6| เช็ดน้ำตาซะ
จินนี่ยอมมากับผมเพราะน้ำขิง เธอควรได้กลับบ้านเพื่อไปพักผ่อน บางครั้งผมก็เก่งเรื่องงานแต่ด้อยเรื่องจัดการปัญหาของน้ำขิง ผมเลี่ยงที่จะตอบคำถามน้ำขิงมาตลอดเกี่ยวกับเรื่องม๊าของเขา แล้วมันก็เป็นช่วงเวลาที่ผมทุกข์ทรมานมากๆ ผมมองน้ำขิงร้องไห้ด้วยใจที่โคตรปวดร้าว มันเจ็บ มันจุก จนพูดไม่ออก ได้แค่เข้าไปกอดปลอบแล้วบอกกับน้ำขิงว่า เดี๋ยวมันก็ผ่านไปครับ แน่นอนว่าน้ำขิงไม่เข้าใจและยอมรับเพราะสังคมรอบข้างป้อนให้น้ำขิงรู้จักคำว่าครอบครัว มันมีองค์ประกอบชัดเจนให้เห็น มีพ่อต้องมีแม่ แต่ผมก็สัญญากับตัวเองแล้วว่า ผมจะพาน้ำขิงผ่านช่วงเวลาเลวร้ายไปให้ได้
" ฉันขับรถเร็ว เธอกลัวหรือเปล่า? " ผมเป็นห่วงสภาพจิตใจของน้ำขิงมากจนลืมนึกไปเลยว่าเบาะข้างๆมีคนนั่งมาด้วย แล้วเธอก็กำลังเกร็งผมรู้สึกแบบนั้น
"ก็ ไม่นะ ฉันรู้ว่าคุณเป็นห่วงลูก "
"ใช่ ฉันเป็นห่วงน้ำขิง " ในหัวของผมตอนนี้มีแต่เรื่องของน้ำขิง พยายามให้สิ่งที่น้ำขิงขาด ความสุข ความรัก เงินทอง ทุกอย่าง แม้กระทั่งเวลาที่ผมอาจจะละเลยไปบ้างแต่ผมก็พยายามหามาให้ แต่สิ่งเดียวที่ผมให้น้ำขิงไม่ได้ก็คือ ความอบอุ่นจากแม่ เรื่องนี้ผมให้น้ำขิงไม่ได้จริงๆ ไม่ใช่ไม่พยายาม ผมพยายามแล้วแต่มันก็ไม่ได้
"ขับเร็วกว่านี้ก็ได้ค่ะ ฉันโอเค "
บ้าน คีตะ
"น้ำขิงอยู่ไหน "
"อยู่ในห้องค่ะ ยังร้องไห้ไม่หยุดเลยค่ะ ใครเข้าใกล้ไม่ได้เลย " ผมรีบเดินเข้ามาในห้องเพราะความเป็นห่วง ใจผมตอนนี้มันบางจนแทบจะขาดเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นของเด็กน้อยตรงหน้า
ภาพที่ผมเห็น... น้ำขิงนั่งกอดตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่มาม๊าเป็นคนซื้อให้ ผมสั่งให้ลูกน้องเอาไปทิ้งหลายครั้งแล้ว แต่มันก็ไม่สำเร็จ
"น้ำขิง ร้องไห้ทำไมครับ "
"ฮึก ปาป๊า อึก มะ เมื่อไหร่มาม๊าจะกลับมาหาเราคะ อึก ฮื่อ " ผมยื่นมือไปอุ้มน้ำขิงขึ้นมาและกอดร่างเล็กเอาไว้แน่น ผมจะตอบลูกว่ายังไงดีวะ!
"ฮื่ออออ ปาป๊า ไม่สงสารน้ำขิงเหรอคะ ปาป๊าาา ฮื่อออ "
"น้ำขิงคะ หยุดร้องก่อนนะคะ ดูสิ ปาป๊าจะร้องตามแล้วนะ " ใช่ครับ ผมกำลังจะร้องไห้ตามลูกแล้ว น้ำตาของน้ำขิงมันมีอิทธิพลกับผมพอๆ กับเห็นหน้าจินนี่แล้วทำให้ใจสั่นเลยล่ะ ถ้าพูดตามความจริง ถ้าผมขาดสองคนนี้ไป ผมคงตาย
" ฮึก น้ำขิงคิดถึงมาม๊าา "
"คุณ ทำไมไม่พาน้ำขิงไปหามาม๊าแกล่ะ ภรรยาของคุณอยู่ไหน "
"มาม๊าา ฮื่อออ "
"หยุดร้องก่อนนะลูก " พี่เลี้ยงที่ผมจ้างมาให้ดูแลน้ำขิงก็ยืนน้ำตาไหลอยู่ที่หน้าประตู คอยมองอยู่ห่างๆ ไม่กล้าหนีไปไหน ทั้งแม่นม พี่เลี้ยง แล้วก็แม่ครัวที่ทำอาหารให้น้ำขิงกิน ผมลงทุนจ้างคนพวกนี้มาเพื่อน้ำขิงโดยเฉพาะ แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ
"ฮื่อออ น้ำขิงอยากให้มาม๊าไปโรงเรียนด้วย "
"คุณ "
"น้ำขิงฟังป๊านะลูก "
"ฮึก "
"มาม๊าไม่อยู่กับเราแล้วนะ มาม๊ามีงานที่ต้องทำ มาม๊ามีน้องคนใหม่ที่ต้องดูแล " ยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บ! เจ็บไม่เท่าแค้น ทำไมเรื่องแบบนี้จะต้องมาเกิดขึ้นกับน้ำขิงด้วย!
"น้องใหม่ น้องใหม่ของปาป๊ากับมาม๊าเหรอคะ "
"ไม่ใช่ครับ มาม๊ามีครอบครัวใหม่แล้ว "
"น้ำขิงไม่เข้าใจ "
"คุณ น้ำขิงยังเด็ก พอก่อนเถอะ ฉันว่าพาน้ำขิงไปนอนก่อนดีกว่า " จินนี่พูดแทรกขึ้นมาในขณะที่ผมกำลังจะเริ่มอธิบายอีกรอบ เอาวะ! ผมอาจจะร้อนเกินไป เพราะไม่อยากเห็นน้ำขิงร้องไห้
"น้ำขิงอยากให้ป๊าพาเข้านอนมั้ย "
"ปาป๊า พรุ่งนี้ใครจะไปโรงเรียนกับน้ำขิงคะ "
"ตื่นมาเดี๋ยวก็รู้ เข้านอนกันนะ "
"ก็ได้ค่ะ ป้าพิมครับ พาคุณจินไปรอที่ห้องผม แล้วก็ขออาหารด้วยหนึ่งชุดเพราะคุณจินต้องกินยาฆ่าเชื้อ ฝากด้วยนะครับ "
"ได้ค่ะคุณคี "
____________________
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
ผมกลับเข้ามาในห้องนอน คลายกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ตัวเองใส่ออกเล็กน้อย วันนี้มันวันอะไรวะ โคตรจะเหนื่อย แถมยังโคตรเพลีย ผับก็ไม่ได้เข้าต้องสั่งลูกน้องให้คุมแทน ส่วนเรื่องงานโรงเรียนของน้ำขิงวันพรุ่งนี้ก็ยังหาทางออกไม่ได้เลย
"ฉันไปรอข้างนอกดีกว่า "
"เดี๋ยวสิ อยู่ก่อนสิ "
"คะ " ทำไมต้องทำหน้างง? บางครั้งผมก็อยากดึงแก้มป่องๆ ของยัยนี่แรงๆ แต่ก็ทำได้แค่คิดเพราะเธอมีเจ้าของแล้ว
"กินข้าวกินยาเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย "
"ค่ะ แล้วน้ำขิงเป็นยังไงบ้างคะ โอเคมั้ย "
"หลับทั้งน้ำตา " ผมหย่อนตัวลงบนโซฟาด้วยความเหนื่อยล้า ปกติแล้วน้ำขิงไม่ได้เป็นแบบนี้บ่อยๆ เป็นธรรมดาที่ผมจะออกอาการเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ลูกเท่านั้นที่ทำให้ผมมีสภาพแบบนี้ได้
ผมไม่อยากให้ลูกเป็นแบบนี้เลย ไม่ว่าโรงเรียนไหนก็มักจะจัดกิจกรรมแบบนี้ วันแม่ วันพ่อ วันห่าเหวอะไรนักหนาก็ไม่รู้ บางครั้งก็จัดกิจกรรมบนเวทีให้เด็กๆ ได้มีส่วนร่วม แล้วก็เรียกร้องให้ผู้ปกครองไปดูและให้กำลังใจ ทุกครั้งผมก็ต้องไป ไปคนเดียว สิ่งที่ได้ตามมาคือคำถามของลูกว่าทำไมมาม๊าไม่มา ทำไมเพื่อนๆ มีมาม๊า แล้วมาม๊าน้ำขิงไปไหน?
"ฉันตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะบอกน้ำขิงเรื่องม๊าของเขา แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าอะไรคือการแยกทาง "
"คุณกับภรรยา "
"น้ำขิงคลอดออกมาได้ไม่กี่วัน เราสองคนก็มีปัญหากัน มันเริ่มบานปลายเมื่อคนของฉันสืบได้ว่า ลูกแก้วมีผู้ชายคนใหม่ "
"..."
"หลังจากนั้น ฉันก็เลี้ยงน้ำขิงคนเดียวมาโดยตลอด จ้างทั้งแม่บ้าน แม่นม พยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลเด็กโดยเฉพาะเพื่อมาดูแลน้ำขิง " ผมเล่าทุกอย่างออกมาให้เธอฟัง เธอก็ยอมนั่งฟังผมอย่างตั้งใจ ไม่มีเหตุผลที่ผมจะต้องปิดบัง ไม่รู้สิ ความรู้สึกของผมไม่อยากเก็บมันไว้อีกแล้ว ผมเหนื่อย ผมท้อ น้ำขิงคือจุดอ่อนของผม อารมณ์อ่อนไหวทั้งหมดที่ผมมีจะแสดงออกมาก็ต่อเมื่อเห็นน้ำตาของลูก ลูกคือทุกอย่างของผมจริงๆ
"คุณเก่งมากนะคะ ตอนนี้คนที่ไม่โอเค คือคุณมากกว่าน้ำขิงนะ "
" ถ้าเธอมีลูก เธอจะเข้าใจ "
" ฉันอาจจะไม่เข้าใจ แต่ฉันสัมผัสได้ว่าคุณรักน้ำขิงมาก "
"ใช่ ฉันรักน้ำขิงมาก น้ำขิงคือทุกอย่างของฉัน ฉันขาดลูกไม่ได้ แล้วฉัน ก็ขาดเธอไม่ได้ด้วยเหมือนกัน " อยู่ๆ ผมก็พูดประโยคที่ไม่สมควรพูดออกมา ทำไมเวลาอยู่ใกล้เธอผมถึงได้กล้าพูดทุกอย่างข้างในออกมาแบบนี้วะ! จินนี่ดูอึ้งๆ ผมก็อึ้งตัวเองเหมือนกัน
"วันนึงคุณต้องหายค่ะ " ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงจะดีสำหรับเธอ เพราะเธอก็คงลำบากใจกับงานนี้
"ฉันก็คิดเอาไว้แบบนั้นเหมือนกัน "
"ฉันเป็นกำลังใจให้นะคะ " รอยยิ้มของเธอทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก อาการบ้าๆ พวกนั้นก็หายเป็นปลิดทิ้ง
คุณคีขับรถเพื่อมาส่งฉันที่บ้าน สิ่งที่คุณคีระบายให้ฉันฟังในวันนี้มันทำให้ฉันมองเขาเป็นคนใหม่ คุณคีตะเพลย์บอยหนุ่มหล่อมีเชื้อมาเฟียนิดๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีลูกติดเป็นเด็กน้อยแสนน่ารัก เด็กคนนี้กุมหัวใจของผู้เป็นพ่อเอาไว้อยู่หมัด เขาดูอ่อนไหวแล้วก็อ่อนแอในขณะเดียวกันเมื่อต้องรับมือกับหยดน้ำตาและเสียงสะอื้นของลูก ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
"เดี๋ยวค่ะ จอดรถก่อนได้มั้ยคะ "
"มีอะไร? "
"จอดค่ะ จอดนะคะ "
"ได้ๆ " สายตาของฉันมันช่างไวปานวอก ฉันนั่งนิ่งอยู่บนรถสปอร์ตสุดหรูพลางใช้สายตาเพ่งไปที่กระจกมองหลัง คุณคีนั่งเงียบ ในความเงียบฉันก็สัมผัสได้ว่าเขาอยากจะถามฉัน ให้จอดรถทำไม?
