บท
ตั้งค่า

07 ผิดพลาด

.

.

เสียงเบรกรถลั่นของผมเรียกสายตาทุกคู่ที่นั่งอยู่บนม้านั่งนอกสนามกีฬากลางให้หันมา ผมเห็นไอ้เชี่ยโบ้ทแต่ไกลเพราะไฟหน้ารถที่สาดสว่างในความมืดที่เกือบสนิท ผมลงจากรถโดยที่ไม่สนเสียงคัดค้านของลลิน คุ้นๆ ว่าเธอน่าจะออกแรงแขนทั้งหมดในการดึงตัวผมให้ไม่ตรงไปที่โต๊ะตัวนั้น ..เธอทําไม่สําเร็จ ผมว่าลลินน่าจะกระเด็นไปไกลจากแรงเหวี่ยงของผม ผมไม่สนใจ ผมไม่เห็นอะไรในขอบเขตสายตาอีกแล้วยกเว้นแต่ไอ้เชี่ยโบ้ทที่ยืนหัวโด่กว่าคนอื่น สัญชาตญาณการต่อสู้ของผมที่มันมอดไปนานตั้งแต่ศึกใหญ่ตอนมอสามมันปะทุขึ้นมา บางทีผมอาจจะแค่อยากตอบสนองต่อความรุนแรงของตัวเองก็ได้ แล้วไอ้เชี่ยโบ้ทก็กําลังจะทําให้ผมได้ปลดปล่อย

“เป็นอะไรของมึงเชี่ยปรินซ์” เสียงของไอ้เป้ ผมมองหน้ามัน ไอ้สัดดด ตอนกูเก็บขยะมึงเสือกทิ้งกู แต่ตอนนี้มึงดันมาเสนอหน้า เพื่อนเชี่ย!!!

“ทําไมมึงหมาขนาดนี้วะ!!!” ผมเดินผ่านหน้าไอ้เป้ไปหาไอ้เชี่ยโบ้ท มันเองก็ดูจะพอรู้ตัว เพราะมันลุกจากโต๊ะมารอประจันหน้าผม มันกับผมสูงไล่เลี่ยกัน ตัวก็พอๆ กัน ผมเป็นนักบอล ส่วนมัน.. นักมวย ถึงดีกรีความบู๊แม่งจะต่างกัน แต่กูก็ ‘ตํานาน’ โรงเรียนมาก่อน กูจะไม่เป็นแค่กระสอบทรายของมึงแน่ ผมพุ่งตัวซัดหมัดหนักๆ เข้าไปที่หน้ามันหนึ่งที เลือดแทบจะไหลตามมือของผมในวินาทีที่มือของผมพ้นออกมาจากหน้าของมัน ผมคว้าปกเสื้อนิสิตของมันลอยสูงขึ้น หน้าของมันกับผมแทบจะจูบกัน ไอ้เชี่ยโบ้ทมันมองตาผมนิ่ง ไม่มีความสั่นไหวแม้สักนิด

“ทําไมมึงพูดเชี่ยแบบนั้นกับลลิน!!”

“กูพูดเชี่ยไร” ไอ้เชี่ยโบ้ทพูดด้วยเสียงปกติ ปกติจนผมรู้สึกว่าแม่งกําลังโดนหยาม

“เชี่ยปรินซ์กูว่าพอเหอะวะ เชี่ยมึง นี่พี่นะเว้ย!!”

“มึงเงียบไปเลยไอ้เป้!!” ผมพูดใส่ไอ้เป้ทั้งที่ตายังจ้องมองหาเรื่องไอ้เชี่ยโบ้ทอยู่ “ถ้ามึงจะจีบเขาก็อย่าเอาคนอื่นเข้าไปเกี่ยว”

“พอเหอะปรินซ์ไปกันเถอะ” ลลินยังคงพยายามจะดึงตัวผม

“กูถามมึงว่ากูพูดอะไร มึงได้ยินอะไรมา” ไอ้เชี่ยโบ้ทยังคงมองหน้าผม มันกําลังทําสงครามประสาทกับผม ถ้าผมตอบแบบที่ลลินเล่ามาผมว่ามันดูไม่แมน แถมมันดูเหมือนเด็กงี่เง่าที่แม่งโคตรไร้เหตุผล แต่นาทีนี้ถ้าผมถอยคือแม่งโคตรเสียหน้า!!

