูกย้ายไปอยู่กองร้อยหลักถึงจะออกลาดตระเวนได้ไม่จำกัดระยะทาง แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับแผนการของกองทัพด้วย จะทำโดยพลการไม่ได้

แน่นอนว่าวันนี้ พวกผมแหกกฎข้อนี้ แต่ใครจะสนล่ะ ในเมื่อคนที่นำพวกเราแหกกฎเป็นถึงลูกชายผู้นำทัพ ต่อให้โดนลงโทษ ก็เชื่อได้เลยว่าไม่หนักหนาสาหัสสักเท่าไหร่ เพราะพวกเราก็โดนลงโทษกันบ่อยแล้ว ยกเว้นแต่ว่าครั้งนี้เราคงจะโดนทำโทษหนักสักหน่อย ด้วยพวกเราไม่เพียงแต่จะแหกกฎในการลาดตระเวน เรายังขโมยรถถังและอาวุธมาใช้ แถมลาดตระเวนมาไกลเกินกว่ารัศมีที่กำหนดอีก

จุดประสงค์ในการแหกกฎก็ไม่มีอะไรมาก แค่ร็อบบ์อยากจะทำให้ซอมบี้ฮันเตอร์นายอื่น ๆ เห็นว่าเขาก็เก่งกาจไม่แพ้ใคร เพราะเขาค่อนข้างโดนปรามาสไว้เยอะว่าการที่เขาก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้ากองร้อยซอมบี้ฮันเตอร์กองร้อยสำรองรุ่นใหญ่ได้เป็นเพราะบารมีของพ่อ ไม่ใช่เพราะฝีมือของเขา

และการบุกเข้ามาที่นี่ได้ ไม่ได้รับคำชมว่าเก่งก็แย่แล้ว ก็ที่นี่มันเป็นด่านยากที่สุดเท่าที่อยู่ในพื้นที่เขตควบคุมโรค หมายเลข 16 ที่พวกเราประจำการอยู่เลย แม้ว่าตลอดทางในการบุกเข้ามาที่นี่จะหมดระเบิดและลูกปืนรถถังไปหลายสิบลูกก็ตาม แต่ส่วนใหญ่ที่เราผ่านฉลุยเข้ามาได้เป็นเพราะแผนการของเขาที่วางมาเป็นอย่างดีโดยที่ไม่ทำให้พวกเราสึกหรอแม้แต่น้อย ไม่ใช่เป็นเพราะแสงยานุภาพของอาวุธพวกนั้นเพียงอย่างเดียว

จริง ๆ ผมก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการทำตัวแหกคอกของเขาหรอกเท่าไหร่นัก ผมออกจะค้านด้วยซ้ำ แต่พอถูกร็อบบ์ขอร้อง ผมก็อดใจอ่อนไม่ได้ทุกที ที่ผมยอมใจอ่อน เป็นเพราะในครั้งที่ผมสูญเสียพ่อแม่ไปใหม่ ๆ เขาเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างผม ดูแลและเข้าใจความรู้สึกของผม นั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงได้ยอมเขา

“เอาเถอะ ในเมื่อพวกนายเจอขุมทรัพย์ ก็เตรียมตัวไปโกยได้แล้วสาว ๆ ” แอนนาเบลพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าแฟนหนุ่มของเธอก็ผสมโรงกับแพทริกด้วย

ผมคว้าปีนบาซูก้า[ ปืนบาซูก้า (Bazooka) คือ ปืนยิงรถถัง หรือเครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถัง เป็นผลงานของพลเอก Leslie A.Skinner และร้อยโท Edward G.Uhl ที่ได้นำระเบิดมาพัฒนาใช้กับเครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถังที่ประดิษฐ์ขึ้นมา โดยเรียกอาวุธชนิดนี้ว่า Rocket Launcher M1A1 ซึ่งมีลำกล้องกว้าง 2.36 นิ้ว และยาว 54 นิ้ว หัวรบบรรจุดินโพรงหนัก 1.59 กก. ระยะหวังผล 150 หลา ทำการยิงด้วยการประทับบ่า ใช้การจุดชนวนด้วยระบบ Magneto โดยใช้แบตเตอรีขนาด 1.5 วัตต์ จำนวน 2 ก้อน จากนั้นจึงได้มีการพัฒนารุ่นต่างๆ ต่อมาอีกหลายรุ่นกระทั่งถึงปัจจุบัน]ขึ้นมาเตรียมพร้อมพาดบ่าทันทีที่รถถังจอดสนิทและประตูทางด้านบนออก หากแต่ไม่ทันจะได้ขยับออกจากที่นั่งประจำตำแหน่ง มือใหญ่ของร็อบบ์ก็เอื้อมมาแตะบ่าของผมเสียก่อน

