บท
ตั้งค่า

04 การจากกัน

.

.

มาม๊ากับป้าป้าของธามผลัดกันขึ้นมาดูแลผมอย่างดี ผมมีหน้าที่แค่กินกับนอน พอตื่น เบื่อๆ ก็ลุกอย่างยากลําบากไปหยิบการ์ตูนบนชั้นมาอ่าน เป็นการ์ตูนที่ผมกับธามเอามาจัดไว้ เราชอบอ่านการ์ตูนเรื่องเดียวกัน อย่างวันพีช นารุโตะ บลีช คินดะอิจิ โคนัน เราจะนั่งดูการ์ตูนอนิเมะด้วยกันหลังทำการบ้านเสร็จ ไม่ก็นอนอ่านการ์ตูนบนเตียง ผมกับธามอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลาเว้นแค่เวลาเข้าห้องเรียนหรือเวลาที่เราจะต้องอยู่ในโลกของตัวเองบ้างอย่างตอนเข้าห้องน้ำ ผมว่านี่คือช่วงเวลาที่โคตรดี มีคนที่คุยภาษาเดียวกัน สนใจในเรื่องเดียวกัน แชร์เวลาสนุกด้วยกัน แต่พอธามขึ้นมอหนึ่ง ธามมีเวลาให้ผมน้อยลง เพราะต้องปรับตัวเข้ากับเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ การเรียนแบบใหม่ๆ ไหนจะเรียนพิเศษ ทำกิจกรรม ผมรู้แล้วก็เข้าใจเพราะผ่านมาก่อน แต่ต่างกันตรงที่ผมไม่เคยคิดจะเข้าร่วม หรือทำไรเหมือนกับที่ธามทำ แค่เข้าเรียนกับเล่นบอลก็พอ ส่วนผม..พอขึ้นมอสามก็โดนย้ายจากห้องเด็กเก่งไปเรียนอยู่ในห้องที่มีพวกเด็กเกเรกว่าครึ่ง ผมเป็นเด็กใหม่หน้าละอ่อนร่างยักษ์ที่ดูยียวนในสายตาพวกนั้น หลังเลิกเรียนวันแรกของวันเปิดเทอม ผมเลยโดนนัดเจอหลังโรงเรียนตามสูตร

“หนึ่งต่อหนึ่ง” พวกนั้นบอก

“...” ผมไม่ตอบอะไร แค่ปล่อยให้สัญชาตญาณการเอาตัวรอดจากหมัดและตีนมันทำงานไปเองตามธรรมชาติ

ครึ่งชั่วโมงให้หลัง ผมก็กลายเป็นคนที่พวกนั้นยอมรับและเคารพ ผมรู้สึกดี การได้เป็นผู้นำในคนกลุ่มๆนึง มันทำให้ผมศรัทธาในตัวเองแล้วก็ภูมิใจกับการอยู่ในกลุ่มก้อนที่ให้ความเชื่อมั่นในตัวผม ..ผมถลำลึก ผมกลายเป็นพลเมืองคนสำคัญของกลุ่มเด็กเกเรประจำโรงเรียน ใครมีเรื่อง มีปัญหาทะเลาะวิวาทที่ไหนกับใคร ผมเป็นต้องโดดเข้าไปร่วม มันคือความกระหายเลือดของวัยรุ่น ชัยชนะที่รออยู่ข้างหน้าคือรางวัลตอบแทนที่แลกมาด้วยความเจ็บปวด เสียงเยินยอจากคนร่วมสถาบันยิ่งโหมความกล้าบ้าบิ่นให้มีมากขึ้นในทุกครั้งที่ทำศึก และสุดท้ายผมก็ลืมว่าช่วงเวลาความสุขที่แท้จริงคือตอนไหนกันแน่

Rrrrr

“ค่ะ แม่ของธัญญ์ค่ะ” เสียงของมาม๊าดังอยู่ไม่ไกลจากห้องของธาม

“ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลไหนคะ!! ค่ะ ค่ะ จะรีบไปด่วนเลยค่ะ ฝากดูแลธามด้วยนะคะคุณครู” เสียงของมาม๊าฟังดูทั้งตกใจ กระวนกระวาย ..ต้องเกิดเรื่องแน่ ผมรีบกะเผลกไปที่ประตูแล้วเงี่ยหูฟัง

“อาหมวยเอารถออก อาเจ็งเร็วเข้า!!” มาม๊าร้องเรียกป้าป้าของธามเสียงดังลั่นบ้าน

“มาม๊าครับ เกิดอะไรขึ้น” ผมตะโกนลงจากบันไดชั้นสอง ขณะที่สองเท้าค่อยๆ เดินลงบันได มาม๊าเงยหน้าขึ้นมามองผม มาม๊าหน้าซีดไร้สี ดวงตาแดงก่ำใกล้ร้องไห้

“ธามมมม ธามมมม ครูโทรมาให้มาม๊ารีบไป อยู่โรงพยาบาล บอกว่าเจอพวกเด็กโรงเรียนอื่น ธามเดินอยู่หน้าโรงเรียน แล้ว แล้วก็..” มาม๊าตอบไม่เป็นภาษา ผมรีบเดินลงบันไดไปจับมือมาม๊าไว้ มือมาม๊าของธามเย็นเฉียบ

“ผมไปด้วยนะ”

“...” มาม๊าพยักหน้า

พวกเราใช้เวลาอยู่บนรถแค่สิบห้านาที แต่เป็นสิบห้านาทีที่แสนยาวนาน ผมเห็นน้ำตาของมาม๊าจากที่นั่งด้านหลังผ่านกระจกมองข้าง ปกติมาม๊าของธามจะเป็นคนที่แกร่งที่สุดในบ้านถึงจะเป็นน้องคนเล็ก ส่วนป้าหมวยกำลังตัวสั่น ขับรถไปด่าการจราจรไปทั้งที่ปกติเป็นคนใจเย็นที่สุดในบ้าน ส่วนป้าเจ็งที่นั่งข้างผม ก็เอาแต่หลับตาสวดภาวนาอะไรสักอย่างอยู่ในใจ ขณะที่ผมเอง ..กำลังนั่งจินตนาการภาพของธามในหัว ..กลัว ผมกลัวจินตนาการของตัวเอง

“คุณแม่ของธามใช่ไหมคะ”

“ใช่ค่ะธามเป็นยังไงบ้างคะ!”

“อาธามไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมคะ!!”

“อาธามฟื้นแล้วใช่ไหม!!!”

มาม๊ากับป้าป้าของธามส่งเสียงถามครูโดยไม่คิดเปิดโอกาสให้คุณครูได้ตอบ

“คือ..” คุณครูชี้ไปที่รถเข็นนอนที่บุรุษพยาบาลคนหนึ่งกำลังเข็นมา

“ธามมมมมมมม!!! ฮือออออ ธามของม๊าาา”

“อาธามมมมมม!!!!”

“อาธามมมมมม!!!!”

มาม๊ากับป้าป้าของธามกรีดร้องเสียงหลงแหลมปานจะขาดใจขณะโผตัวไปที่ร่างบนเตียงนั้น ..ผมยืนนิ่งมองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ เวลาของโลกมันหยุด ทุกสิ่งรอบๆตัวไม่เคลื่อนไหว แม้แต่ภาพของมาม๊ากับป้าป้าของธามยังกลายเป็นภาพฟิล์มขาวดำที่ไม่มีเสียงผมเดินเข้าไปใกล้เตียงที่ธามนอนอยู่ผมยืนมองร่างที่ไม่ไหวติง..

ธาม.. “เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร”

ผม.. “ตาต่อตาฟันต่อฟัน”

ธาม.. “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”

ผม.. “แก้แค้นสิบปีไม่สาย”

บทสนทนาที่เราเคยโต้เถียงกันเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่เราไม่ได้เจอหน้ากันหลายวัน เพราะผมมัวแต่ยกพวกไปตีกับอริ

ธาม.. “ระวังไว้นะ กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นจะตามคืนสนอง”

..กรรมควรมาสนอง มาลงที่ผม ไม่ใช่กับเด็กดีอย่างธาม..ธามไม่น่าจะมารู้จักกับคนอย่างผม.. ธามไม่ควรต้องมา..ตาย ..เพราะความเลวของผม

ภาพของธามเริ่มเบลอ ผมมองธามไม่ชัด คงเป็นเพราะตาของผมมันยังบวมปิด หรือไม่ก็เพราะม่านน้ำตาที่ไหลนองท่วมอยู่เต็มสองตาผมเอื้อมมือไปจับมือของธาม ..มือเล็กนั้นเย็นเยียบ

..ผมเสียธามไปแล้ว

ภาพความทรงจำที่ผมเคยคิดว่านั่นแหละคือความสุขที่แท้จริงย้อนกลับมาในความคิด

ผมย้อนเวลากลับไปได้ไหม..กลับไปนั่งอ่านการ์ตูนกับธามเหมือนที่เราทำเป็นประจำ..กลับไปมีช่วงเวลาที่ได้อยู่กันแค่สองคน..ผมกับธาม มันคือความสุขจริงๆที่ผมมีมาตลอด ..มันเคยมีผมลืมมันไปได้ยังไง ตอนนี้ผมจำได้แล้ว และขอมันคืนได้ไหม ..ขอธามคืนกลับมาให้ผม

“ปรินซ์”

..ผมได้ยินเสียงของธามที่ผมกำลังจินตนาการถึง

“ปรินซ์”

..เป็นไปได้ไหมที่ผมจะได้ยินเสียงของธามอีกสักครั้ง

“ปรินซ์”

..เสียงเรียกของธามที่ผมโหยหายังคงดังอยู่

“ไอ้ปรินซ์!! ปล่อยมือได้แล้ววววว”

เสียงของธาม..ธามกำลังเรียกผมจริงๆ! นี่ผมกำลังฝันไป หรือว่าสวรรค์ต่อเวลาให้ผมได้มีช่วงเวลาสุดท้ายกับธามผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าของคนที่นอนอยู่ แม้มันจะยังไร้ซึ่งสีเลือดแต่มันก็ยังแสดงถึงความมีชีวิตผมไม่ได้ฝัน.. ธามของผมกลับมาผมปาดน้ำตาที่อาบท่วมหน้าจับมือของธามไว้แน่น ทั้งที่เจ้าของมือเพิ่งบอกให้ผมปล่อย ไม่.. ผมจะไม่ปล่อยมือนี้ แค่ห้านาทีที่ผมรู้ว่าธามหายไปจากชีวิต ผมก็รู้สึกไม่อยากมีชีวิตต่อแล้ว ..ผมกลัว กลัวว่าถ้าปล่อยมือเล็กนี้ไป ดวงวิญญาณของธามจะหลุดหายออกไปอีก

“คือว่าธามแค่สลบไปน่ะค่ะคุณแม่ แต่เพื่อนอีกคนของธามโดนตีหัวแตก โชคดีมีคุณตำรวจผ่านมา เหตุการณ์ก็เลยไม่บานปลายค่ะ”

ขณะที่มาม๊ากับป้าๆของธามยกมือกล่าวขอบคุณคุณพระคุณเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองธาม ผมกลับเอาแต่มองธาม ธามเองก็มองผม เรามองกันและกัน ผมไม่คิดจะหลบตาคู่งามคู่นี้ เพิ่งรู้ว่าคิดถึงมันใต้เปลือกตาของเจ้าของมากแค่ไหน ธามยิ้มจางให้ผม เหมือนกำลังบอกผมว่า ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้ว เลิกร้องได้แล้ว เพราะธามพยายามเอื้อมมือที่ไร้แรงขึ้นแตะบนใบหน้าของผม..

“เกิดอะไรขึ้นอาเหมย!!” เสียงของป๊าผม ผมหันหลังกลับไปมองทันที ป๊ากับม๊าของผมกำลังเดินตรงมาอย่างรีบร้อน

“อั๊วไปหาพวกลื้อที่บ้าน แต่อาเต็ง (ข้างบ้าน) บอกว่าอาธามอยู่โรงพยาบาล อั๊วเลยรีบตามมา อาธามเป็นอะไรมากไหม” ม๊าของผมถามแม่ของธามโดยที่ยังไม่ทันสังเกตเห็นผม

“..อาธามแค่สลบ ตอนนี้ฟื้นแล้ว”

“ค่อยยังชั่ว” ป๊าม๊าของผมถอนหายใจ แล้ววินาทีนั้นเองที่ป๊าสังเกตเห็นผม ..ผมในสภาพยับเยิน ตาบวมแทบปิด น้ำหูน้ำตาไหลอาบสองแก้ม รอยช้ำ และรอยตีนที่เสื้อผ้าปกปิดไม่มิด

.

“ผมจะไม่ย้ายไปไหน!!!!” ผมในวัยสิบห้ากําลังยืนกัดริมฝีปากแน่นเพื่อข่มไม่ให้นํ้าตาไหลออกมาไปมากกว่านี้ ..มันเป็นเรื่องน่าอาย ที่ลูกผู้ชายอย่างผม กําลังต่อรองกับพ่อแม่ในเรื่องที่ผมควบคุมไม่ได้ ผมรู้แค่ผมไม่อยากไปจากที่นี่!!

“พอกันที อั๊วจะไม่ยอมให้ลื้อทำตัวไม่รู้จักโตแบบนี้อีกแล้ว อั๊วเหนื่อยที่จะตีลื้อ อาทิตย์หน้าเราจะย้ายบ้าน ลื้อต้องย้ายโรงเรียน อั๊วจะส่งลื้อไปเรียนต่อเมืองนอก!!” ป๊าพูดกับผมหลังจากพาผมเดินห่างออกมาจากธาม ..ไกลพอที่จะไม่มีใครได้ยิน

“...” ผมช็อก ผมเพิ่งรู้ตัวว่าต้องการอะไร แม้ผมจะยังไม่มีข้อสรุปที่ดีให้กับความรู้สึกที่เป็นอยู่แต่แล้วจู่ๆ ป๊าก็ใช้สิทธิ์ความเป็นพ่อมาทำให้ทุกอย่างมันจบ ทั้งที่ผมยังไม่ได้เริ่ม ตอนนี้ผมต้องการเวลาปรับปรุงตัว ผมต้องการทวงเวลาที่ผมไม่ได้มีร่วมกับธามคืน และผมต้องอยู่..เพื่อดูแลปกป้องธาม..คนของผม

“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น! ผมจะอยู่ข้างบ้านธาม! ผมจะเรียนโรงเรียนเดียวกับธาม! จะอยู่ดูแลธาม! ผมจะ..อยู่กับธาม!!!” ผมตะโกนใส่หน้าป๊า อาจจะเพราะผมเพิ่งผ่านวินาทีเป็นตายของธามมา มันเลยทำให้ผมเพิ่งรู้ตัวดีมากว่าธามสำคัญกับผมมากแค่ไหน

“...”

“..เพราะธาม ธาม..” น้ำตาของผมมันไหลหลากอย่างสุดกลั้น กรรมกำลังตามสนองผม ถ้าผมไม่ทำตัวเลวๆ เวลานี้ผมกับธามน่าจะดูการ์ตูนอยู่ด้วยกันสักเรื่อง ไม่ก็อยู่ที่สนามบอลของโรงเรียน ผมเตะบอลอยู่กลางสนาม ส่วนธามก็นั่งเชียร์ผมอยู่ข้างสนาม

“ทำไม.. ทำไมต้องธาม” ป๊าถามเสียงอ่อนลง ผมรู้ดีว่าป๊าเอ็นดูธามมาก เพราะธามเป็นเด็กดี หัวอ่อน แต่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ ป๊าเคยบอกว่า ถ้าประชากรบนโลกรู้จักคิด รู้จักผิดชอบแบบเด็กอย่างธาม โลกเราคงไม่วุ่นวายขนาดนี้

“ลื้อก็แค่ไลน์คุยกัน วิดีโอคอลหากัน..”

“...”

“...”

“ป๊า.. ผมขอ” ผมมองหน้าป๊าอย่างที่ไม่เคยมองมาก่อนในชีวิตผมกำลังอ้อนวอนผู้ชายตรงหน้าที่ผมไม่เคยศรัทธา

“ลื้อ.. คิดอะไรกับธาม”

“...” ผมตกใจกับคำถามของป๊า

“ลื้อ.. คิดอะไรกับธาม ลื้อเห็นธามเป็นอะไร”

“...”

“ลื้อเห็นธามเป็นน้อง.. หรือลื้อ..”

“ผมไม่รู้ ตอนนี้ผมรู้แค่ว่า ผมอยากอยู่กับธาม ผมอยากดูแลธาม”

“...”

ป๊าถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพูด “ลื้อรู้ใช่ไหม ในโลกของการค้าขาย กำไรจะได้มาก็จากการลงทุน อั๊วอยากจะลองลงทุนกับความรู้สึกที่ลื้อมีในตอนนี้ กับสิ่งที่ลื้อพูดออกมา แล้วลื้อจะกล้าลงทุนด้วยสิ่งที่ลื้อมีตอนนี้ไหม เพื่อแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่อั๊วจะได้จากลื้อ”

“...” ผมยังไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ป๊าพูด ผมเป็นแค่เด็กมอสามที่หันหลังให้การเรียนมาเกือบปี สอบก็แค่พอให้ไม่ตก จุดประสงค์ของป๊าคืออะไรกันแน่ ผมต้องแลกเปลี่ยนอะไรกับป๊า ป๊าจะได้กำไรอะไรจากผม แล้วผมล่ะจะได้กําไร หรือขาดทุน..

.

ผมคุยกับป๊าต่อเนื่องอยู่สองวันหลังจากเหตุการณ์วันนั้น เราคุยกันแบบคนโตๆแล้ว ป๊าบอกเงื่อนไขกับผม ข้อดีข้อเสียข้อได้เปรียบเสียเปรียบ อะไรที่ผมจะต้องเสีย แล้วอะไรคือสิ่งที่ผมจะได้ผมเซ็นสัญญาในเอกสารนั้นทันทีที่ป๊าอธิบายเงื่อนไขทุกข้อจบ

.

“ไม่เกินไปเหรอเฮีย”

“เชื่อป๊าเถอะม๊า ป๊าดูคนออก แล้วนี่ลูกชายตัวเองแท้ๆทำไมป๊าจะดูมันไม่ออก เชื่อใจป๊านะม๊า ทุกอย่างจะดีกับปรินซ์มัน ตอนนี้ป๊าปูทางทุกอย่างให้มันแล้ว เหลือแค่ปรินซ์มันจะทำสำเร็จไหม”

.

.

.

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel