บทที่ 8 จุกอก!
At The Loft Condominium
Jelly said :
มันมีแฟนอยู่แล้ว...
กับมึงมันก็แค่เอาเพื่อความสะใจของมัน...
ไม่มีความหมายอื่นเลยนอกจากนั้น...
มึงผิดเอง... ที่ปล่อยให้มันเอา มึงง่ายเอง... ที่คิดเอาเองว่าตัวมึงสำคัญ!
นั่นคือคำพูดที่ฉันบอกตัวเองในกระจกที่อ่างล้างหน้าในห้องน้ำ หึ! ยอมรับก็ได้ว่าฉันช็อกมากที่ได้รู้ว่าไอ้เชี่ยเสือมันมีแฟนอยู่แล้ว คำถามคือแล้วทำไมอยู่ๆ ฉันถึงรู้สึกโกรธ และเกลียดที่ตัวเองทำตัวไร้ค่าแบบนี้ เอาตรงๆ เลย... ฉันไม่ได้คาดหวังว่าจะคบกับมันสักหน่อย แต่พยายามจะคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าจริงๆ ว่าฉันเป็นอะไร ทำไมมันรู้สึกจุกที่อก จุกจนเหมือนตอนนี้เริ่มจะหายใจไม่ออกแล้ว และฉันอาจทำได้เพียงขอ... ขอให้ฉันไม่ได้ชอบมันด้วยเถอะ!
ฉันออกมาจากห้องน้ำในห้องนอนของไอ้ชั่วนั่น ไม่เห็นมันอยู่ในห้องแล้ว ถ้าให้เดามันก็คงอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ไม่ก็คงสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียงห้อง สิ่งที่ฉันต้องทำในตอนนี้คือออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ทว่า...
เมื่อฉันออกมาที่ห้องนั่งเล่น ฉันเห็นมันอยู่ที่นั่นตามที่คิดไว้จริงๆ มันกำลังมองมาที่ฉัน มองด้วยสายตาเรียบนิ่ง ซึ่งฉันไม่เคยมองออกเลยว่าสายตาแบบนี้ของมันมีความหมายว่ายังไง
“จะไปแล้วใช่ไหม?” อยู่ๆ ไอ้เชี่ยเสือก็ถามฉันออกมาแบบนั้น แล้วฉันจะอยู่เพื่ออะไรวะ? ในเมื่อมันได้ในสิ่งที่มันต้องการไปแล้วนั้นคือตัวฉัน และฉันก็ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วคือการเป็นอิสระจากมัน
ฉันไม่ตอบอะไร ไม่อยากจะยืดเยื้อให้ตัวเองต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่ ฉันตรงไปที่รองเท้าของตัวเอง สวมใส่มันโดยไร้คำพูดอะไร และในตอนที่ฉันกำลังจะเปิดประตูห้อง ไอ้เชี่ยเสือมันก็เข้ามาขวางฉันเอาไว้
“ถอย!” ฉันพูดออกไปโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปสบตามัน
“กูถามว่ามึงจะไปแล้วใช่ไหม ทำไมไม่ตอบวะ?” ฉันรู้ว่ามันกำลังจ้องฉันอยู่
“แล้วมึงจะให้กูอยู่ทำไม! ถามโง่ๆ กูก็ต้องไปสิ! จะให้อยู่รอเมียมึงมาลากกูออกจากห้องหรือไง!!!” ฉันตะโกนถามมันอย่างไม่อาจจะกดอารมณ์โมโหเอาไว้ได้
“แฟนกูใจดี เขาไม่ลดตัวลงไปทำอะไรโง่ๆ แบบนั้นหรอก” ฟัค! เชิดชูกันฉิบหาย! กับฉันที่ไม่ได้เป็นอะไรกันก็เสือกบังคับให้เป็นเมีย แต่กับเมียจริงๆ กลับเรียกแค่แฟน... ใจดีเหรอ? ลดตัวเหรอ? ได้ยินแล้วอยากจะอ้วกออกมาเลย!
“อยู่ๆ ก็อยากเห็นหน้าเมียมึงขึ้นมาเลย อยากรู้จริงๆ ว่าผู้หญิงแบบไหนวะที่ยอมให้ผัวไปเอากับคนอื่นทั้งๆ ที่ยังคบกันอยู่ แล้วผู้หญิงแบบไหนวะ! ที่โง่เอามึงทำผัว!” คราวนี้ฉันจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของมัน
หมั่บ!
“อ๊ะ!” ฉันนิ่วหน้าเจ็บ เมื่อไอ้เสือมันคว้าแขนฉันไปบีบไว้แน่น
“อย่าปากดีเยลลี่! กูส่วนกู แฟนกูเขาไม่ได้ทำอะไรมึง! อย่าไปลากเขามาเกี่ยว!” เสือเอ่ยกับฉันด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก เหมือนว่าในโกรธที่ฉันพาดพิงใส่เมียผู้สูงส่งของมัน
“เดี๋ยวนะ! มีใครตรงนี้ที่บอกมึงเหรอว่ากูจะไปยุ่งกับเมียมึง! อย่าสำคัญตัวเองผิดดิวะ! กูไม่ใส่ใจเรื่องของมึงขนาดนั้นหรอก!” ฉันสะบัดแขนตัวเองออกจากมือฉัน
อยู่ๆ ไอ้เสือก็หลีกทางให้ฉัน มันหลุบตามองต่ำไม่ยอมมองตาฉันในตอนนี้ แต่ฉันอยากยืนยันอีกเรื่องหนึ่ง ฉันอยากแน่ใจจริงๆ ว่าหลังจากนี้มันจะไม่มาวุ่นวายกับฉันอีกแล้ว
“กูขอถามมึงเป็นครั้งสุดท้าย แล้วกูจะไม่แม้แต่พูดกับมึงอีก ไอ้เสือ... หลังจากนี้มึงจะไม่มายุ่งกับกูอีกแล้วใช่ไหม?” แม้ในใจจะวอนขอให้มันตอบว่าใช่ แต่ทำไมไม่รู้ ฉันกลัวจะได้ยินคำตอบที่ตัวเองต้องการจัง...
“อืม” มันตอบออกมาสั้นๆ
“จำคำพูดของมึงด้วยนะ” ฉันบอกกับมัน เปิดประตูห้อง แล้วก้าวเท้าออกมาจากตรงนั้น แต่แล้วฉันก็ยังได้ยินคำพูดสุดท้ายของมันอีก
“ขับรถดีๆ”
เชี่ย...! ต้องการอะไรจากกูวะ?!
ฉันอยากจะหันไปถามมันว่าที่อวยพรให้ฉันขับรถดีๆ นั้นคือเชี่ยอะไร! แต่ฉันก็ทำเป็นไม่ได้ยิน เดินพ้นโค้งทางเดินของคอนโดมาหยุดที่หน้าลิฟต์ เมื่อแน่ใจว่ามันไม่ได้ตามมาฉันก็สุดตัวลงนั่งยองกับพื้น
เชี่ย! เชี่ย! เชี่ย!
ถ้าที่นี่ไม่ใช่คอนโดซึ่งฉันไม่ได้อาศัยอยู่ และไม่ใช่เวลาตีสี่ ฉันคงตะโกนออกมาเพื่อระบายความรู้สึกทุเรศตัวเองออกไปแล้ว ฉันแม่งโง่ฉิบหาย! ทั้งเสียท่า เสียรู้ เสียตัว และเสียความรู้สึกให้คนเลวๆ อย่างไอ้เชี่ยเสือ ไม่มีอะไรน่าโมโหไปมากกว่านี้อีกแล้ว!
At Jelly’ s Home
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนสิบโมงเช้า อย่าเรียกว่าตื่นเลย เรียกว่าฉันนอนไม่หลับเลยจะเป็นอะไรที่ถูกต้องที่สุด ฉันมีเรียนช่วงบ่าย แต่รู้สึกโคตรไม่อยากไป พอลุกขึ้นไปนั่งที่โต๊ะเครื่องแป้งก็อยากจะแหกปากร้องออกมาเมื่อสภาพหน้าฉันโทรมที่สุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งเบ้าตาที่ดำคล้ำ ผดผื่นที่เกิดจากการไม่ได้นอน ริมฝีปากก็แห้งกรัง ถ้าแม่ของฉันมาเห็นสภาพนี้ แม่ต้องไม่ยอมแน่ๆ
แม่มักจะกรอกหูฉันอยู่เสมอว่า ‘ผู้หญิง... จะรวยจะจนไม่สำคัญ สำคัญที่เราต้องสวยและฉลาดอยู่ตลอดเวลา ความสวยและความหัวสมองอันปราดเปรื่องคืออาวุธชั้นดีของเรา’
แม่จะรู้ไหมว่านอกจากตอนนี้ความสวยของฉันจะลดลงแล้ว ฉันยังโง่อีกด้วย!
ครืดๆ ครืดๆ
เสียงมือถือที่ตั้งระบบสั่นเอาไว้ดังขึ้นมา ฉันก้าวเท้าจากดโต๊ะเครื่องแป้งไปทิ้งตัวลงนอนที่บนเตียงหยิบฉันมาดูและเห็นว่าเป็นเบอร์แปลก ใครโทรหาฉันตอนสิบโมง?
“ฮัลโหล” ฉันรับสายนั้นด้วยน้ำเสียงที่ปรับให้สดใสขึ้นมา
“เยลลี่หรือเปล่าจ๊ะ?” ทว่าปลายสายนั้นมีน้ำเสียงที่สดใสกว่าฉันเป็นสิบเท่า
“ค่ะ”
“พี่ชื่อพี่หมิวนะคะ เป็นโปรดิวเซอร์ของ The Shoot” The Shoot คือโปรดักชั่นเฮาส์ที่ผลิตสื่อหลากหลายรูปแบบ
“ค่ะ”
“พอดีว่าพี่เห็นเยลลี่ขึ้นปกนิตยสารคู่กับฟินน์ เคมีเข้ากันมากเลย พี่เลยอยากจะชวนให้เยลลี่มาเป็นนางเอก MV ให้พี่หน่อย เป็น MV เพลงใหม่ของวง Him&Her จะมีฟินน์มาเล่นเป็นพระเอก MV ด้วยนะ สนใจไหมคะ?” แน่นอนว่ามันเป็นข้อเสนอที่ดี หากว่าฉันต้องการเข้าวงการบันเทิงฉันควรคว้าโอกาสนี้เอาไว้ วง Him&Her เป็นวงป๊อปที่ดังมาก และฟินน์ก็โคตรดังเลย... ติดอยู่อย่างเดียว... ฉันไม่ได้อยากจะเข้าวงการ
“เอ่อ...” และเมื่อฉันเปิดปากจะปฏิเสธ พี่หมิวผู้คงวิชาก็แทรกขึ้นมาทันที
“ฟินน์ออกโรงเสนอชื่อเยลลี่เข้ามาด้วยนะ แถมตอนนี้ทั้งทวิตเตอร์ ทั้งไอจีก็มีกระแสคู่จิ้นคู่ใหม่ของวงการขึ้นมาด้วย แต่เพราะเยลลี่ลงไอจีเมื่อคืนเท่านั้นเอง เห็นป่ะว่ามันดี” คู่จิ้นเหรอ?
