บทที่ 10 ระยะทำใจ
“เอาตามนี้นะ ซานอย่าลืมไปเขียนใบเบิกอุปกรณ์ ซินส่งเรฟตามที่คุยกันมาภายในพรุ่งนี้ เยลลี่คุยเรื่องโทนกับเสือแล้วส่งแบบคอสตูมมาให้กูด้วย ไม่เอาด้นสดหน้างานแบบครั้งที่แล้วนะ ได้ไซส์นักแสดงเมื่อไหร่ก็รีบหาชุดเลย”
ยีนส์สรุปการประชุม พวกเขามีเวลาเตรียมงานกันไม่มากก่อนที่จะต้องออกกองถ่าย ทุกคนพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะเดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะพี่ๆ” น้ำเสียงหวานใสเอ่ยทักทาย
เป็นมินตราที่เดินเข้ามานั่งข้างๆ ขุนเขาหลังจากที่ยกมือไหว้คนอื่น ทุกคนในที่ตรงนั้นหันมาสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนจะก้มหน้าทำงานของตัวเอง
“มิน มาทำไม” ขุนเขาเอ่ยถามแฟนสาวเสียงเรียบ
“เรามีนัดกันไง มินเลยกะว่าจะมานั่งรอพี่ขุนประชุม” หญิงสาวหน้าสวยเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม
ซูซานและเยลลี่มองภาพมินตราที่นั่งอิงแอบขุนเขาก็เบะปากขึ้นมาด้วยความหมั่นไส้ก่อนที่จะชำเลืองมาท่าทีของซิน ซึ่ง... เธอยังคงวางตัวนิ่ง มือบางยังพิมพ์งานอยู่ที่แป้นพิมพ์แมคบุค สายตาดูตั้งใจ ราวกับว่าเธอไม่สนใจภาพตรงหน้านั้นจริงๆ
“กลับไปก่อนไป เรานัดกันตอนสองทุ่ม นี่เพิ่งจะสี่โมงเอง พี่ยังทำงานไม่เสร็จ” ขกลับเป็นขุนเขาที่แสดงท่าทีไม่ปกติ เขาทำเหมือนว่ากำลังไม่พอใจที่อยู่ๆ มินตราก็โผล่มา
“ทำไมพี่ขุนต้องไล่ มินมาถึงแล้วก็ขอนั่งอยู่ด้วยไม่ได้เหรอ มินจะนั่งเงียบๆ ไม่กวนใจหรอกค่ะ” มินตราทำเสียงออดอ้อน
“กลับไป” ทว่าขุนเขายังคงไม่ยอม
“พี่ขุนเป็นอะไรเนี่ย ทำไมต้องทำเสียงเหมือนรำคาญมินอ่ะ”
“...” เขาเขามองหน้ามินตรานิ่ง เขาอยากจะไล่ให้เธอกลับไป แต่รู้ว่าไล่ยังไงเธอก็คงไม่ยอมกลับ สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา เพราะเริ่มเกรงใจเพื่อนๆ ที่กำลังนั่งทำงานอยู่
“งั้นกูกลับก่อนดีกว่า คืนนี้ส่งเรฟภาพที่อยากถ่ายให้นะยีนส์” ขุนเขาลุกขึ้นยืน
“เออ ไว้เจอมันว่ะ” ยีนส์ตอบรับ แล้วเพื่อนคนอื่นๆ ก็พยักหน้าเป็นสัญญาบอกลาให้ขุนเขา เว้นแต่เพียงซินที่ยังก้มหน้าทำงานอยู่
“สวัสดีค่ะพี่ๆ” มินตราลุกตามขุนเขาพร้อมกับยกมือไหว้รุ่นพี่อีกครั้ง
“รีบไปเถอะจ่ะ!” ซูซานโบกมือไล่อย่างอดรนทนไม่ไหว
“ขุน” ในตอนนั้นเสียงซินก็เอ่ยเรียกชื่อชสยหนุ่มรั้งเขาไว้
“หืม?”
