Episode-04 แปลกใหม่?
นานหลายนาทีที่คนตัวเล็กอ่านทวนเอกสารสัญญา ดูเหมือนว่าเธออยากคัดค้านบางอย่างกับเขา
“สัญญาพี่เลี้ยงแน่นะคะ บรรทัดสุดท้ายหนูคิดว่าเป็นสัญญาชีวิตซะอีก” น้ำเสียงหวานเอ่ยพร้อมกับเงยหน้าสบตากับเขา “ทุกอย่างเป็นความลับ หากเด็กชายธาวินตกอยู่ในอันตรายโทษคือตายสถานเดียว แล้วถ้ามันเกิดเหตุสุดวิสัยล่ะคะ นั่นก็เป็นความผิดหนูด้วยเหรอ” เธอเลือกที่จะตั้งคำถามออกไปตามตรง แม้ว่าค่าตอบแทนจะสูงแต่เธอไม่ควรลืมว่าเธอยังมีน้ำขิงที่ต้องดูแล หากเธอเป็นอะไรไปลูกจะอยู่ยังไง
“นั่นเป็นข้อยกเว้น” พูดจบเขาก็เขียนประโยคนี้เพิ่มเติมในหนังสือสัญญา และไม่ลืมกำกับลายเซ็นตัวเองเอาไว้ “มีอะไรอยากคัดค้านอีกไหม”
“มีค่ะ”
“ว่ามาสิ”
“ข้อที่หนึ่ง หนูขออยู่กับน้องตามลำพังหนึ่งอาทิตย์ และภายในวันที่กำหนดนี้ห้ามคุณเข้ามาวุ่นวายเด็ดขาด หนูต้องการรู้พฤติกรรมธรรมชาติของน้อง”
“ข้อต่อไปล่ะ”
“ข้อที่สองหนูจะบอกหลังจากที่ได้อยู่กับน้องแล้วค่ะ เพราะไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้คุณเลี้ยงเขาแบบไหน”
“ไม่ว่าเธอจะบอกอะไรก็ช่าง! จำไว้ว่าฉันเป็นคนเจ้าระเบียบ พูดจริงทำจริง และฉันอยากให้ธาวินเป็นแบบนั้น” ประโยคบอกเล่าที่ฟังแล้วคล้ายเป็นคำสั่งมากกว่า ใช่... เขากำลังออกคำสั่งกับเธอสินะ
“ไม่ต้องห่วง ขอแค่คุณเชื่อใจหนูก็พอ”
คนเดียวที่เขาเชื่อคือตัวเขาเอง รองลงมาคือลุกซ์ แต่ตอนนี้เขาคงต้องเชื่อใจเธอด้วย ส่วนจะมากน้อยแค่ไหนนั่นอีกเรื่องหนึ่ง
“ให้ฉันเรียกเธอว่าอะไร สิริโสภาเหมือนจะเป็นทางการไปหน่อย”
“น้ำแข็งค่ะ”
หลังจากพูดคุยและเซ็นสัญญาว่าจ้างเรียบร้อยแล้วเขายื่นเงินให้เธอจำนวนหนึ่ง
“ไปตรวจสุขภาพให้เรียบร้อย อาทิตย์หน้าฉันจะให้คนไปรับ”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นหนูลานะคะ สวัสดีค่ะ” เธอเอ่ยคำลาพร้อมกับยกมือไหว้แล้วเดินนวยนาดออกจากห้องไป
เขามองเธอทุกอิริยาบถกระทั่งคนตัวเล็กพ้นสายตาไป ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งแต่แค่ไม่นานบานประตูก็ถูกเปิดเข้ามาอีกครั้ง
“เป็นยังไงบ้างครับคุณธัญ” ลุกซ์เอ่ยหลังจากหญิงสาวกลับไป
“กิริยามารยาทดี” เขาชื่นชมออกมาตามความรู้สึก “เตรียมห้องไว้ด้วยนะ อาทิตย์หน้าเธอจะเริ่มงาน”
“ห้องไหนครับ”
“ห้องใหญ่ชั้นบน”
“หืม...”
“อย่าถามมากทำตามที่บอกก็พอ”
“ครับ”
“ส่งคนคอยตามเธอด้วย ตอนนี้ เดี๋ยวนี้!”
