06 ลลิน
.
.
..ปรินซ์
..ปีหนึ่ง
ผมคบลลิน ลลินเป็นลีดคณะนิเทศ ที่ได้เป็นลีดมหาลัย เราเจอกันเพราะงานมหาลัย เพราะผมถูกลากมาเป็นทีมสวัสดิการในงานกีฬามหาลัยประจำปี จริงๆ ผมควรได้ลงเป็นนักบอลคณะ แต่เพราะเวลาซ้อม เวลารับน้อง มันทับซ้อนกันจนผมทำให้มันลงตัวไม่ได้ ไอ้เป้เพื่อนผมเลยชวนผมมาเป็นสวัสดิการแทน มันบอกว่าผมจะได้ซ้อมเดินอยู่ข้างสนามก่อน ซึ่งผมก็ว่าดี ผมควรใช้เวลาที่ห่างธามให้เกิดประโยชน์มากที่สุด หรือเพราะมันจะทำให้ผมนึกถึงธามน้อยลงได้บ้าง
“หวัดดี เราชื่อลลิน” เธอเดินเข้ามาทักทายผมที่กำลังนั่งว่างๆ ในตอนที่ว่างๆ ระหว่างฟังพวกพี่ปีสูงประชุมฝ่ายงาน
“ออ เราปรินซ์”
“นั่งด้วยคนได้ไหม”
“...” ผมพยักหน้าตอบ
“หวังว่าวันนี้คงจะไม่ดึก” ลลินพูดขึ้น หลังจากที่เดดแอร์ราวห้านาที
“ลีดเคยกลับเร็วด้วยเหรอ” ผมที่ไม่ได้อยากจะเป็นคนมารยาทแย่เลยตอบเธอไป อีกอย่างผมปฏิเสธไม่ได้ว่าลลินเป็นสาวหน้าตาน่ารัก หุ่นดี ดวงตากลมโต ปากบางชมพูได้รูป เป็นความลงตัวที่ชวนมองไม่น้อย ใครจะไปกล้าปล่อยให้เธอเหวอได้ลงคอ
“โอเคค่ะทุกคน สำหรับการประชุมครั้งแรกก็จบเท่านี้ล่ะกันเน๊อะ” เสียงพี่ปีสี่ที่เป็นเฮดงานพูดปิด สีหน้าของทุกคนในที่ประชุมล้วนอารมณ์เดียวกัน ..จบสักที แม้วันนี้จะไม่ได้ความคืบหน้าอะไรมาก แต่เฮดของทุกฝ่ายก็รู้แล้วว่าจะต้องไปแจกงานอะไรภายในฝ่ายของตัวเอง
“ส่วนน้องๆ ลีดทั้งหลาย..” พี่เฮดลีดพูดขึ้น
“งือ เราอยากกลับแล้วอ่ะวันนี้” ลลินกระซิบเบาๆ กับผม เธอทำหน้าออดอ้อน ผมยิ้มแห้งตอบเธอ
“..วันนี้พวกพี่เหนื่อยแล้วอ่ะ ถ้ายังไงเจอกันพรุ่งนี้บ่ายสี่นะคะน้องลีดทุกคน”
“เย้” ลลินเผลอพูดดัง ทำเอาคนทั้งห้องหันมามอง เธอมุดหน้ามาแอบหลังผม ผมว่าเธอก็ดูน่ารักดีนะ และนั่นคือวันแรกที่เราได้ทำความรู้จักกัน เจอกัน พูดกัน และสนิทขึ้นเรื่อยๆ ตลอดการเตรียมงานกีฬาประจำปีของมหาลัย
“เฮ้ยปรินซ์ สรุปว่ายังไงวะกับลลินเนี่ย” ไอ้เป้ถามผมตอนเย็นวันนึงหลังจากที่เราส่งข้าวส่งน้ำให้ทุกฝ่ายที่มาประชุมความคืบหน้าของงานเรียบร้อย
“ยังไงวะ”
“มึงอ่ะตัวติดกับลลินตลอด ใครๆ ก็คิดว่าพวกมึงน่ะคบกันชัวร์ สาวก็สวยสุด ไอ้คุณมึงเนี่ยก็ดันเล่นตัวไม่เป็นลีดเอง สมกันหยั่งกับกิ่งไม้ใบมะม่วง”
“ทำไมต้องมะม่วงวะ”
“ก็กูชอบกินมะม่วง”
“...”
“สรุปยังไง พี่โบ้ทเขาก็ฝากกูมาถามเนี่ย”
“ทำไมวะ พี่โบ้ทเกี่ยวไรด้วย ขี้เผือก?”
ไอ้เป้ยกมือจะโบกหัวผม แต่มันก็ทำท่าง้างขู่ไปอย่างนั้น
“พี่โบ้ทเขาอยากจีบ”
“จีบลลิน?”
“จีบมึง”
“สัดดดด”
“จีบลลินอยู่แล้ว ถึงมึงจะหน้าตาดี แต่กูว่าแมนๆ อย่างพี่โบ้ทเขาไม่เล่นมึงหรอก ตัวหยั่งกับหมี”
“...”
“ว่าแต่เรื่องลลิน?”
“กูกับลลินเป็นเพื่อนกัน มึงก็รู้”
“กูก็ว่างั้น กูถามมึงก่อนเพื่อความชัวร์ไง จะได้ไม่รักสามเส้า นั่นก็พี่ นี่ก็เพื่อน กูขี้เกียจเคาะระฆังห้ามมวย”
ผมเข้าใจว่าไอ้เป้คงจะเป็นนกพิราบสื่อสารคาบข่าวไปบอกพี่โบ้ทเรียบร้อย เพราะผมเห็นพี่โบ้ทเข้าหาลลินอย่างเป็นทางการ แถมยิ้มให้ผมแต่ไกล คงพูดประมาณว่า เออ งั้นกูจีบล่ะนะ ส่วนผมก็พยักหน้าตอบ ..เรื่องของมึงไม่ต้องมาแจ้งกู
.
.
คืนนี้ผมอยู่เป็นสวัสดิการรอบดึก ต้องรอเคลียร์อุปกรณ์การประชุม เคลียร์ขวดน้ำ เคลียร์ขยะของฝ่ายต่างๆ ที่ทำงานอยู่ในโซนสนามกีฬากลาง
“ปรินซ์” เสียงตะโกนของลลินดังมาแต่ไกลผมหันหน้าไปมองต้นเสียง ลลินกำลังวิ่งมาอย่างรีบร้อนหยั่งกับหนีสัตว์ประหลาดข้ามมิติมา
“ปรินซ์” ลลินส่งเสียงหอบ เธอยกมือขอเวลาหายใจก่อนจะพูดต่อ
“คืนนี้ปรินซ์ไปส่งเราที่หอได้ไหม” จริงๆ แล้วผมก็มักขับรถไปส่งลลินในคืนที่ผมอยู่ดึก แต่หลังๆ ผมก็ขอบายลลินเพราะไม่อยากไปปิดโอกาสไอ้พี่โบ้ทมัน
“คืนนี้ไม่มีใครไปส่งเหรอ” ผมไม่ได้รังเกียจที่จะส่งลลิน ก็แค่ขับรถไปจอดหน้าหอ ปล่อยเธอลง
“ม่ะ ไม่มี” ลลินตอบตะกุกตะกัก
“...”
“นะปรินซ์ ขอล่ะ” ลลินเลื่อนมือมาจับต้นแขนของผม เธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ หรือเธอกำลังร้องไห้ ผมแยกไม่ออกจริงๆ ว่าหยดน้ำบนหน้าของลลินเป็นน้ำตาหรือแค่เหงื่อ
“ก็ได้ รอที่รถนะ” จะให้ปฏิเสธก็ดูจะโหดร้ายเกินไป ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกับการเคลียร์อะไรมากมาย เป็นสวัสดิการใครว่าไม่เหนื่อย เหนื่อยจะตาย แล้วนี่ไอ้เพื่อนเป้มันหายหัวไปไหน ปล่อยให้ผมต้องทำงานอยู่คนเดียว ยังดีที่มีพี่สวัสดิการคนอื่นๆ คอยช่วย ผมมองนาฬิกา ..ห้าทุ่ม จะได้กลับสักที ถึงหอเมื่อไร อาบน้ำ ล้มตัวลงนอนได้เลย เพราะผมใช้เวลาว่างก่อนหน้านี้ทวนชีทที่เรียนวันนี้เรียบร้อยแล้ว และยังใช้เวลาอีกนิดเสิร์ชหาข้อมูลที่จะทำรายงานตอนปลายเทอมเรียบร้อยแล้วด้วย ..ผมขยัน ขยันอย่างที่ผมเป็นมาตลอดตั้งแต่หลังการลงนามในสัญญาครั้งนั้น ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นความรับผิดชอบที่จะต้องพยายาม แต่ผมรู้ตัวว่าผมกำลังทำอะไรเพื่ออะไร อนาคตที่จะเป็นของผมเอง ..ทั้งอนาคตของตัวเอง แล้วก็อนาคตของธาม
“ปรินซ์รีบไปกันเถอะ!!” ลลินแทบจะกระโดดขึ้นนั่งบนรถทันทีที่ผมกดรีโมท เธอดูรีบร้อน และร้อน ทั้งที่ตอนนี้อากาศกำลังเย็นสบาย
“...”
“จะไม่ถามอะไรลลินหน่อยเหรอ” ลลินพูดขึ้นหลังจากผมออกรถได้สามนาที
“...”
“พี่โบ้ทจีบเรา”
“ออ อืม”
“เราไม่ชอบพี่โบ้ท”
“...”
“เรามีคนที่ชอบอยู่แล้ว”
“...”
“เราชอบปรินซ์” คำพูดของลลินทำผมเผลอเหยียบเบรก ผมรีบหันหน้าไปมองลลินด้วยความเป็นห่วงว่าจะบาดเจ็บรึเปล่า เลยสบตาเข้ากับลลินที่มองผมอยู่ก่อนแล้ว
“...”
“ปรินซ์ไม่ได้ชอบเราเหรอ”
“...”
“แล้วที่ปรินซ์ไปส่งเรากลับหอได้ตลอด.. คุยกับเรา..” ลลินกำลังตัดพ้อด้วยความน้อยใต สายตาเธอกำลังบอกผมแบบนั้น
“คือ.. ลลินเป็นผู้หญิง กลับคนเดียวดึกๆ มันไม่ดี” ผมอยากจะบอกลลินว่าเธอมโนไปเอง
ลลินก้มหน้าลง น้ำตาเริ่มหยดลงบนกระโปรงพลีทสีดําของเธอ “ปรินซ์แค่ใจดีสินะ”
“...”
“แต่เราไม่ใช่สิ่งของนะ พอปรินซ์ไม่ต้องการก็่เลยโยนเราไปให้พี่โบ้ท”
“โยนให้พี่โบ้ท?”
“พี่โบ้ทบอกเราว่าปรินซ์เบื่อเรา เราเป็นแค่ผู้หญิงน่ารำคาญสำหรับปรินซ์ และที่สำคัญ ปรินซ์บอกพี่เขาว่า อย่างปรินซ์ต้องหาได้ดีกว่านี้”
“มันพูดแบบนั้น?” ลลินพยักหน้าพลางปาดนํ้าตา ขณะที่ผมกําหมัดแน่น ความเป็นพงเป็นพี่ไม่ต้องให้มันแล้ว จะจีบสาวทั้งทีแม่งใช้วิธีตํ่าๆ โคตรไร้ศักดิ์ศรี แถมยังเอากูไปพูดเชี่ยๆ แบบนั้นอีก ปีหน้าธามอาจจะมาเรียนที่นี่ ถึงเวลานั้นถ้าธามได้ยินข่าวลือบ้าๆ นี่แล้วเกิดเชื่อ ธามจะเห็นผมคนเป็นยังไง คนเลวชัดๆ ตบะคนดีที่ผมสั่งสมไว้แม่งคงได้พังทลายเพราะลมปากเน่าๆ ของมัน
“ไอ้เชี่ยโบ้ท!!” ผมหมุนพวงมาลัยเลี้ยวกลับทางเดิมทันที เสียงล้อรถบดกับพื้นถนนดังชวนเสียวไส้ ผมรู้ว่ามันยังไม่กลับแน่ๆ มันต้องยังอยู่ที่นั่น ..ที่ห้องประชุมสนามกีฬากลาง งานนี้ต้องมีเลือด..
.
.
.