“เดี๋ยวกูทำช็อตลิสต์เสร็จแล้วจะส่งเข้าเมลไปนะ เพื่อมึงจะเห็นภาพขึ้น” เธอเอ่ยบอกเขาแต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมอง
“อืม” ชายหนุ่มตอบรับสั้นๆ ก่อนจะเดินนำหน้ามินตราออกไปจากห้องประชุมของร้านกาแฟ
“มินแม่งน่าตบว่ะ เจอกี่ทีกูก็มั่นใจว่าอีหลอกดูกนี่แม่งแอ๊บใส” เยลลี่เบ้ปากมองตามมินตรา
“นินทาระยะเผาขน ต้องกล้าเบอร์ไหนวะ” ร็อกเก็ตแสยะยิ้ม
“ด่าต่อหน้ากูก็ทำได้ ถ้าไม่ติดว่าเป็นแฟนไอ้ขุน กูฟาดไปแล้ว” เยลลี่ทำหน้าทำตาจริงจัง
“เวลาผู้หญิงเหม็นกันนี่โครตน่ากลัว” ยีนส์ว่าขณะที่กำลังเขียนมุมกล้องที่เขาอยากได้เป็นพิเศษลงไปในบท
“กูไม่ค่อยเห็นผู้หญิงนะ กูเหม็นผู้ชาย ไอ้เชี่ยร็อก... มึงอาบน้ำมาป่ะเนี่ย?!” ซูซานแกล้งพูดตลกเพราะอยากเห็นรอยยิ้มของซิน
“ฮ่ะๆ มุกนี้ผ่านว่ะซาน” เสือหัวเราะชอบใจ
“เล่นกูทำไม กูหอมจะตาย ใช่ไหมครับที่รัก” ร็อกเก็ตหันไปทำเสียงหวานใส่เชลโล่
“งื้อ!” เชลโล่ทำหน้ายู่ใส่แฟนหนุ่ม เพราะเธอกำลังสนใจงานของตัวเองที่อยู่ตรงหน้า
“ซิน มึงโอเคป่ะเนี่ย” ซูซานแอบกระซิบถามเพื่อน เมื่อเห็นว่าซินไม่ได้หัวเราะหรือแม้แต่ยิ้มออกมา
“โอเคดิ” ซินตอบสั้นๆ ก่อนจะพูดเรื่องงานขึ้นมา ทำเหมือนว่าเธอไม่ได้สนใจในสิ่งที่เพื่อนคุยกันอยู่
“เชลโล่ Day10 อ่ะ ดูดีๆ นะ นางเองมันต้องเริ่มไม่แต่งหน้าแล้ว รีเช็คกับเยลลี่ให้ดี”
“โอเค อันนี้มันทางภาพมันต้องเริ่มป่วยแล้วใช่ป่ะ”
“ใช่”
ซินนั่งทำงานอยู่ในร้านกาแฟจนถึงสองทุ่ม ซึ่งช่างเป็นการทำงานที่ยาวนานจนเพื่อนทนรอไม่ไหวจึงโบกมือลากลับไปกันหมด ที่โต๊ะในห้องประชุมจึงเหลือแค่เธอเท่านั้น หญิงสาวยกมือขึ้นบิดขี้เกียจเมื่อเขียนช็อตลิสต์เสร็จ เธอส่งงานเข้าไปในอีเมลของขุนเขาก่อนที่จะหยิบมือถือขึ้นมาไลน์ไปบอกเขาว่าเธอส่งอีเมลไปแล้ว
LINE
Sin : กูส่งช็อตลิสต์เข้าเมลไปแล้วนะ เช็คด้วย
Khun : มึงโอเคหรือเปล่า กูขอโทษนะที่อยู่ๆ มินก็โผล่ไป
Sin : ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม หรืออยากแก้ตรงไหน มึงรีมาร์คไว้นะ กูจะอัพเดตอีกที
Khun : ซิน
Sin : กูไม่อยากพูดเรื่องเก่า แล้วก็ไม่ได้รู้สึกอะไรที่เจอแฟนมึง
Khun : อืม
