3|เหมือนเป็นคนสำคัญ
ฉันนั่งมองนาฬิกาสลับกับมองหน้าคุณคี จะให้เรียกเขาว่าพี่ มันก็ยังไงๆ อยู่ เพราะฉันไม่ชินกับการเรียกผู้ชายคนอื่นว่าพี่นอกจาก....
ครืดดดด ครืดดดดด
"พี่เอก " ฉันรีบลุกจากโซฟาแล้วเดินออกมาข้างนอกทันที เกรงว่าเสียงสั่นของโทรศัพท์จะไปทำลายเวลาพักผ่อนของคุณคี เพราะตอนนี้เขาหลับลึกมาก เสียงลมหายใจสม่ำเสมอทำให้ฉันไม่กล้าขยับไปไหนจนโทรศัพท์ในกระเป๋ามันสั่น
ตี๊ด
"ค่ะพี่เอก พี่เอกมีอะไรหรือเปล่าคะ " ที่ฉันต้องถามแบบนั้นก็เพราะพี่เอกโทรมาผิดเวลาหน่ะสิ ปกติแล้วพี่เอกจะโทรมาช่วงเย็นแต่นี่มันเพิ่งบ่ายโมง
"จินอยู่ไหน? พี่แวะไปหาที่บริษัทแล้วไม่เจอ "
"เอ่อ คือ วันนี้จินมีธุระค่ะ ก็เลยไม่ได้เข้าบริษัท พี่เอกไม่ได้ทำงานหรือคะ?"
"ทำสิ พอดีพี่ผ่านไปแถวนั้น ก็เลยแวะซื้อกาแฟไปฝาก มีขนมที่จินชอบด้วยนะ " รู้สึกผิดเลยอ่ะ แต่ก็ทำให้อดยิ้มไม่ได้เลยจริงๆ ฉันเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าต่างบานใหญ่ แล้วใช้สายตาทอดมองไปด้านหน้า คอนโดราคาหลายล้าน ไม่สิอาจจะสิบกว่า มูลค่าของมันตอนนี้ก็อาจจะเหยียบร้อยไปแล้วก็ได้ ฉันไม่เคยคิดฝันเลยว่าจะได้มีโอกาสมาเหยียบสถานที่แพงๆ และมีค่ามากขนาดนี้ ถ้าฉันมีเงินคงไม่ซื้อหรอก ฉันอยากได้บ้านหลังใหญ่ๆ มีสวนกว้างๆ เอาไว้ให้แม่นั่งเล่นเดินเล่นมากกว่า
"เสียดายจังเลยค่ะ "
"เย็นนี้พี่แวะไปหาที่บ้านนะ "
"ได้ค่ะ ถ้าจินถึงบ้านแล้วจะโทรหานะคะ " ฉันยืนคุยโทรศัพท์กับพี่เอกอยู่พักใหญ่ เพราะนานๆ ทีพี่เอกจะว่างโทรมาหาในช่วงเวลาแบบนี้ พี่เอกคือพี่ชายที่พัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นมาเป็นคนรู้ใจฉันคิดว่างั้น ไม่ว่าจะทุกข์หรือว่าสุขฉันก็จะมีพี่เอกนี่แหละที่อยู่ข้างๆ แล้วก็คอยช่วยเหลือ แต่มันก็ไม่ใช่ทุกเรื่องเพราะพี่เอกก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ
"กินข้าวให้ตรงเวลาด้วยนะพี่เป็นห่วง "
"พี่เอกก็เหมือนนะคะ " เราสองคนมาจากครอบครัวที่คล้ายกันก็เลยเข้าใจกันคุยรู้เรื่อง พี่เอกทำให้ฉันโต ไม่นอยกับชีวิตที่เป็นอยู่ ให้พลังบวกกับฉันเยอะมากๆ อายุสิบเก้าของฉันมันก็เป็นเพียงแค่ตัวเลข ความคิดต่างหากที่สำคัญ ฉันโตเพราะพี่เอกหลายเรื่องมาก เรื่องงานก็เหมือนกัน
"ครับ โอเค ค่อยมีแรงทำงานขึ้นมาหน่อย พี่ขับรถก่อนนะ เย็นนี้เราค่อยเจอกัน พี่คิดถึงจินนะ"
"ค่ะ จินก็คิดถึงพี่เอกเหมือนกัน " ฉันเป็นแค่เด็กอายุสิบเก้า ฉันรู้ แต่เรื่องความรู้สึกนึกรักมันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนแล้วก็ทุกช่วงวัย ฉันกับพี่เอกไม่เคยนอกลู่นอกทาง เข้าหาผู้ใหญ่ตลอด พี่เอกน่ารักกับแม่ฉันมากๆ ส่วนครอบครัวพี่เอกก็น่ารักกับฉันเช่นเดียวกัน ยกเว้น แม่พี่เอกที่ไม่ค่อยปลื้มเด็กไม่มีอนาคตอย่างฉันสักเท่าไหร่ แต่ฉันก็จะพยายามทำให้ท่านยอมรับฉันให้ได้