“ไอ้สัดดดด!!” ผมเลยกําหมัดง้างจะซัดมันอีกสักที แต่ไอ้เชี่ยโบ้ทมันไวกว่า มันยัดหมัดแน่นๆ ของมันเข้าที่กลางท้องของผม แค่ทีเดียวเท่านั้น มือของผมคลายจากเสื้อของมันแทบจะในทันที ร่างทั้งร่างทรุดลงคุกเข่าให้กับมัน มันทําท่าเหมือนจะยกเท้าขึ้นมาซํ้า แต่ลลินเข้ามาขวางไว้

“พี่โบ้ทคะ ลลินขอ” นํ้าเสียงของเธอเศร้ามาก นํ้าตาคงพรั่งพรู ผมคาดเดาล้วนๆ เพราะผมกําลังนั่งก้มหน้าอยู่ด้านหลังของลลิน แทบไม่อยากเงยหน้าขึ้นเผชิญกับความพ่ายแพ้น่าอับอายครั้งนี้

“...”

ผมไม่ได้ยินว่าพี่โบ้ทพูดอะไร รู้แค่ว่าไอ้เป้กับรุ่นพี่แถวนั้นอีกคนช่วยกันหิ้วปีกผมขึ้นรถ มีไอ้เป้เป็นคนขับรถพาผมออกไป

ลลินตามไปส่งผมที่คอนโด และขอตามขึ้นมาส่งพร้อมกันกับไอ้เป้ แล้วไอ้เชี่ยเป้ก็เสือกไม่ไปส่งลลิน ปล่อยให้เธออยู่กับผม มันไม่รู้เลยหรือไงว่าเลือดลมในร่างกายของผมมันกําลังพลุ่งพล่าน ไหนจะโกรธ ไหนจะอาย ผมแม่งกําลังจะคลั่ง พอลลินเข้ามานั่งใกล้ตัวผมที่โซฟาห้องนั่งเล่น เธอเอามือสัมผัสหน้าผมเบาๆ ปลายนิ้วเรียวของเธอค่อยๆ ลากไล่ทิ้งนํ้าหนักอย่างรู้จังหวะสัมผัส จะด้วยความเป็นห่วง ความรู้สึกผิดหรืออะไรก็แล้วแต่ เธอขยับตัวมาใกล้ผมแล้วโน้มตัวเอาริมฝีปากนุ่มมาเคล้าคลึงที่ใบหน้าของผม แต่มันไม่ได้มาแค่อวัยวะส่วนเดียว ส่วนนุ่มนิ่มใต้เสื้อนักศึกษาก็พาลแนบเข้ากับตัวผม สติของผมขาดแทบจะในทันที ผมดันไหล่ทั้งสองของลลินออก มองหน้าเธอชัดๆ เธอไม่ใช่คนของผม คนของผมมีเพียงคนเดียวคือธาม และผมคือคนของธาม ผมพยายามฝืนกับแรงขับ แรงต้องการภายในอย่างบ้าคลั่ง ถ้าลลินหยุด ทุกอย่างมันจะยังคงถูกต้อง ผมจะเป็นปรินซ์ที่รอธามอย่างปราศจากมลทินใดๆ ให้ธามนึกรังเกียจ ผมคิดอย่างนั้นแม้ในเศษเสี้ยววินาทีก่อนที่ลลินจะลุกลํ้าเข้ามาสานสัมผัสลึกซึ้งกับริมฝีปากของผม เธอชํานาญ ผมเข้าใจอย่างนั้น แล้วผมก็ปล่อยให้มันเกิดขึ้น ผมปล่อยให้สัญชาตญาณอยากของความเป็นชายพวยพุ่งไปตามเกมของลลินอย่างรวดเร็ว ร่างอ่อนถูกจับให้อยู่ด้านล่างทันทีที่ผมถูกกระตุ้นโดยเธอ..

.

ผมยืนนิ่งอยู่ใต้ฝักบัวนาน นานจนผมรู้สึกหนาว ความเย็นมันอาจช่วยให้ความคลั่งของผมลดลง สายนํ้ามันอาจช่วยล้างคราบเหงื่อคราบใคร่ทั้งของผมและของลลินออกจากร่างกายนี้ได้ ผมถอนตัวเองออกจากร่างของลลินแทบจะทันทีที่เธอทําให้ผมถึงจุดที่จะต้องปลดปล่อย ลลินตกใจไม่น้อย ทําปากเหมือนจะสบถอะไรบางอย่าง ผมเดินเข้าห้องนํ้าทันที ใจนึงนึกอยากจะร้องไห้ แต่ผมว่านั่นน่าจะเป็นลลินสิที่ร้อง ไม่ใช่ผม ผมข่มขืนเธอ!! ผมต้องรับผิดชอบ.. เสี้ยวความคิดนึงที่ผมอยากหยิบมีดมาปาดเอาของของผมทิ้ง แม่งเอ๊ยยย เพราะมันอันเดียว!! ..หรือจริงๆ ผมแค่อยากหาอะไรมารับผิดชอบต่อความพลั้งเผลอที่ตัวเองพลาดทําลงไป ไม่ใช่ว่าผมไม่เคย.. แต่ผมก็ไม่เคยจริงๆ เคยแค่ทําให้มันไม่ค้างด้วยสัมผัสของตัวเอง แต่นี่..

“ปรินซ์..” ลลินเรียกชื่อผม หลังจากผมเดินออกมาจากห้องนํ้า ผมอยู่ในนั้นนาน นานจนหวังว่าเธอจะกลับไปแล้ว ผมแม่งคิดอะไรโคตรเชี่ย เขาเสียหายไหมวะ แล้วนี่มันกี่โมงกี่ยาม!!

ลลินยังคงนั่งอยู่ตรงโซฟา เธอคลุมตัวเองด้วยเสื้อนักศึกษาที่ยับยู่ด้วยแรงกระทําของผม มันน่าจะขาดจนใช้การไม่ได้อีกแล้ว เพราะผมยังคงเห็นเนื้อขาวอิ่มโผล่ออกมาอย่างหมิ่นเหม่ เธอมองผมด้วยตาเว้าวอน

“ลลินไปอาบนํ้าเถอะ”

ผมเดินไปหยิบเสื้อตัวหนากับกางเกงตัวใหม่ของผมให้เธอ หวังว่าเธอจะพอใส่ได้ ลลินเดินมาสวมกอดผมจากด้านหลัง ผมหันหลังแล้วดันตัวเธอทันที ตอนนี้ผมมีสติดี

“เราชอบปรินซ์มากนะ”

“...”

“เราไม่โกรธนะที่ปรินซ์..”

“ลลินคือเรา..”

“เราเป็นแฟนกันนะ”

“???” ลลินกอดผมแน่น ตัวเธอสั่น และกําลังร้องไห้ ผมรู้สึกได้เพราะหน้าอกเสื้อของผมเริ่มเปียก

“...”

“...”

“อืม”

ผมเลยได้รับสถานะที่ตัวเองไม่ต้องการ “ปรินซ์..แฟนลลิน” ผมคบกับเธอโดยมีภารกิจประจําคือไปรับไปส่งเธอเพื่อไปเรียน ไปซ้อมลีด พาเธอไปช็อปปิ้ง เทคแคร์เธอเท่าที่จะทําได้ มันไม่ได้ลําบาก แต่มันไม่มีความสุข ยิ่งผมโดนผูกติดกับเธอ ความเจ็บปวดที่มีก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ผมจะมองหน้าธามได้ยังไง..

เหมือนผ่านไปนานเป็นชาติ ทั้งที่แค่คบกับลลินตั้งแต่งานกีฬาประจําปีต่อเนื่องมาจนจบเทอมนึงเท่านั้น

“ไอ้ปรินซ์!!” ไอ้เป้วิ่งตะโกนเรียกชื่อผมมาแต่ไกล

“มีไร คะแนนออกแล้ว?”

“มึงแคร์คะแนนมึงด้วยเหรอ มึงก็รู้ยังไงมึงก็ผ่าน”

“...”

“กูมีเรื่องมาเล่าสู่กันฟัง และมีเรื่องจะถามมึง”

“เล่ามา”

“ไม่ กูอยากถามก่อนค่อยเล่า”

“เออ แล้วแต่มึง”

ไอ้เป้ หรือเชี่ยเป้เป็นเพื่อนตั้งแต่มอปลาย มันกับผมไม่ได้เรียนโรงเรียนเดียวกัน ผมเจอมันที่ที่เรียนพิเศษช่วงก่อนสอบเข้ามหาลัย เรานั่งข้างกันตลอด มันชวนผมคุย อัธยาศัยดี จริงใจ เรื่องที่มันสนใจกับผมค่อนข้างตรงกันแทบจะทุกอย่าง ผมกับมันเลยสนิทกันง่าย ทั้งเรายังเลือกเรียนคณะเดียวกัน มอเดียวกัน ตอนนี้ไอ้เป้เลยได้ตำแหน่งเพื่อนสนิทของผมไป

“จริงๆ กูก็ไม่อยากเม้าท์นะ มันจะดูไม่คูล”

“งั้นมึงก็เงียบปากไป”

“กูไปได้ยินมาว่าลลินแฟนมึงอ่ะ”

“ไม?” ได้ยินแค่ชื่อผมก็นึกสาปแช่งตัวเองแล้ว

“มึงข่มขืนเขา”

“ไอ้สัดเป้ มึง!!” ผมแทบจะเอาหัวแข็งๆ ของผมโหม่งเข้ากับหัวของมัน มันรู้เรื่องของผม ผมเล่าเรื่องคืนนั้นให้มันฟัง เหมือนเด็กน้อยสารภาพผิด เพราะผมเครียดมาก มากจนอยากระเบิดตัวเองให้แตกออกเป็นพันๆ ชิ้น

“มึงใจเย็นนนนนนสิคร๊าบบบ”

“...”

“ที่กูได้ยินมาคือพี่ลลินเนี่ยนางซิ่วมาจากที่อื่น”

“แล้วไง มึงจะบอกกูว่าเขาแก่กว่ากู แค่นั้น”

ไอ้เป้ยกนิ้วชี้ของมันทําท่าปัดไปมา “โนๆ ไม่ใช่แค่นั้น แต่เหตุผลที่นางต้องซิ่วตังหาก”

“...”

“ลลินมีปัญหาเรื่องผู้ชายที่มอเก่าใหญ่โตขนาดที่คณบดีเชิญทั้งสองฝ่ายออกทั้งคู่”

“!!!”

“เออ เรื่องนี้กูกรองมาอย่างดี มึงอย่ามาทําหน้าไม่เชื่อ มึงต้องไม่เชื่อแน่ว่ากูน่ะลงทุนไปตามสืบถึงมอนู้น”

“แต่นั่นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับกูไหม นั่นมันอดีต กูสิเสือกไปเป็นปัจจุบันของเขา”

“เออ มึงอ่ะควาย ไม่ใช่เพราะมึงควายไปทําเขา เอางี้กูจะถามมึงล่ะ ตอบมาแบบจริงๆ ไม่ต้องตอบแบบสุภาพบุรุษปกป้องผู้หญิง”

“เออว่ามา”

“ก่อนที่มึงจะไปหาเรื่องพี่โบ้ท ลลินพูดอะไรกับมึงบ้าง”

“เขาพูดอะไรกับกูแล้วมันจะยังไงวะ”

“มึงนี่ควายแล้วควายอีกนะ เก่งแต่เรื่องเรียน มึงตอบกูมาก็พอ เดี๋ยวกูวิเคราะห์วิพากย์ให้มึงเอง”

“เออๆ ลลินก็แค่เล่าให้กูฟังว่าพี่โบ้ทบอกลลิน ว่ากูน่ะเบื่อลลินนู่นนี่ เอาเป็นว่าเชี่ยพี่โบ้ทของมึงใส่ร้ายกู”

“ประมาณนี้ งั้นกูขอยืนยันเลยมึงโคตรควายยยย”

.

.

.

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel