ตอนที่ 4 [ถึงเวลาแล้วสินะ]3/3
สายตาคมกริบช้อนขึ้นมาสบตาผม ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “อายุเท่าไรแล้วเราน่ะ?”
“เดือนหน้าก็จะ20แล้วครับ” ผมตอบ ไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวอะไรกับสิ่งที่ผมถาม
“เดือนหน้าจะบอกก็แล้วกัน” คุณปานเทพว่าอย่างนั้น ผมไม่ทันได้ถามอะไรต่อ ทำไมต้องเดือนหน้า? บอกตอนนี้ไม่ได้เหรอไง? แต่ก็ไม่ทันได้ถามครับ เพราะบริกรกำลังลำเลียงอาหารเข้ามาเสิร์ฟ
สลัดควินัว พร้อมด้วยเนื้อปูสดๆ
พัฟหอย และ ขนมปัง Sourdough กับทาทาร์เนื้อ
แซลมอนนอร์เวย์ในสลัดเกรปฟรุ้ท
จากนั้นก็เป็นขนมปังหลากหลายชนิด เสิร์ฟคู่กับเนยหลายชนิดเช่นกัน
มันเป็นขนมปังที่อร่อยที่สุดเลยครับ และที่สำคัญ ขอได้เรื่อยๆ บริกรว่าอย่างนั้น ผมก็เลยจัดหนักเลยครับ
จากนั้นก็เริ่มเป็นอาหารที่หนักขึ้น
จานหลักเป็นสเต็กเนื้อลูกวัว อีกจานสั่งมาเป็นสเต็กเนื้อนกพิราบราดซอสไวน์แดง
ปิดท้ายด้วยมูสช็อคโกแลต
ระหว่างมื้ออาหาร ผมชวนคุณปานเทพคุยหลายเรื่อง ทั้งเรื่องที่คาสิโน ทั้งเรื่องที่คุณปานเทพต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ ผมรู้มาจากพี่โยชิน่ะครับ แล้วก็อีกมากมายหลายอย่าง
ใบหน้าคมแต่ขาวสะอาดเพราะมีเชื้อจีนเกือบครึ่ง ยิ้มบ้าง ขรึมบ้างตลอดมื้อค่ำ คุณปานเทพพูดไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นผมมากกว่า ไม่รู้สิครับ ผมหายเกร็งตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ คงเพราะสายตาคู่นั้นมั้งครับ สายตาอบอุ่นเจือความเอ็นดูที่ส่งมาให้ไม่ขาด ริมฝีปากหยักลึกที่พยายามยิ้มให้ทุกครั้งที่ผมพยายามเล่าเรื่องตลก แม้มันจะฝืดก็ตาม ความเอื้ออาทรที่ผมสัมผัสได้ยามที่คุณปานเทพถามถึงสุขภาพหรือความทุกข์ใจในเรื่องอื่นๆ ทั้งหมดนั่นมันทำให้ผม…
“โรม… กูอยากได้”
ผมค่ำครวญกับเพื่อนร่วมห้องอย่างโรมันทันทีที่กลับถึงห้องพัก
“อยากได้อะไรวะ? แล้วนี่มึงเป็นอะไรเนี่ย หน้าแดงเชียว ดื่มมาเหรอ?” โรมันถามอย่างห่วงใย พร้อมกับมือหนาที่กุมข้างแก้มแดงๆของผม
“กูไม่ได้ดื่ม”
“แล้วเป็นห่าอะไร?” มันสะบัดมือจนหัวผมแทบหลุดจากบ่า ก่อนจะจ้องผมตาเขม็ง
“กูอยากได้” ผมรู้ตัวดีว่าตอนนี้ผมร้อนรุ่มไปหมด ร้อนรุ่มตั้งแต่นั่งมาในรถสีดำคันหรูนั่นแล้ว
“ไม่นะเว้ย ไอ้โปรด เดี๋ยวมันจะมองหน้ากันไม่ติดนะมึง กูรักมึงนะ แต่ไม่ใช่แบบนั้น” โรมันรีบถอยหลังไปจนชิดขอบเตียง ก่อนจะทำท่าปลดกระดุมเสื้อ “แต่ถ้าแบบไม่มีพันธะ กูก็ไม่ติดนะ”
“สัด! กูไม่ได้หมายถึงมึง อย่ามาหื่นใส่กู เดี๋ยวกูฟ้องแก้วใสนะ” ผมแทบจะหมดอารมณ์พิศวาสที่คั่งค้างมาจากข้างนอก
“เออๆ กูล้อเล่น รู้หรอกน่า กูก็เอามึงไม่ลงเหมือนกันแหละ ว่าแต่ ท่าทางแบบนี้ ไปโดนตัวไหนมาเนี่ยมึง” โรมันเริ่มถามอย่างจริงจัง ผมจึงรีบเดินไปนั่งข้างๆมัน
“คุณปานเทพ” พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระเส่า พลางก็คิดถึงใบหน้าคมของเจ้าของชื่อ
“คุณปานเทพ?” โรมันขมวดคิ้วมุ่นอย่างใช้ความคิด “ผู้มีพระคุณของมึงอ่ะนะ?” แล้วมันก็หันมาจ้องหน้าผม
“อือ”
“เชี่ย! ไอ้เนรคุณ! มึงคิดแบบนี้ได้ไงเนี่ย” แล้วมันก็ด่าผม ที่คิดอกุศลกับผู้มีพระคุณ
“เนรคุณที่ไหนล่ะ กูอยากตอบแทนบุณคุณเค้าตางหาก” ผมแก้ตัวแบบเข้าข้างตัวเองสุดๆ ผมไม่ใช่เด็ก 14 นะครับ
ผม! โปรดปราณ บุญฤทธิ์ วิศวะปีสาม เดือนคณะผู้ที่ผู้ชายเกือบครึ่งมหา’ลัย อยากจะเททั้งกาย เททั้งใจให้ แล้วมีเหรอที่ผมจะอ่านสายตาของคนที่นั่งจ้องหน้ากันบนโต๊ะอาหารกว่าชั่วโมงคนนั้นไม่ออก
“มึงถามเค้ายัง? ว่าเค้าอยากได้มึงป่าว ไอ้ง่าว”
เป็นประโยคที่ทลายความมั่นหน้าของผมลงไปครึ่งหนึ่งเลยล่ะครับ
“ไม่ลองก็ไม่รู้”
ผมว่าอย่างนั้น ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกอย่างหมายมั่น
โปรดปราณจะออกศึกตีแดนสวรรค์ สอยเทพบนนั้นลงมาสักองค์ แล้วเค้าคนนั้นก็คือ คุณปานเทพ!