“แต่เยลลี่ไม่แน่ใจเลยว่าตัวเองจะแสดงได้” ฉันคิดแบบนั้นจริงๆ
“ไม่ต้องห่วง ผู้กำกับพี่เก่งมาก แล้วทีมงานก็เป็นเพื่อนๆ กับเยลลี่ด้วย ดนัยที่เป็นผู้ช่วยเขาบอกว่าเป็นเพื่อนเยลลี่นะ” เหอะ! อะไรจะประจวบเหมาะได้เพียงนี้
“ค่ะ” เดชดนัย... ฉันจำชื่อนี้ได้ดี เพราะมันคือจุดเริ่มต้นที่มันทำให้ฉันถูกจูบประจานกลางลานเบียร์หลังมหาวิทยาลัย
“เป็นอันว่าตกลงโน๊ะ” พี่หมิวทำเสียงสดใสยิ่งกว่าเดิมเป็นสิบเท่า
“ค่ะ” ฉันตอบรับอย่างหาทางรอดไม่ได้ แต่มันก็ไม่ได้ถึงกับฝืนใจนักหรอก
“ยังไงเดี๋ยวพี่จะส่งคิวและส่งบทพร้อมนัดคุยรายละเอียดกันอีกทีนะจ๊ะ”
“ค่ะ... สวัสดีค่ะพี่หมิว”
“บ๊ายบายจ่ะ”
At University
ฉันเดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะประจำใต้ตึกเรียน เพื่อนๆ กำลังคุยกันอยู่อย่างออกรสออกชาด อยู่กันครบ... ทั้งแก๊งผัวของเชลโล่กับเยลลี่ก็อยู่ ขาดไปคนเดียวคือมัน... ไอ้เสือ
“หัวหิน” เชลโล่พูดขึ้น ซึ่งฉันมาไม่ทันว่าก่อนหน้านี้พวกมันพูดถึงเรื่องอะไร
“โห่... ไปทั้งทีขอไกลๆ หน่อยดิ เอาทะเลใต้ไปเลย” ขุนเขาว่า สีหน้าดูไม่ยอมรับความเห็นของเชลโล่
“สมุยไปเลยดิงั้นอ่ะ” ยีนส์ยกยิ้มเมื่อเสนอสถานที่ที่ทุกคนต่างสนใจ
“สมุยน่าสนใจ” ซินว่า ก่อนจะหันไปอิงแอบกับขุนเขา... ฉันเห็นแล้วจะอ้วก! เหม็นพวกมีความรักว่ะ!
“กูโหวตสมุยหนึ่ง” แล้วขุนเขาก็ยกมือโหวต
“กูด้วย” ร็อกเก็ตเสริม
“กูว่าไม่ต้องโหวตหรอก พวกมึงอยากไปสมุยกันทุกคนอ่ะแหละ” ซูซานเบะปากถอนหายใจ
“สรุปพวกมึงจะไปเที่ยวทะเลกันตอนปิดเทอมช่ะ?” ฉันเอ่ยถาม
“เออ... แต่ไม่ใช่แค่พวกมึง แต่เป็นพวกเราทุกคน ห้ามเบี้ยวนะเยลลี่” ขุนเขาเลิกคิ้วใส่ฉันด้วยท่าทีกวนประสาท
“แต่ไอ้เสือมันจะไปได้เหรอวะ?” อยู่ๆ ร็อกเก็ตก็ถามขึ้นมา
“ทำไมอ่ะ?” ซินถามต่อ
“ก็แฟนมันมาจากอังกฤษไง ถ้าแฟนมันจะไปด้วยพวกมึงจะโอเคกันไหมล่ะ?” ร็อกเก็ตหันมามองซิน เชลโล่ ซูซานก่อนที่จะเป็นฉัน
“เดี๋ยวๆๆๆ ไอ้เชี่ยเสือมันไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ พวกกูไม่เห็นเคยรู้เลย” ซูซานเริ่มสนอกสนใจเรื่องนี้ขึ้นมา แล้วพวกผู้ชายก็หันไปมองหน้ากันอย่างงงๆ
“มันมีแฟนตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ก่อนจะเข้าปีหนึ่งอีกมั้ง ทำไมพวกมึงไม่รู้วะ” ยีนส์เอ่ยตอบ
“เยลลี่มึงรู้มาก่อนป่ะว่าไอ้เสือมันมีแฟน” ซูซานหันมาเลิกคิ้วถามฉัน
“ก็เพิ่งรู้พร้อมพวกมึงนี่แหละ” ฉันโกหกออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“กูงง... ไอ้เสือมันมีแฟนอยู่แล้ว แล้วมันมายุ่งกับเยลลี่ทำไมวะ?” และดูเหมือนว่าซินจะเดือดร้อนแทนฉันขึ้นมา
“ซิน...” ฉันเห็นขุนเขาพยายามดึงข้อมือซินที่เป็นแฟนมันเพื่อนให้ระงับอารมณ์
“ไม่ต้องเลยขุน! ทำไมขุนไม่เคยบอกซินเรื่องนี้เลย ซินนึกว่าเราจะบอกกันทุกเรื่องซะอีก” แล้วไอ้ซินก็ทำโมโหใส่ผัวของมัน
“ทุกเรื่องที่เป็นเรื่องของเราไงครับ แต่เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องของเรา แล้วขุนก็ไม่เห็นว่ามันจะสำคัญตรงไหนเลย” ขุนเขาทำเสียงออดอ้อนเพื่อง้อซิน เห็นแล้วอยากถีบว่ะ!
“กูก็สงสัยนะว่าทำไมไอ้เสือมันมีแฟนแล้วแต่ไม่เคยเห็นลงโซเชียลเลย หรือผู้ชายแม่งเป็นเหมือนกันหมดทุกคน เก็บเมียไว้เป็นความลับ แล้วทำตัวโสดลงโซเชียลเพื่อเรียกผู้หญิง” อันนี้ฉันรู้ว่าเชลโล่มันจงใจด่าไอ้เสือเพื่อกระทบไอ้ร็อกเก็ต
“ที่รัก...” แล้วร็อกเก็ตก็แสดงทีท่าเหมือนวัวสันหลังหวะ
“นั่น! มันมาแล้ว... ถ้าพวกมึงสงสัยกันมากนัก ก็ถามมันเองเลยละกัน” ยีนส์ชี้ไปทางที่เสือกำลังเดินเข้ามา
ฉันรีบหยิบมือถือขึ้นมากดเล่นทันที ที่เห็นจากหางตาว่าร่างสูงกำลังเดินเข้ามาใกล้ ออกตัวก่อนว่าฉันไม่ได้กลัวอะไร ฉันแค่ไม่อยากมองหน้ามันก็เท่านั้นเอง
“มีอะไรกันวะ? มองหน้ากูอย่างกับจะกินหัว!” ไอ้เสือเอ่ยถามขณะที่นั่งลงยังเก้าอี้ตัวสุดท้ายที่ว่างอยู่
“มึงมีแฟนแล้ว! ทำไมพวกกูไม่เห็นรู้เลย! แม้แต่อีเยลก็ยังไม่รู้! อธิบาย!” ซูซานคาดคั้นทันที และฉันยังคงเห็นจากหางตาว่าไอ้เสือมันมองมาที่ฉัน
“แล้วอยู่ๆ มึงรู้กันได้ไง?” มันถามด้วยน้ำเสียงปนรอยยิ้ม
“ก็พวกกูคุยกันเรื่องจะไปสมุย แล้วไอ้ร็อกก็บอกว่าไม่รู้มึงจะไปด้วยไหมเพราะแฟนมึงเพิ่งกลับมาจากอังกฤษ”
“ไปดิ... ถ้าพวกมึงไม่ติดอะไรกูจะพาเขาไปด้วย”
“ไอ้เชี่ย! นั่นไม่ใช่คำถามของกูป่ะ? คำถามกูมึงมีแฟนได้ไงวะ?” ซูซาน
“มึงมีแฟนอยู่แล้วมายุ่งกับเยลลี่ทำไม?” ซิน
“มึงมีแฟนแล้วทำไมถึงได้ทำตัวเหมือนโสด!” เชลโล่
“กูเข้าเรียนก่อนนะ” ฉัน
ฉันลุกออกมาจากตรงนั้นโดยไม่รอฟังคำตอบอะไรทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องฟังเลย เพราะฉันรู้คำตอบดีอยู่แล้ว ฉันไม่ได้โกรธที่เพื่อนๆ เดือดร้อนแทน แต่ที่อยู่ทนฟังไม่ได้ก็เป็นเพราะ... ฉันจุกอ่ะ มันจุกจริงๆ เหอะ... ‘ถ้าพวกมึงไม่ติดอะไรกูจะพาเขาไปด้วย’ ได้ยินแล้วอยากจะลุกไปจิกหัวมันแล้วแทงเข่าใส่หน้า!