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเบอร์แทนการเลื่อนหาอย่างว่องไว เบอร์ที่ฉันท่องจำจนขึ้นใจ นิ้วมือไปไวโดยอัตโนมัติ
ตื๊ดดดด ตื๊ดดดดด
คนในกระจกเริ่มมีปฏิกิริยา ล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อค้นหาบางอย่าง
"พี่เอก นอนหรือยังคะ "
"พี่กำลังจะกลับบ้านครับ เพิ่งเคลียร์งานเสร็จ สัญญาว่าพรุ่งนี้พี่ต้องไปรับจินแต่เช้าให้ได้ เริ่มงานวันแรกของสุดที่รักพี่ไม่พลาดแน่นอน " ฉันพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล มือกำโทรศัพท์แน่นเพราะไม่รู้จะไปต่อยังไง ข้างพี่เอกไม่ใช่ฉันแต่เป็นผู้หญิงคนอื่น เขาทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง?!
"ไม่ต้องดีกว่าค่ะ จินไปเองได้ พี่เอกพักผ่อนเถอะนะคะ จินไม่กวนแล้ว " ฉันนั่งก้มหน้ามองผ้าก๊อตสีขาวอย่างเจ็บใจ มันจุกในอกจนไม่อยากคุยต่อ ภาพที่ฉันเพ่งมองก่อนหน้านี้ ฉันทนมองมันต่อไม่ไหวอีกแล้ว
"ครับ "
"กลับบ้านเถอะค่ะ ฉันอยากกลับบ้านแล้ว " ฉันกดวางแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมา เสียใจเพราะถูกหลอก เสียใจเพราะถูกโกหก ก่อนหน้านี้ฉันชื่นชมพี่เอกว่าเป็นผู้ชายที่แสนดีมากๆ คนหนึ่ง แต่ตอนนี้ภาพเหล่านั้นมันกำลังค่อยๆ จางออกไป
บรื้นนน บรื้นน!!!
"คุณคี จะทำอะไรคะ "
"..... " คุณคีไม่ตอบแถมยังเร่งเครื่องรถเสียงดัง จากนั้นสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น รถของคุณคีกำลังถอยหลังด้วยความเร็ว ด้วยความตกใจฉันร้องกรี๊ดออกมาเสียงดัง
เอี๊ยดดด!!
"คะ คุณ "
"ไม่ใช่แค่น้ำตาของน้ำขิง น้ำตาของเธอมันก็มีอิทธิพลกับฉันมากเหมือนกัน รีบเช็ดมันออกซะ ก่อนที่ฉันจะลงไปยิงไอ้เลวนั่นทิ้ง! "
ฉันรีบเช็ดน้ำตา เพราะสีหน้าและแววตาของคุณคีตอนนี้มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน ฉันเชื่อว่าเขาไม่ได้ขู่เพราะเมื่อกี้ถ้าเขาไม่เหยียบเบรก ป่านนี้ .... พี่เอกคงกลายเป็นศพไปแล้ว
_____________________
