02 คณะนิเทศศาสตร์
เช้าวันนี้แสนสดใส แสงอาทิตย์สาดส่องทะลุม่านขาวละมุน (ที่ป้าๆ เลือกให้) ดวงตาค่อยๆ ปรับโฟกัสสแกนเพดานไปรอบๆ แต่มันยังคงไม่ค่อยชัด อาจเพราะขี้ตา ผมขยี้เบาๆ หวังว่าจะดีขึ้น
ที่นี่ไม่ใช่บ้าน
ที่นี่ไม่มีม๊า ไม่มีป้าๆ
ที่นี่ไม่มีนาฬิกาปลุก (ยังไม่ต้องปลุก เพราะยังไม่มีเรียน)
แต่ที่ที่นี่มีคืออิสระเสรี!
“เย้” ผมตะโกนเสียงดัง ไม่แคร์หรอกนะว่าเพื่อนข้างห้องจะได้ยินรึเปล่า ก็ผมมันคนที่อยู่ในโลกแคบๆ มาตลอด มีแต่ม๊ากับป้าๆ วันหยุดก็อยู่แต่กับบ้าน จะได้ไปข้างนอกก็ต่อเมื่อปรินซ์มารับ
“ตื่นแล้วเหรอ” ผมหันหน้าแรงไปมองเจ้าของเสียง
“เชี่ย!” ปรินซ์ยืนเช็ดผมอยู่หน้าห้องน้ำ มีผ้าเช็ดตัวอีกผืนพันปิดส่วนล่างอยู่อย่างลวกๆ แผงอกของปรินซ์ขาวนวลเนียนไร้ตำหนิ ถึงตาจะสะดุดเข้ากับท่อนแขนที่มีสองสี เพราะต้องเตะบอลตากแดดกลางสนาม ถึงอย่างนั้นกล้ามเนื้อใต้ร่มผ้าก็ยังขาวชวนมองอยู่ดี ถ้ากูเป็นผู้หญิงคงกรี๊ดสลบไปแล้ว ไม่ดิ เผลอๆ ไอ้บอสก็กรี๊ด
“ทำไมมาอยู่นี่”
ปรินซ์ไม่ตอบแต่กลับเดินเข้ามาขยี้หัวผมเบาๆ แล้วนั่งลงข้างๆ กลิ่นหอมแชมพูชวนสดชื่น
“ธามกินอิ่มก็ง่วงหลับคาโต๊ะ ปลุกยังไงก็ไม่ยอมตื่น”
“แล้วไอ้บอส..”
“บอสช่วยจับธามขึ้นหลังพี่ ส่งขึ้นรถเสร็จก็ขอตัวเลย”
“แล้วทำไมปรินซ์ไม่กลับห้อง”
“พี่อยู่ด้วยไม่ได้? อย่าลืมนะว่าอยู่นี่ พี่เป็นผู้ปกครองของธาม”
“เออๆ อยู่ก็อยู่ ไอ้ผู้ปกครองขี้เบ่ง”
.
..ปรินซ์
“เออๆ อยู่ก็อยู่ ไอ้ผู้ปกครองขี้เบ่ง”
ผมมองธามที่ลุกเดินไปห้องน้ำด้วยท่าทีหงุดหงิด ต่างจากผมที่กำลังนั่งยิ้มมองธาม..น้องข้างบ้าน ที่อีกไม่นานสถานะระหว่างผมกับธามจะไม่ใช่พี่ไม่ใช่น้องอีกต่อไป เพราะผมจะคบธามในฐานะ..แฟน
ผมปรินซ์-อชิระ ผมแอบชอบธามมานาน นานจนบางทีก็อดรู้สึกชื่นชมตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงได้มั่นคงในความรักของตัวเองขนาดนี้ ทั้งที่ต้องอดทนรอให้ธามโตพอที่จะรับรู้ความรู้สึกของผมได้ มันเป็นการรอคอยโดยที่ห้ามคาดหวัง รอแบบไม่มีเงื่อนไขผูกมัด การเฝ้ามองคนที่ตัวเองรักอยู่ใกล้ๆ คงไม่ต่างอะไรจากงูจงอางที่หวงไข่ ผมไม่ได้เปรียบความรักของตัวเองว่าเหมือนความรักของแม่ที่มีต่อลูกนะ แค่อยากจะยืมเลเวลความหวงของแม่จงอางที่มีต่อไข่ของตัวเองเท่านั้น
“ตอนเย็นไม่ต้องมารับนะ กลับเองได้” ธามบอกผมเมื่อรถของผมจอดเทียบริมฟุตบาทด้านข้างตึกของคณะนิเทศศาสตร์
“...” ผมไม่ตอบ แค่ยิ้มเย็นมุมปาก ..ธามห้ามพี่ไม่ได้หรอก
.
.
..คณะนิเทศศาสตร์
..ธาม
“สวัสดีจ้า ลงชื่อตรงนี้ได้เลย”
“น้องธาม สายรหัส 153 หนูไปนั่งรวมกับเพื่อนตรงโน้นได้เลย มีน้ำกับขนมให้กินนะ” พี่ปีสองคนนึงบอกผม จริงๆ ผมยังอิ่มจากข้าวเช้าที่ปรินซ์พาผมไปกินก่อนมาคณะ ผมเลยรับแค่น้ำจากพี่ๆ ที่โต๊ะสวัสดิการ
บรรยากาศของการรับน้องแรกเข้าสนุกมาก รุ่นพี่มาเต็มคณะ มีสันทนาการ มีประธานเชียร์นำเชียร์นำเต้นอย่างไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย ไม่เพราะฤทธิ์เอ็ม150 ก็คงเพราะที่นี่คือคณะนิเทศศาสตร์ คณะที่มีแต่ความสดใส เปี่ยมไปด้วยพลังงานติดนิดเดียวตรงที่ประชากรผู้ชายอย่างผมค่อนข้างจะน้อย แต่ก็เป็นข้อดีให้เราชาวแมนๆ รวมตัวกันได้อย่างรวดเร็ว ออกแนวรวมกันเราอยู่ แยกอยู่เราจะหากันไม่เจอ 1234
“เอาล่ะน้องๆ คะ พรุ่งนี้เราจะมาเจอกันที่ใต้ตึกเวลาเดิม แต่ว่าพรุ่งนี้เราจะมีกิจกรรมพิเศษเพิ่มขึ้นมา นั่นก็คือ พี่จะให้น้องๆ แต่งชุดเข้ากับตีมของละครเวทีคณะที่จะมีขึ้นในปีนี้ นั่นก็คือ ‘หว่ออ้ายหนี่ ศึกรักพิทักษ์เธอ’ ” พี่ปาน ประธานเชียร์ปีสามพูดพร้อมกับมองหน้าน้องเกือบสองร้อยชีวิตที่นั่งเหงื่อเหม็นเต็มใต้ถุนตึก
“แค่ชื่อก็รู้แล้วนะว่าเป็นละครสัญชาติจีน ดังนั้น ตีมของการแต่งกายเพื่อเข้ากิจกรรมพรุ่งนี้คือลุคจีน จะแต่งยังไงก็ได้ ออ ถ้าแต่งดี แต่งโดน มีรางวัลนะ” คำประกาศของพี่ปานเรียกเสียงฮือฮาจากพวกเราทั่วใต้ถุน
“เอาล่ะๆ เงียบกันก่อน พรุ่งนี้คงต้องกลับดึกกัน ถ้าไงพี่ขอให้น้องๆ แจ้งผู้ปกครองด้วย พี่ขอจบกิจกรรมรับน้องของวันนี้เพียงเท่านี้ แยกย้ายกันพักผ่อนได้จ้า”
“น้องธามกลับยังไงลูก” พี่บีบี้ พี่ปีสองสาวสวยในร่างสูงทักผม ถ้าพี่บีบี้ไม่ส่งเสียงออกมา ให้ตายเหอะ ผมคงตกหลุมรักพี่แกแน่ๆ สวยหยาดเยิ้ม ดวงตาคู่หวานชวนมอง ต่อให้สูงกว่าผมจนต้องแหงนมองก็ไม่หวั่นนะ
“เดี๋ยวผมเดินกลับหอน่ะครับ”
“อยู่หอในนี่เอง ให้พี่ไปส่งไหม แต่ไปหาอะไรกินกันก่อน”
“เห้ย ไม่เป็นไรครับพี่” ทำไมต้องมาเอ็นดูผมออกนอกหน้าด้วยละเนี่ย เอ๊ะ หรือว่าพี่เขาจะเป็นพี่รหัสผม 1234 ..คณะผมมีธรรมเนียมปฏิบัติมาช้านานก็คือการปกปิดตัวตนของพี่รหัสเป็นความลับกับน้อง
“พวกพี่เขาอยากให้น้องรู้กันเองว่าใครเป็นพี่รหัสพวกเราแม่งต้องแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่คู่ควร ถ้าพวกเราหาพี่เขาเจอก่อนวันเฉลย พี่เขาก็จะเป็นปลื้มมม” บรีส ..หนึ่งในเพื่อนใหม่ของผมบอกไว้
“เอ่อพี่ ผมเปลี่ยนใจล่ะ” โห กว่ากูจะคิดได้ พี่บีบี้เขาหน้าสลดเป็นผักข้ามวันไปล่ะ
“ดีเลย งั้นไปร้านซำบายเป๋ากัน”
ร้านเดิมที่ปรินซ์พาไปเมื่อวาน ..ไม่มีร้านอื่นรึไง “ได้หมดครับพี่”
“พี่ขอชวนเพื่อนไปอีกสองคนนะ”
“...”
“ธาม” เสียงเรียกคุ้นๆ ดังมาจากอีกฟากของใต้ถุน ปรินซ์มา.. มาทำไม
“มารับ” ปรินซ์ตอบหยั่งกับได้ยินว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่
“กรี๊ดดดดด พี่ปรินซ์ซ์ซ์” พี่บีบี้ร้องเสียงหลง “พี่ปรินซ์มานี่มีอะไรรึเปล่าเอ่ย” เสียงพี่แกแม่งอ่อนนุ่มกว่าตอนคุยกับผมยี่สิบเท่า
“มารับน้องน่ะ”
“กรี๊ดดดด น้องของพี่ปรินซ์อยู่คณะนี้เหรอ คนไหน เดี๋ยวบีบี้จะดูแลอย่างดี”
ปรินซ์เอานิ้วชี้มาที่ผม
“ออออ น้องธามมมม โอ้ยยย ต่อให้ไม่ใช่น้องของพี่ปรินซ์ บีบี้ก็ว่าจะดูแลอย่างดีอยู่แล้ว คนอะไรหน้าตาน่าเอ็นดู นี่ก็ว่าจะจีบน้องไปเป็นลีดอยู่น้า”
“ไม่ต้องดูแลเป็นพิเศษหรอก”
“ได้ไงเล่า” พูดไป พี่บีบี้ก็บิดไป
“งั้นพี่ขอตัวก่อนนะ” ปรินซ์ส่งสัญญาณให้ผมเดินตาม
“ต้องไปกินข้าวกับพี่บีบี้” ผมบอกคนตัวสูงกว่าทันทีปรินซ์ส่งสายตาเย็นยะเยือกมาให้ผม
“กลับยังไง”
“เดี๋ยวบีบี้ไปส่งเอง พี่ปรินซ์ไปกินด้วยกันไหม” พี่บีบี้ส่งสายตาออดอ้อนปรินซ์ไม่สนใจแต่กลับเอาแต่มองมาที่ผม
“ตามใจ” แล้วปรินซ์ก็เดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ข้างคณะ
เชี่ย เย็นชาฉิบ
“งั้นเราไปกันเถอะน้องธาม” พี่บีบี้เก็บหน้าที่โคตรเหวออย่างรวดเร็ว ปั้นหน้าแบบว่า ‘ฉันยังโอเค’ มาพูดกับผม
.
..ร้านซำบายเป๋า
โต๊ะเรามีพี่บีบี้ พี่เนท พี่บัว แล้วก็ผมพี่เนทกับพี่บัวเป็นสองสาวสวยดีกรีลีดคณะ สวยของจริง ขนาดว่าหน้าพี่เขามีแค่เครื่องสำอางบางๆ แสงไฟในร้านก็สว่างแค่สลัวผมเนียนมองหน้าพี่ๆ เขาที่นั่งฝั่งตรงข้ามอย่างเจตนา มองสลับไปสลับมา ..ฟิน
“นะน้องธาม มาเป็นลีดให้พวกพี่เถอะ”
บทสนทนาหลักระหว่างรออาหารก็คือการชวนผมไปเป็นลีดของคณะ ผมเนี่ยนะ! แต่ก็พอเดาได้แหละว่าทําไมต้องเป็นผม ก็คณะนี้มีประชากรผู้ชายน้อย ตัวเลือกก็เลยน้อย
“ไม่ไหวหรอกพี่ เดี๋ยวได้อับอายกันทั้งคณะ” ผมรู้ตัวดี ร่างกายก็ไม่ได้สตรองถึงขนาดให้ไปยืนทนแดดทนฝนกลางสนามได้ เรื่องออกท่าทางนับจังหวะยิ่งไม่ต้องพูดถึง สกิลต่ำเตี้ยเรี่ยพื้นราบ
“หน้าหนูผ่านเลยลูก ส่วนเรื่องท่า เรื่องสเต็ป ของมันฝึกกันได้” พี่บีบี้พูดไปก็เอามือมาไล้ๆตรงไหล่ผมไป
“ใช่เลยน้องธาม พวกพี่ก็ไม่มีใครเคยเป็นนะ ก็แค่ต้องฝึกแล้วก็ฝึก มันเป็นเกียรตินะ เป็นหน้าตาคณะด้วย” พี่บัวพูดพลางเอื้อมมือมาจับมือผมที่ถือช้อนอยู่บนโต๊ะ
“เอ่อ”
“ยังไม่ต้องให้คําตอบพวกพี่ก็ได้ เก็บไปคิดนะ พี่ให้เวลาอาทิตย์นึงไปตัดสินใจ”
“ว่าแต่ธามเป็นน้องแท้ๆ ของพี่ปรินซ์เหรอ” พี่เนทถาม ถ้าผมมองไม่ผิด พี่แกกำลังเขิน เพราะนอกจากหน้าจะแดงแล้ว พี่เนทยังเอานิ้วเรียวพันปลายผมม้วนไปม้วนมาอีก ..โคตรน่ารัก
“ไม่ใช่น้องแท้ๆหรอกครับ”
“ก็ว่าอยู่ แค่ขาวเหมือนกันสินะ” พี่บีบี้พูดไม่พอยังกลอกตาสแกนร่างกายของผมด้วย
ขนลุกกกกกกกก ไม่ใช่ผมไม่เคยเผชิญสถานการณ์นี้มาก่อน ตอนอยู่โรงเรียนเพื่อนสาวก็เยอะ ผมชอบด้วยซ้ำเพราะดูมีความจริงใจดี เลยไม่ได้รังเกียจอะไร แต่พวกมันแค่แซะผมเล่นไง ไม่ได้ดูเอาจริงเหมือนพี่บีบี้
“เอ่อ ผมว่าพวกเรากลับกันเลยไหมครับ พอดีเมทรอผมไปเปิดประตูให้น่ะครับพี่” ดีที่กินกันเสร็จพอดี ถ้าอยู่นานกว่านี้มึงเสร็จพี่บีบี้แน่ แต่ที่แย่กว่านั้นคือมึงกำลังโกหกอยู่ ถึงจะโกหกเพื่อเอาตัวรอดก็เหอะ ..ผิดข้อศีลมุสา
“อ่ะ โอเคๆ เอางี้ พี่ไปส่งน้องธามก่อนแล้วกัน พวกแกก็นั่งกินต่อกันไปก่อน” พี่บีบี้บอกเพื่อนสาว
“ไม่เป็นไรพี่ ผมกลับเองได้”
“หอในตั้งไกล ไปๆ เดี๋ยวเมทรอนานนะ”
ผมปฏิเสธยังไงพี่บีบี้ก็ยืนกรานจะไปส่ง ผมเลยยกมือไหว้ลาพี่เนทกับพี่บัวแล้วลุกเดินตามพี่บีบี้
“จะกลับแล้วใช่ไหม”
เสียงเย็นดังลอยมาเข้าหูผมทันทีที่ผมเดินพ้นประตูร้านซำบายเป๋าไอ้ปรินซ์อีกแล้ว!
ไอ้คนตัวสูงกว่าพูดทั้งที่ตัวเองยังติดภารกิจพัวพันอยู่ในวงล้อมของสาวสาวดูมันจะไม่ได้สนใจอะไรใครเท่าไหร่เพราะเล่นเดินผ่ากลางวงออกมาหาผม
“พี่ปรินซ์ เจออีกแล้ว สงสัยเพราะเมื่อเช้าบีบี้ทำบุญมาแน่เลย วันนี้เลยได้เจอตั้งสองครั้ง จะมีครั้งที่สามไหมน้า ในฝันคืนนี้ใช่ไหมเอ่ย” พี่บีบี้พูดทักทายปรินซ์ทันทีที่ปรินซ์เดินมาถึงในระยะได้ยินเสียง
“กลับเลยไหม” ปรินซ์ไม่ตอบพี่บีบี้ แต่กลับหันหน้ามายิงคำถามใส่ผม
“...”
พอปรินซ์เห็นว่าผมไม่ตอบ ปรินซ์เลยหันไปเปิดบทสนทนากับพี่บีบี้ “เอ่อน้อง..”
“บีบี้ค่ะ” พี่บีบี้ยิ้มหวานตอบ
“ออ น้องบีบี้ ถ้าไงพี่ขอพาคนของพี่กลับก่อนนะ”
“..คนของพี่ปรินซ์..เหรอคะ”
“…” ปรินซ์ยิ้มรับคำ ส่วนผมก็ยืนยิ้มเจื่อนๆ ‘คนของพี่’ หมายถึงผมงั้นเหรอ? ผมมองพี่บีบี้ที่กำลังทำหน้าไม่เข้าใจ ผมรู้ในทันทีว่าพี่เขาคิดอะไรอยู่
“ผมเป็นแค่น้องข้างบ้านที่โตมาด้วยกันกับปรินซ์น่ะพี่บีบี้ เราเลยค่อนข้างสนิทกัน ปรินซ์ก็ไม่มีน้อง ผมเลยเป็นของเล่นของปรินซ์มาตลอดน่ะครับ พี่บีบี้อย่าคิดไปไกล”
“อออออ อย่างนี้นี่เอง” พี่บีบี้พยักหน้าอย่างพยายามเข้าใจ
“งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับพี่บีบี้ สวัสดีครับ” ผมลากปรินซ์เดินห่างจากพี่บีบี้อย่างเร็ว จะไม่รอให้ปรินซ์พูดอะไรคลุมเครือจนเป็นมลทินให้กับตัวผมได้อีก ผมรีบจ้ำอย่างไว ไอ้คนตัวสูงกว่าก็ยอมเดินตามมาโดยดี พอถึงลานจอดรถ ผมก็เดินไปหยุดหอบที่รถปรินซ์ทันที ผมจำได้อยู่แล้วว่ารถของปรินซ์คันไหน
“ไมพูดแบบนั้นวะ”
“...”
“มึงพูดเหมือนกับว่ากูกับมึงเป็นอะไรกัน ถ้าพี่บีบี้เขาเข้าใจแบบนั้นแล้วถ้าเขาไปบอกต่อล่ะ กูไม่ต้องมานั่งรับมือกับแฟนคลับของมึงรึไง” รู้เลยว่าตัวเองกำลังโมโหไอ้คนตัวสูงกว่าจริงๆ ผมอาจจะคิดมากเกินไปก็ได้ แต่ไม่ว่าจะยังไง ..คิดมากก็ดีกว่าคิดน้อย
ปรินซ์ไม่ตอบแถมยิ้มมุมปาก เอามือหนักๆ มาขยี้หัวผมหนึ่งที แล้วก็กดรีโมทรถ เปิดประตูให้ผมขึ้นไปนั่ง ใครจะไปยอมกลับกับไอ้คนที่เพิ่งสร้างปัญหาให้วะ..แต่ถ้ากลับเองก็ต้องเดินอีกไม่ต่ำกว่ายี่สิบนาที ถ้าจะรอแท็กซี่ก็น่าจะนาน เปลืองตังอีกตังหากเออ.. ขึ้นรถไอ้ปรินซ์ก็ได้วะ
“ทำไมนั่งข้างหลัง” ปรินซ์ถามผมทันทีเมื่อผมหย่อนก้นลงนั่งบนเบาะนุ่มด้านหลังราวกับเป็นเจ้าของรถที่มีสารถีส่วนตัวคอยขับรถรับส่ง
“ก็จะนั่งข้างหลัง”
“จะมานั่งข้างหน้าดีๆ หรือจะให้พี่โทรหามาม๊าครับ” น้ำเสียงอ่อนโยนแถมยังคำลงท้ายแบบนั้นของไอ้ปรินซ์ทำผมขนลุก ไหนจะดวงตาคู่คมที่มองผ่านกระจกหน้ารถนั่นอีก
“..อย่าเอาม๊ามาอ้าง ตอนนี้ม๊านอนแล้ว”
ถึงผมจะพูดแบบนั้น แต่ปรินซ์มันก็ยังหยิบมือถือสุดแพงของมันขึ้นมามันกดชื่อม๊าบนหน้าจอโทรออกให้ผมเห็นจะจะ
เชี่ยปรินซ์!
รีแอคชั่นของร่างกายผมมันตอบโต้เร็ว เผลอๆ สมองยังไม่ทันได้ออกคำสั่งด้วยซ้ำ ผมพุ่งตัวไปนั่งหน้ารถอย่างไว
ผมแพ้มันจนได้!!
.
.
..หอ
..บอส / ธาม
“หงุดหงิดไรวะไอ้ธาม” ไอ้บอสเพื่อนเลิฟที่กำลังนอนเอกเขนกอยู่บนเตียงถามผมทันทีที่ผมโผล่ตัวเข้าไปในห้อง
“กลับมาได้แล้วเหรอมึง หายหัวไปทั้งคืนเลยนะ ทิ้งเพื่อนอย่างกูได้”
“เออ ก็เมื่อคืนสาวๆรั้งกูไว้ จะใจร้ายไม่สนใจคำขอมันก็จะดูไม่สุภาพบุรุษว่ะ”
“เหรออออ”
“นี่พี่ปรินซ์มาส่งอ่ะดิ”
“เออ มึงรู้ม่ะ ปรินซ์แม่งทำตัวเป็นแม่กูเลย ตามไปรับที่คณะไม่พอ ยังตามไปรับที่ซำบายเป๋าอีก กูโตแล้วนะเว้ย”
“โอยยยยย อิจฉาโว้ยยยยย เทพของโรงเรียนตามรับตามส่งมึง กูอยากมีประสบการณ์นี้บ้าง”
“มึงหยุดทำหน้าเคลิ้มเลย ปรินซ์มันเป็นผู้ชายนะเว้ย มึงจะปลื้มอะไรกันนักกันหนาวะ หรือมึงชอบผู้ชาย”
“เอาจริงๆ ป่ะ หญิงก็ได้ชายก็ดีเว้ย”
“...” ผมอึ้งกับคำตอบของมัน
“ไอ้ธาม นี่มันยุคไหนแล้ว ยุคนี้ความรักมันไม่จำกัดเพศแล้วโว้ย”
“แต่การขยายเผ่าพันธุ์จะไม่เกิดขึ้นถ้าเพศเดียวกันแม่งได้กันเอง ..ไหมวะ”
“หลอดแก้วก็ได้ไหมมึง แม่อุ้มบุญก็มี อีกอย่างตอนนี้ปริมาณมนุษย์ก็ล้นโลกแล้วคนยิ่งเยอะคุณภาพชีวิตก็ยิ่งแย่ ทรัพยากรก็ร่อยหรอ ไงมึง คล้อยตามกูเลยไหม”
“...”
“ไอ้ธาม ความรักน่ะ มึงเลือกไม่ได้หรอกว่ามันจะเกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่ กับใคร มันเป็นเรื่องของหัวใจที่บางทีมึงเอาเหตุผลจากสมองมาอ้างอิงไม่ได้”
“…”
“และมึง อย่ามาทําเป็นรําคาญพี่ปรินซ์เด็ดขาด มึงต้องไม่ลืมว่าพี่ปรินซ์คือแรร์ไอเท็ม ใครได้พี่ปรินซ์ไปครองคือปรินซ์เซสเลยนะเว้ยยยยย”
“ปรินซ์เซสเชี่ยไร กูไม่ขำ”
“ก็ม๊าสั่งพี่เขามา มึงจะคิดไรเยอะวะ”
“แต่กูว่ามันเยอะไปไง”
“เดี๋ยวเปิดเทอม เขาก็ไม่ว่างมาดูแลปรินซ์เซสอย่างมึงแล้ว มึงอย่ามาบ่นคิดถึงพี่เขาให้กูได้ยินก็แล้วกัน”
..มึงจะไม่มีวันได้ยินแน่นอน
.
.
.