ซินมองข้อความสุดท้ายของขุนเขาด้วยสายตาเรียบนิ่งแล้วกดปิดหน้าจอมือถือ เธอกำลังคิดถึงสิ่งที่ตัวเองควรจะทำในตอนนี้ มันมีเพียงสิ่งเดียวคือเธอต้องทำใจ ไม่ใช่การตัดใจหรือจมปลักชอบเขาต่อไปเรื่อยๆ เธอแค่ต้องอยู่กับมันให้ได้ ไม่ว่ามันจะเป็นความรู้ไหนก็ตาม เพราะแบบนั้นมันจึงไม่สำคัญอีกแล้วว่าเธอจะรู้สึกอะไร
At DAISUKE Japanese Restaurant
ภายในห้องส่วนตัวของร้านอาหาร ขุนเขานั่งมองข้อความสุดท้ายของตัวเอง เขาภาวนาขอให้เธอพิมพ์อะไรตอบกลับมาอีก เขาอยากคุยกับเธอ ถึงจะแค่ในฐานะเพื่อนก็ตาม ทว่ามันจบลงที่ตรงนั้น ซินไม่ตอบอะไรกลับมา เขาถึงทำได้แต่ผิดหวัง... นอกจากผิดหวังแล้วคนอย่างเขาก็ทำอะไรไม่ได้อีก
“พี่ขุนทำหน้าเหมือนไม่อยากมากินข้าวกับมิน” หญิงสาวทำหน้าบูดบึ้ง จ้องมองแฟนหนุ่มที่เอาแต่ดูมือถือ
“...”
“ไม่คิดจะแก้ตัวด้วย ทำแบบนี้มินน้อยใจนะ”
“เราก็มากินอาหารญี่ปุ่นที่มินอยากกินกันอยู่นี่ไง จะเอาอะไรอีก” ขุนเขาถอนหายใจออกมาอย่างรำคาญใจ
ปึง!
หญิงสาววางตะเกียบกระแทกลงกับโต๊ะ คิ้วสวยได้รูปขมวดจนเกือบจะชิดกันเป็นเส้นเดียว ก่อนจะหน่วยน้ำตาจะเริ่มก่อตัวขึ้นมาที่รอบดวงตา
“พอเหอะมิน” ขุนเขานิ่วหน้าอย่างสุดทนเมื่อหญิงสาวทำท่าจะร้องไห้ เขาเบือนหน้าหนี เขาไม่อยากมองหน้าเธอด้วยซ้ำ
“ถ้าพี่ขุนไม่ได้อยากกลับมาคบมิน แล้วจะตอบตกลงทำไม” เธอเอ่ยถามเหมือนไม่รู้เหตุผล ทว่ารู้อยู่เต็มอกเพราะใช้มันเป็นอาวุธมาตลอดในเวลาเกือบสามปีที่คบๆ เลิกๆ กับเขา
“บอกให้พอไง” เขาเอ่ยเสียงแข็ง
เขาเหนื่อย... เหนื่อยเหลือเกินกับมินตรา เหนื่อยที่ต้องรองรับอารมณ์ของเธอ เหนื่อยที่ต้องคบกับเธอทั้งๆ ที่เอือมระอาเธอเต็มทน
“พี่ขุนไม่มีปัญญาทำอะไรเลย ทำให้มินมีความสุขก็ไม่ได้ แต่ปล่อยมินไปก็ทำไม่ได้ พี่ขุนไม่มีปัญญาจะรักใครด้วยซ้ำ!” หญิงสาวดูถูกเขาเป็นครั้งที่นับจำนวนไม่ได้
“มิน!” ขุนเขาเดือดดาลขึ้นมา เขาลุกขึ้นจากโต๊ะ หวังในใจว่าต้องออกไปที่ไหนสักที่เพื่อระงับอารมณ์โกรธของตัวเอง ทว่าหญิงสาวกลับชักอาวุธขึ้นมาขู่เขาอีกครั้ง
“ถ้าพี่ขุนไป รอเก็บศพมินได้เลย”
“เลิกขู่สักที!”
“พี่ขุนก็รู้ว่ามินทำจริงๆ” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สายตาที่จ้องเขาเลื่อนมาที่แผลเป็นกรีดลึกที่ข้อมือ
“ถ้าอยากตายขนาดนั้น ก็เอาเลย แต่อย่าเอาพี่ไปเป็นข้ออ้าง!” ขุนเขาทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะก้าวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว
“พี่ขุน!!!”