“ครับ” ขานรับอย่างเข้าใจและทำตามคำสั่งทันที
ลุกซ์เป็นการ์ดคนสนิทของเขาก็จริงแต่ถ้าพูดกันอีกมุมหนึ่งเขาเป็นเหมือนเพื่อนสนิทมากกว่า โตมาด้วยกัน ผ่านช่วงเวลายากลำบากมาด้วยกัน เรื่องของความจงรักภักดีแน่นอนว่าเขามีให้ธัญกรเสมอ
ความลับไม่มีในโลกแต่มีอยู่กับลุกซ์ …
“แปลกจัง คนก่อน ๆ ไม่เห็นต้องตามเลย”
“มีหน้าที่ตามก็ตาม มึงอย่าสงสัยให้มันมากนัก”
“โธ่พี่! ก็ผมสงสัยนี่เพราะนอกจากคุณธิดาแล้วคุณธัญเคยตามใครซะที่ไหน แล้วนี่เล่นตามทุกฝีก้าวเลยยิ่งกว่าเงาตามตัวอีกมั้ง”
“จะเอาไหมค่าจ้าง?”
“เอาครับ”
“งั้นก็เงียบปาก!”
“ดุฉิบหาย อยู่กับคุณธัญมากไงเลยติดนิสัยกันมา”
“ไอ้ลี!”
“ชื่อลีโอโว้ย เรียกให้มันครบ ๆ หน่อย”
“กูกำลังจริงจังอยู่นะ”
“ผมรู้แล้วพี่อย่าทำหน้าเครียดตลอดเวลาได้ไหม แล้วพี่เลี้ยงคนใหม่เขารู้หรือเปล่าว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง”
“ตอนนี้ยังไม่รู้อะไรทั้งนั้น มึงคอยดูอยู่ห่าง ๆ ก็พอ”
ลีโอเป็นน้องชายแท้ ๆ ของลุกซ์ หลายครั้งที่เขามอบหมายภารกิจสำคัญให้ลีโอ แน่นอนว่าทุกอย่างเป็นความลับข้อนี้ลีโอรู้อยู่แล้ว
หลายวันผ่านไป
“เป็นยังไงบ้าง”
“คุณธีร์จัดการเรียบร้อยแล้วครับ”
“ไม่ได้หมายถึงเรื่องงานหมายถึงน้ำแข็ง” ได้ยินแบบนั้นลุกซ์ถึงกับลอบยิ้มออกมา เหมือนว่าเจ้านายของเขาจะสนใจเธอคนนี้เป็นพิเศษ
“ดูคุณธัญสนใจคุณน้ำแข็งเป็นพิเศษนะครับ” ไม่ใช่แค่ลีโอสินะที่คิดแบบนั้น
“...” เขาเงียบไม่ตอบอะไร แต่ภายในใจมีคำตอบอยู่แล้ว
“แถมยังให้อยู่ห้องใหญ่อีกด้วย”
“พูดมากเกินไปแล้วมั้ง ตกลงได้เรื่องอะไรมาบ้าง”
“เรียบร้อยดีครับ เธอเตรียมตัวแล้วพร้อมทั้งเก็บกวาดบ้านจนโล่งไปหมด อ๋อ! ลีโอบอกว่าเธอมีปากเสียงกับเพื่อนบ้านด้วยนะ แต่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ”
“อืม”
“อย่าหาว่าละลาบละล้วงเลยนะครับ คุณธัญมีความคิดที่จะหาแม่ใหม่ให้น้องธาวินบ้างไหม”
“ไม่! ไม่มีใครแทนที่แม่ของเขาได้ทั้งนั้น”
“ใช่ครับไม่มีใครแทนที่แม่ของเขาได้ แต่คนที่ยืนข้างนายผมว่ามีได้นะครับ”
“ต้องการจะสื่ออะไร?”
“เปล๊า! แต่การมีความรักก็ไม่แย่นี่ครับ ดูอย่างคุณธีร์สิ”
“แล้วทำไมนายไม่มี”
“ก็ผมยังไม่เจอใครที่ถูกใจนี่ครับ แต่นายเจอแล้วผมว่า...”
“ไม่หรอก เธอแค่แปลกใหม่สำหรับฉันเท่านั้นเอง”
“แปลกยังไง สวยกว่านี้มีตั้งเยอะ” ลุกซ์พูดไปตามสิ่งที่เห็น เขาอยู่กับธัญกรมานานกับอีแค่สเปคผู้หญิงทำไมเขาจะไม่รู้
“แปลกตรงที่ไม่สนใจว่าฉันเป็นใคร... เธอสนแค่เงิน” ไม่เพียงแต่ยืนกรานแบบนั้น แต่เธอยังวางแผนคิดไปถึงวันข้างหน้าอีกด้วย
เงินเป็นเรื่องสำคัญใคร ๆ ต่างสนใจกันทั้งนั้น แต่ทั้งหมดที่เธอบอกเล่าเธอต้องการหามันด้วยตัวเอง ไม่ใช่พึ่งคนอื่นเพื่อหวังผลประโยชน์เหมือนที่เขาเคยเจอ
“คุณบัวงามเล่าให้ฟังว่าเธอทำงานหาเงินเลี้ยงลูกเพียงลำพัง ไม่สิ! ลูกของน้องสาวต่างหาก น้องสาวเธอเสียชีวิตครับ ส่วนพ่อของเด็กไม่ทราบเหมือนกัน คงมีแค่คุณน้ำแข็งที่ตอบได้”
“เธอไม่เคยมีครอบครัวมาก่อนเหรอ”
“ใช่ครับ”
“...” อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น “พรุ่งนี้นายไม่ต้องให้คนไปรับเธอแล้วนะ ฉันจะไปรับด้วยตัวเอง”
“หืม...” ในหัวมีคำถามเป็นล้านคำ แต่ลุกซ์ทำได้เพียงแค่ยิ้มออกมา
เช้าวันใหม่
“ระบบความปลอดภัยโคตรต่ำ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยพร้อมกวาดสายตาไปรอบบริเวณที่พักอาศัยของพี่เลี้ยงคนใหม่ “รั้วบ้านก็ไม่มี มีแค่ประตูบานเดียวเธออยู่ไปได้ยังไง”
“ปกติของชุมชนแออัดครับ คงมีแค่บ้านของคุณบัวที่รั้วรอบขอบชิดหน่อย” ลุกซ์พูดขึ้นมาบ้าง ซึ่งมันเป็นแบบนั้นจริง ๆ
แค่เพียงไม่นานเจ้าของบ้านก็เปิดประตูออกมา เห็นแบบนั้นลุกซ์จึงลงจากรถเพื่อไปช่วยขนสัมภาระ เช่นเดียวกันกับธัญกรที่เปิดประตูลงจากรถตามไปด้วย
“สวัสดีค่ะ” เธอเอ่ยทักทายและยกมือไหว้เช่นเคย จากนั้นหันไปเรียกใครอีกคน “น้ำขิง”
“สวัสดีค่ะ” เด็กหญิงวัยสิบขวบยกมือไว้เขาทั้งสองคน ใบหน้าจิ้มลิ้มคล้ายกันกับหญิงสาว หากเธอบอกว่าเป็นลูกจริง ๆ เขาก็เชื่อ
“นี่ค่ะผลตรวจ” เธอว่าพร้อมกับยื่นผลตรวจสุขภาพให้กับธัญกร
เขาเปิดอ่านตรงนั้น มันไม่ได้มีแค่ของเธอแต่มีของเด็กหญิงด้วย ผลตรวจของเด็กหญิงปกติ สุขภาพแข็งแรงตามเกณฑ์ต่างจากของเธอ
“ภาวะโลหิตจางคืออะไร?”
“เลือดจางค่ะ เม็ดเลือดแดงมีน้อยกว่าปกติ หนูเป็นตั้งแต่เกิดแล้ว” เธอตอบด้วยท่าทีสบาย ๆ
“มีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันยังไง”
“เหนื่อยง่ายกว่าปกติค่ะ แต่จะทำยังไงได้ก็มันเป็นแบบนั้นไปแล้ว หนูกินทั้งวิตามินทั้งธาตุเหล็กแถมเลือกกินอาหารเป็นบางอย่างด้วยไม่เห็นจะหายขาดสักที”
“จริงค่ะ แม่บ่นแบบนี้แทบทุกวัน” เด็กหญิงแทรกขึ้นมาบ้าง ได้ยินแบบนั้นเขาจึงหันมาสนใจเธอแทน
“แล้วแม่หนูดื้อไหมครับ ว่านอนสอนง่ายหรือเปล่า”
“ไม่ดื้อค่ะแต่สอนยาก”
“น้ำขิง!”
“เห็นไหมคะจะดุอีกแล้ว” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วของเธอเรียกรอยยิ้มได้เป็นอย่างดี
“แล้วเรารู้ไหมว่าวันนี้แม่จะพาไปอยู่ที่ไหน”
“รู้ค่ะ แม่บอกว่าคุณลุงใจดีจะมารับ” เกิดมาสามสิบกว่าปีไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองแก่เลยกระทั่งได้ยินเด็กหญิงเรียกว่าลุงวันนี้แหละ
“น้ำขิง หยุดพูดมากได้แล้ว” เธอเอ็ดลูกเบา ๆ ก่อนจะหันมาพูดกับชายหนุ่มอีกครั้ง “คุณอย่าถือสาเลยนะคะแกยังเด็กนึกอยากพูดอะไรก็พูด”
“ฉันไม่ถืออยู่แล้ว ว่าแต่เธอเถอะเก็บของเรียบร้อยหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“งั้นก็ไป”
ระหว่างที่ลุกซ์ช่วยยกกระเป๋าอยู่นั้นเสียงซุบซิบนินทาก็เริ่มดังขึ้น
“แหมโว้ย... จะเป็นเศรษฐีเรียกไม่หันคราวนี้ล่ะมั้ง”
“แค่รถที่มารับก็หลายล้านแล้ว ผัวต้องรวยมากแน่”
“ไม่ใช่มั้ง จะมีวาสนาเป็นเมียใครหรือเปล่าเถอะ อย่างดีก็แค่..”
“แค่อะไรป้า?” น้ำเสียงหาเรื่องเอ่ยพร้อมกับเท้าสะเอวมองนิ่ง ๆ
“แค่อีตัวไงอีตัว! เหมือนที่อีบัวมันทำ”
“ได้เงินเยอะนะว่าไป ป้าลองให้ลูกหลานป้าไปทำบ้างสิเผื่อจะมีเงินแสนมาซ่อมบ้านที่มันโยกเยกอยู่ตอนนี้”
“อีนี่! กูไม่สอนให้ลูกขายตัวเหมือนมึงหรอกโว้ย”
“สอนที่ไหน ฉันชี้ทางรวยให้เลยนะเนี่ย พอรวยปุ๊บความอิจฉาที่มีมันจะได้ลดลงไง ป้าจะได้ใช้ชีวิตง่ายขึ้นไม่ต้องคอยเดือดร้อนว่าใครจะไปหรือใครจะมา แถมยังไม่ใช่เรื่องของตัวเองอีก”
“มึงจะด่าว่าพวกกูเสือกเหรอ”
“แล้วคิดว่าไง?”
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของธัญกรทั้งหมด คำด่าที่ไม่มีคำหยาบทำเอาคนที่ถูกสวนกลับถึงกับเงียบปากลงทีเดียว
เธอเลิกสนใจสิ่งรอบตัวแล้วหันมาพูดกับลูกสาวตัวเองแทน
“จำไว้นะน้ำขิงถ้าใครบลูลี่หรือพูดจาแบบนี้ใส่ให้หนูด่ากลับไปได้เลยไม่ต้องไปกลัวมัน เพราะคนดี ๆ เขาจะไม่ทำแบบนี้กับคนอื่น”
“ทำไมสอนลูกแบบนั้น” ธัญกรถามด้วยความแปลกใจ
“มัวแต่ให้อภัยแล้วเมื่อไหร่จะได้เอาคืนล่ะคะ ด่ามาต้องถูกด่ากลับเท่านั้น บางคนไม่มีใครสั่งสอนก็ต้องถูกสังคมสั่งสอนมันก็ถูกแล้ว”
“...”