At The Rich Condominium
ฉันมักจะมาที่ห้องของซูซานเป็นประจำหลังจากเลิกเรียน เหมือนเช่นวันนี้ ที่หากไม่อยากออกไปเมาที่ไหนฉันก็จะมาทิ้งตัวดื่มเบียร์ ครอบครองโซฟาของซูซานให้เป็นของตัวเองต่เพียงผู้เดียว
“อีนี่! นอนแผ่จิ๊มิ๊ ไม่เกรงใจเพื่อนเลยนะ!” ไอ้ซานที่สวมชุดนอนเดินเช็ดผมที่เปียกชื้นออกมาจากห้องนอนของมันเอง
“มึง...” ฉันเอ่ยเรียกเพื่อน ขณะที่นอนมองเพดาน
“อะไรอีก”
“มึงว่าเราจะจะรู้ได้ยังไงวะว่าที่เรารู้สึกอยู่นี้มันคือความรักหรือก็แค่หวั่นไหว” อืม... ฉันที่ดูเหมือนเก่ง ดูเหมือนจะเชี่ยวชาญเรื่องผู้ชายในสายตาใครๆ แต่เอาเข้าจริง... ฉันไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้เอาเสียเลย เพื่อนๆ ของฉันรู้ดี
“มึงมาถามเรื่องนี้จากคนที่ไม่เคยมีความรักแบบกูอะนะ?” ไอ้ซานเลิกคิ้วถามฉันขณะทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตรงหน้า
“แล้วจะให้กูถามใคร อีเชลโล่กับอีซินช่วงนี้ไม่มาหาเพื่อนเลย พวกมันติดหนึบกับผัวจนลืมเพื่อนไปแล้ว!” ฉันเบะปาก แล้วดูดเบียร์ในกระป๋องด้วยหลอดที่กัดจนแบนไปแล้ว
“ตอบยากว่ะว่าจะรู้ได้ยังไงว่ารัก แต่ถ้าไม่รักเนี่ย... กูอาจจะตอบได้นะ” ไอ้ซานทำหน้าจินตนาการ
“ยังไง?”
“ถ้ามึงไม่ได้รักไม่ได้ชอบใคร มึงจะไม่สนใจเรื่องของเขา ยกเว้นแต่ว่ามึงเป็นพวกขี้เสือกแบบกู”
“แล้วไงต่อ?”
“คนที่มึงไม่ได้รักจะไม่มีผลต่อความรู้สึกของมึง เพราะมึงจะไม่แคร์ ว่าเขาไปทำอะไรที่ไหนยังไงกับใคร”
“อืม”
“มึงจะไม่รู้สึกอยากสัมผัสตัวเขา... ไม่อยากจูบ ไม่อยากกอด ไม่อยาก... นั่นแหละ! มึงชอบไอ้เสือ! กูตอบให้เลย”
“เชี่ย!”
ฉันเด้งตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อไอ้ซานพูดออกมาแบบนั้น... มันรู้ว่าฉันถามไปเพื่ออะไร และมันรู้ด้วยว่าฉันชอบไอ้เชี่ยเสือ! ฉันรีบส่ายหน้า โบกมือไปตรงหน้ามันพัลวัล
“กูไม่ได้ชอบ!” ฉันตะโกนเสียงดัง
“มึงชอบ!” มันตะโกนกลับ
“ก็บอกว่าไม่ได้ชอบไง!!”
“ถ้ามึงไม่ชอบแล้วมึงจะไปเอากับมันถึงสองครั้งทำไม! มึงจะแสดงท่าทีไม่พอใจทำไมที่มันมีแฟน! มึงจะว้าวุ่นคิดไม่ตกแบบนี้ไปเพื่ออะไร! ยอมรับสักที! มึงชอบไอ้เชี่ยเสือ!”
“ฮึก! กูเอากับมนมาสามครั้งแล้ว!”
“อีเยล!!!”
“กูไม่อยากยอมรับเลยว่ากูชอบมัน! แต่กูหยุดคิดเรื่องของมันไม่ได้เลย... ไอ้ซาน! กูจะทำยังไงดี?” มันอาจจะถึงเวลาที่ฉันต้องยอมรับกับตัวเองว่าฉันชอบผู้ชายที่ฉันบอกว่าเกลียดมันมาตลอด
“ทำใจไง... มึงทำได้แค่นั้นและเยลลี่! ไอ้เสือมันแค่เอาตัวมึง! หัวใจมึงมันไม่เอา”
แม้จะไม่ได้ร้องไห้ออกมา แต่ฉันโคตรเจ็บกับคำพูดของซูซานเลย... เจ็บที่มันคือเรื่องจริง เจ็บที่รู้อยู่แล้วว่ามันจะออกมาเป็นรูปแบบนี้ แต่ก็ไม่ยอมห้ามใจตัวเอง!