"คุณจินนี่ครับ ผมเรียกชื่อคุณถูกหรือเปล่า? "
"อ่อ ถูกค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ หรือว่าคุณ เอ่อ เจ้านายของพวกพี่ตื่นแล้ว "
"ครับ เจ้านายตื่นแล้ว ต้องการพบคุณจินเพื่อคุยข้อตกลงเรื่องงาน เชิญครับ " พี่เบิ้ม ฉันก็ไม่รู้ว่าจะเรียกพี่เขาว่าอะไร เพราะเขาไม่ได้แนะนำตัวให้ฉันรู้จัก เรียกพี่เบิ้มไปก่อนก็แล้วกันเพราะพี่เขาตัวใหญ่
"นั่นมันห้องนอนนี่คะ "
"เจ้านายต้องการความเป็นส่วนตัว เรื่องนี้จะให้ใครรู้ไม่ได้นอกจากตัวเจ้านายแล้วก็คุณจินครับ " พิลึกเข้าไปใหญ่ สรุปคุณคีเป็นโรคอะไรกันแน่ ผู้หญิงสวยๆ ก็มีตั้งเยอะตั้งแยะทำไมต้องมาใจสั่นเพราะฉันทุกครั้ง พี่เอกรู้คงไม่ชอบใจแน่ๆ เลย เฮ้อ งานคือเงินอ่ะเนอะ
....ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แล้วก็ไม่คิดด้วยว่าจะมีคนป่วยเป็นโรคประหลาดแบบนี้ หรือว่าเขาไม่ได้ป่วย? มันคืออะไรกันแน่ฉันก็อยากรู้
"ก็ได้ค่ะ "
"นั่งสิ "
"ค่ะ พอดีเมื่อกี้มีสายเข้าฉันก็เลยออกไปคุยข้างนอก กลัวว่าคุณจะตื่น"
"อืม ถนัดเรียกคุณสินะ ก็ดี เพราะฉันก็มีน้องสาวอยู่แล้ว อายุก็น่าจะราวๆ เท่ากับเธอ " ฉันตั้งใจฟังแล้วพยักหน้าตาม ตระกูลร่ำรวยขนาดนี้เป็นธรรมดาที่ต้องมีลูกมากกว่าหนึ่งคน น่าอิจฉาจังเลย ฉันมองไปรอบห้องนอนของเขาอีกรอบ สิ่งที่ฉันชอบมากที่สุดก็คงจะเป็นรูปครอบครัวของคุณคี กรอบรูปเล็กๆ แต่มองทีไรก็รู้สึกสุขไปด้วยทุกครั้ง รอยยิ้มของทุกคนทำให้ฉันยิ้มตามอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
"คนนั้นใช่มั้ยคะ สวยจังเลย "
"อืม ใช่ คีรินไปเรียนต่อที่อังกฤษ แล้วเธอล่ะ ทำไมไม่เรียนต่อ " ฉันอึ้งนิดๆ กับคำถามนี้ เขารู้มากไปแล้วนะ เฮ้อ มีอะไรอีกบ้างเนี่ย ที่เขาให้คนไปตามสืบมา
" คนของคุณสืบมาไม่หมดหรือคะ "
"ถ้าฉันรู้ก็คงไม่ต้องมาถามซ้ำแบบนี้ "
"พูดเรื่องของคุณมาเถอะค่ะ ฉันกลับเย็นมากไม่ได้ "
"มีแฟนหรือยัง? " ฉันเอียงคอสงสัย คำถามแต่ละคำถามมันไม่เห็นเกี่ยวกับงานแล้วก็เรื่องที่เขาจะอธิบายให้ฉันฟังเลยสักนิด
"มันเกี่ยวอะไรกับงานแล้วก็อาการของคุณ "
"เกี่ยวสิ เธอก็เห็นแล้วว่าฉันเป็นโรคขาดเธอไม่ได้ "
"เดี๋ยวนะ คุณช่วยอธิบายให้ฉันฟังเกี่ยวกับ ไอ้โรคประหลาดที่คุณเป็นก่อนได้มั้ย " สิ่งที่ฉันอยากรู้มากที่สุดคือเรื่องนี้ มากกว่าการซักประวัติส่วนตัว เพราะฉันก็ไม่รู้ว่าเขาจะถามไปทำไมในเมื่อเขาสามารถสืบเองได้ ฉันเข้าใจถูกใช่มั้ย เพราะเงินของเขามันสามารถบงการทุกสิ่งทุกอย่างได้
"ก็ได้ ฟังแล้วก็อย่าสำคัญตัวเองผิดล่ะ "
"แน่นอนค่ะ "
"ก็อย่างที่เธอเห็น ทุกครั้งที่ฉันเห็นหน้าเธอ อัตราการเต้นของหัวใจจะเพิ่มสูงขึ้น จนทำให้ฉันรู้สึกเจ็บหน้าอก แขนขาไม่มีแรง รู้สึกเหมือนว่าตัวเอง กำลังจะตาย "
"มันมีอยู่จริงด้วยเหรอ "
"ก็นี่ไง เธอไม่เห็นเหรอ ชีวิตฉันไม่ได้ว่างมาสนใจเรื่องพวกนี้หรอกนะ แต่ฉันมีธุรกิจ มีครอบครัว มีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ มันยังไม่ถึงเวลาตายของฉัน แล้วฉันก็ยังไม่อยากตาย " ไม่อยากตาย อืม ฉันก็ยังไม่อยากตาย
"แล้วคุณ จะให้ฉันช่วยยังไง "
"มาทำงานกับฉัน ลาออกจากที่เก่าซะ ถ้าเกรงใจมียา ฉันจะคุยให้เอง " เขาพูดดักทางฉันเอาไว้หมดเลย ใช่ฉันเกรงใจพี่มียา ถ้าฉันไม่ได้พี่ยารับเข้าทำงานป่านนี้ไม่รู้ว่าชีวิตฉันจะเป็นยังไงบ้าง ลำบากใจว่ะ ไหนจะพี่เอกอีก
"ไม่ตลอดไปหรอกนะ ฉันก็แค่อยากวิเคราะห์อาการที่ตัวเองเป็นอยู่ เพราะหมอที่เก่งๆ ก็รักษาฉันไม่ได้ " คุณคีเดินมานั่งที่โซฟาแล้วยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ฉัน
" อะไรคะ "
"สวัสดิการและเงินเดือนที่เธอจะได้รับ " ฉันมองหน้าเขาแวบนึงแล้วหยิบกระดาษตรงหน้าขึ้นมาดู ไล่สายตาอ่านทุกตัวอักษร ท้ายกระดาษลงลายเซ็นอลังการของคุณคีเอาไว้ มันต้องจริงจังขนาดนี้เลยเหรอ?
"แต่ ฉันยัง "
"อ่านก่อน อ่านให้เข้าใจ สิ่งที่ฉันเสนอให้เธอมันไม่ใช่แค่เธอที่จะสบาย แม่เธอด้วย สิทธิ์การรักษาโรงพยาบาลเอกชนสำหรับคนในครอบครัว " ใช่ฉันอ่านเจอพอดี
"คุณ "
"สงสัยก็ถามได้นะ "
"อะไรคือ ต้องย้ายที่อยู่ บ้านฉันก็มี "
" เพื่อให้ง่ายต่อการทำงาน เธอจะต้องดูแลฉันอย่างใกล้ชิด "
"แล้วแม่ฉันล่ะ "
"ถ้าตกลง แม่ของเธอจะได้รับการดูแลจากพยาบาลที่มีประสบการณ์สูงเป็นอย่างดีที่สุด ฉันจะอนุญาตให้เธอกลับไปเยี่ยมแม่ได้ทุกวัน แต่เธอก็ต้องกลับมาค้างที่คอนโดที่ฉันจัดหาเอาไว้ให้ " มันดูเหมือน ข้อตกลงการเป็นเมียน้อยเลย
"ฉันก็ยังเป็นห่วงแม่อยู่ดี "
"ฉันสั่งคนไปติดกล้องวงจรปิดในบ้านและรอบบ้านให้เธอแล้วนะ จะลองเช็กภาพดูหน่อยมั้ย อะ นี่ " ฉันอ้าปากช็อก ให้คนไปติดกล้องวงจรปิด ตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมมันเร็วขนาดนั้น ฉันรีบหยิบมือถือในมือของคุณคีมาดูทันที
"แม่จริงๆ ด้วย " ฉันพึมพำออกมาเบาๆ พร้อมกับใช้สายตามองภาพตรงหน้าอย่างตั้งใจ ทางเข้าบ้าน ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ออ มีหลังบ้านอีก ตอนนี้แม่กับชินเน่กำลังนอนกอดกัน เบะปากให้ไอ้แมวขี้ประจบ! ภาพชัดระดับ Full HD
"แต่ฉันยังไม่ตกลงเลยนะ "
ครืด ครืด
"พี่มียา " คุณคีผายมือให้ฉันรับโทรศัพท์ ฉันพยักหน้าอย่างงงๆ แล้วรีบกดรับทันที
"ค่ะพี่มียา "
"จิน พี่รู้เรื่องแล้วนะ จะไปเมื่อไหร่พี่จะได้จัดงานเลี้ยงส่งให้ "
"อะ อะไรนะคะ "
"ยินดีด้วยนะกับงานใหม่ ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วก็ไม่ต้องเกรงใจพี่เลย พี่ดีใจนะที่จินกับพี่คีญาติดีกันแล้ว " ฉันเงยหน้ามองคนบงการอย่างงงๆ อีกครั้ง เขาบงการฉันทุกอย่างจริงๆ
________________