“นายไม่เห็นหรือไงว่าตอนนี้พวกมันเละเป็นซีเรียลแช่นมค้างคืนขนาดไหน ไม่ต้องถึงขนาดใช้บาซูก้าหรอกน่า”

ผมหันไปมองหน้าเขา เขายิ้มให้ผมแล้วแตะบาซูก้าในอ้อมแขนของผมลงต่ำ

“ใจเย็น ๆ วันนี้เอาแค่อาก้า[ ปืนอาก้า (AK-47) เป็นปืนเล็กยาวจู่โจม ใช้ลูกกระสุนขนาด 7.62 มิลลิเมตร ทำงานด้วยระบบแก๊สและเลือกการยิงได้ ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกโดย มิคาอิล คาลาชนิคอฟ ถูกยอมรับอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ.2492 และถูกใช้โดยสมาชิกส่วนมากจากสนธิสัญญาวอร์ซอ ปืนชนิดนี้สร้างความเสียหายได้มาก เนื่องจากกระสุนจะบดขนี้และสร้างสะเก็ดเข้าไปในเนื้อเยื่อ ใช้งานง่าย จึงทำให้เป็นที่นิยมมากในกลุ่มผู้ก่อการร้ายและกลุ่มติดอาวุธในปัจจุบัน]ก็พอ”

พอเขาพูดขึ้นมาอีก ผมก็ยอมลดปืนบาซูก้าที่อยู่ในมือลงอย่างว่าง่าย หันไปคว้าปืนอาก้าประจำกายขึ้นมาแทน แม้จะรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ลองใช้ปืนชนิดนี้ในพื้นที่จริงตามที่หวังก็ตาม

ท่าทางเสียดายเหมือนเด็กที่เห็นเค้กแต่ไม่ได้กินของผมซึ่งปรากฎขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทำให้แอนนาเบลซึ่งมองอยู่หัวเราะร่วนออกมา

“ไม่ยักจะรู้ว่าชาวเอเชียจะเป็นพวกเลือดร้อน” น้ำเสียงของเธอบ่งบอกให้รู้ทันทีว่าเธอกำลังเหน็บแนมอยู่

ผมเหลือบมองเธอเล็กน้อย ไม่อยากจะใส่ใจมากนัก ด้วยรู้ดีว่าแอนนาเบลเป็นพวกปากไม่ค่อยดี บางครั้งก็เผลอพูดเล่นในทำนองเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติอยู่บ่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว แม้แต่แพทริกซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเธอก็ยังโดนเลย

นี่ผมยังไม่ได้บอกล่ะสินะว่าแพทริกเป็นหนุ่มผิวสี?

“เห็นหน้านิ่ง ๆ อย่างนี้ โหดชะมัดเลยเนวิลล์”

แพทริกหัวเราะแทรกขึ้นมา ขณะที่มือกำลังสาละวนกับการบรรจุกระสุนลงในรังเพลิงปืนไรเฟิล[ ปืนไรเฟิล (Rifle) หรือปืนเล็กยาว เป็นอาวุธปืนที่มีขนาดยาว ถูกออกแบบมาเพื่อการยิงทำลายเป้าหมายที่อยู่ในระยะไกลโดยเฉพาะ โดยจะมีพานท้ายสำหรับใช้ประทับร่องไหล่ เพื่อช่วยในการเล็งหาเป้าหมาย ภายในลำกล้องมีการเซาะให้เป็นสันและร่องเกลียวที่ผนังลำกล้อง นิยมใช้เป็นอาวุธของทหารในสงคราม การล่าสัตว์ และกีฬายิงปืน] ส่วนเนวิลล์ที่เขาเรียกเมื่อครู่ มันคือชื่อของผมในภาษาอังกฤษ เหตุผลที่ผมต้องมีชื่อภาษาอังกฤษก็เพราะพวกเขาบอกว่ารู้สึกแปลก ๆ ที่จะต้องเรียกผมว่า ‘กองทัพเรือ’ ซึ่งเป็นความหมายในภาษาอังกฤษจากชื่อจริงของผม

ผมไม่ตอบอะไร นอกจากบรรจุกระสุนลงในรังเพลิงบ้าง ขณะที่ร็อบบ์ที่เพิ่งจะบรรจุกระสุนเสร็จยกมือขึ้นวางบนศีรษะผมแล้วขยับเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้น

“เตรียมพร้อมปฏิบัติภารกิจได้”

พูดจบ เขาก็เป็นคนแรกที่คว้าปืนและกระโดดออกนอกตัวรถไป ตามด้วยแอนนาเบลและแพทริก ตบท้ายด้วยผมที่ตามออกมา

ร็อบบ์โบกมือเป็นสัญญาณให้พวกเรากระจายไปคนละทิศของโกดัง เพื่อให้มั่นใจก่อนว่านอกจากพวกเราแล้ว ไม่มีซอมบี้หน้าไหนโผล่มาให้เป็นเซอร์ไพรส์อีก ผมเล็งปืนในมือพลางหมุนตัวไปมาช้า ๆ อยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งร็อบบ์ส่งสัญญาณให้ยกเลิกการเฝ้าระวังเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ผมจึงลดปืนลง แล้วเดินเข้าไปรวมตัวกับพวกเขา

“พวกเรามาที่นี่เป็นหน่วยแรกจริง ๆ ด้วย” แอนนาเบลพูดขึ้นพลางปาดนิ้วมือลงไปบนขอบลังสินค้าไม้ใบหนึ่งที่ถูกฝุ่นจับเกรอะกรัง ขณะที่แพทริกกำลังเปิดลังสินค้าขึ้น แล้วผิวปากยาวเมื่อเห็นของโปรดของตัวเองในนั้น

“ฉันชอบยี่ห้อนี้ ขนกลับไปให้หมดเลยดีมั้ยร็อบบ์”

“นายคิดว่ารถถังนี่จะเอาของพวกนี้กลับไปได้หมดหรือไง ไว้บอกพ่อฉันแล้วระดมพลมาขนอีกทีก็ได้น่า”

“ขืนบอกพ่อนาย รับรองได้เลยว่าฉันคงไม่ได้ลิ้มรสบุหรี่พวกนี้แน่” แพทริกเบ้หน้า เขารู้ดีว่าถ้าบอกพ่อของร็อบบ์ให้รู้ว่าพวกเราเจออะไรเมื่อไหร่ ของพวกนี้ก็จะถูกขนเข้าเป็นเสบียงของกองร้อยหลักหมด ไม่เหลือมาให้กองร้อยของพวกเราหรอก ถ้าเหลือก็น้อยนิดจนแทบเรียกได้ว่าเหลือเดน

“เราขนไปหมดไม่ไหวหรอกน่า นายก็ขนไปเท่าที่นายขนไหวแล้วกัน ที่เหลือค่อยให้พ่อฉันพาคนมาขน” ร็อบบ์ว่าอย่างไม่ยี่หระ ทำเอาแพทริกบ่นพึมพำไปตามประสา

พวกเราสาละวนกับการเปิดกล่องสินค้าพวกนี้ลังแล้วลังเล่าจนกระทั่งโกดังนี้ไม่มีอะไรให้เราได้รื้ออีก กล่องสินค้าทุกกล่องล้วนมีแต่บุหรี่และไฟแช็ก ดูเหมือนจะเป็นของไร้ประโยชน์ แต่ก็อย่างที่บอกว่ามันหวานหอมสำหรับร็อบบ์กับแพทริก พวกเขาพากันไปนั่งพักและจุดบุหรี่สูบกันมวนแล้วมวนเล่าอย่างหรรษาโดยมีแอนนาเบลยืนบ่นอยู่ใกล้ ๆ ว่าเหม็น

เช่นเดียวกันกับผมที่ไม่ค่อยจะถูกกับกลิ่นควันบุหรี่เท่าไหร่นัก กลิ่นมันชวนให้ผมปวดหัว แต่ผมไม่ไปยืนพล่ามไร้สาระอย่างเธอ ทว่าเดินเข้ามาด้านในโกดังเพื่อหนีกลิ่นบุหรี่แทน หากแต่แทนที่เดินเข้ามาแล้ว กลิ่นที่ลอยโชยอยู่ด้านหน้าจะหายไป กลับยังมีกลิ่นบุหรี่จาง ๆ ลอยเข้าจมูกผมเนือง ๆ จนผมต้องย่นคิ้วลง

ก็กลิ่นบุหรี่ที่พวกร็อบบ์สูบมันไม่น่าจะลอยมาไกลได้ถึงขนาดนี้นี่นา

หากมีเพียงแค่กลิ่นอย่างเดียว ผมคงจะไม่เอะใจอะไรนัก หางตาของผมดันเหลือบเห็นก้นบุหรี่เกลื่อนกลาดหล่นอยู่บนพื้นในซอกลังตรงหน้าอีกด้วย ผมจึงรีบสาวเท้าเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้วก้มลงหยิบก้นบุหรี่อันหนึ่งขึ้นมาพินิจดู

“นี่มัน...”

ผมพึมพำพลางปราดสายตาพินิจดูก้นบุหรี่อันอื่น ๆ ที่มีทั้งเก่าและใหม่ปนกัน อันเก่านี่ผมพอจะเข้าใจได้ว่ามันอาจจะเป็นของที่หลงเหลือมาจากเมื่อปีที่แล้วก่อนจะเกิดปรากฎการณ์ไวรัสระบาด แต่อันใหม่ที่ยังมีควันลอยฉุยอยู่และเปียกคราบน้ำลายนิด ๆ นี่สิที่ทำให้ผมสงสัย

ในเมื่อพวกผมเข้ามาที่นี่เป็นกลุ่มแรก แล้วก้นบุหรี่ที่ดูเหมือนเพิ่งผ่านการสูบมาไม่นานนี่เป็นของใคร?

สัญชาตญาณบอกผมทันทีว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ผมรีบยืนขึ้น ประคองปืนขึ้นมาเตรียมพร้อมทันที

“ใครอยู่ในนี้ ออกมาซะ!”

เสียงของผมทำให้คนอื่น ๆ หันมามอง พวกเขาเองก็รีบคว้าปืนขึ้นมาเตรียมพร้อมเช่นกัน ความเงียบงันเข้ามาปกคลุมพวกเราอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากลังสินค้าใบหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ไกลนัก ผมรู้ได้ทันทีว่าต้องมีบางอย่างอยู่ในนั้น เท่านั้นก็หันไปมองยังทุกคนเป็นสัญญาณว่าผมจะเดินเข้าไป

ร็อบบ์ชูนิ้วโป้งขึ้นมาเป็นสัญญาณให้เดินหน้า พลางพูดโดยไม่มีเสียงว่าให้ระวังตัวด้วย ผมพยักหน้ารับเขาเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ ก้าวเข้าไปใกล้

ไม่รู้ทำไมยิ่งผมก้าวเข้าไปใกล้ เสียงกุกกักที่ดังมาจากลังนั้นก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ ผมชะงักฝีเท้าหยุด เว้นระยะห่างจากลังนั้นเล็กน้อย พยายามมองสิ่งที่อยู่ข้างใน พอจะเห็นคร่าวๆ ว่ามันเป็นวัตถุขนาดใหญ่ที่มีรูปทรงคล้ายกับมนุษย์กำลังนั่งกอดเข่าอยู่ แต่ก็ไม่แน่ใจนักด้วยในบริเวณนั้นค่อนข้างอับแสง จนต้องหรี่ตามองแล้วเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง

“ออกมาซะ ถ้ายังไม่อยากโดนเป่าหัว” ผมขู่ แต่สิ่งที่อยู่ในนั้นไม่มีทีท่าว่าจะออกมาเลยแม้แต่น้อย นอกจากสั่นระริกไปมาจนลังสินค้านั่นส่งเสียงดังขึ้นไปอีก

ที่แท้ เสียงที่ผมได้ยินก็มาจากการสั่นของคนที่อยู่ในนั้นสินะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel