บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 แซ่บมากป่ะ?

5

แซ่บมากไหม?

At Uni-Foodie

เยลลี่ผลักประตูกระจกเข้ามาในร้านอาหารหน้ามหาวิทยาลัยซึ่งซูซาน เชลโล่และซินกำลังกินมื้อเที่ยงกันอยู่ คนสวยเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะของเพื่อนๆ ก่อนที่จะหยิบเมนูอาหารขึ้นมาสั่งแล้วคว้ามือถือขึ้นมาเล่นทำราวกับไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกับเพื่อน

“เมื่อเช้ามึงหายไปไหน? กูเห็นรถมึงจอดอยู่ แต่ตัวมึงหาย มาเรียนแล้วทำไมไม่เข้าเรียน?” ซูซานเอ่ยถามขณะที่เล่นมือถือของตัวเองและกินข้าวไปพร้อมกัน

“มึงถามเป็นแม่มันเลยวะ?” ซินเอ่ยถามเมื่อเห็นซูซานเอ่ยคำถามมากมายกับเยลลี่

“ก็กูอยากรู้”

“สรุปมึงไปไหนมาวะเยลลี่” เชลโล่เองก็อยากรู้

“กูปวดหัวเลยไปนั่งเล่นที่ตึกแพทย์” คนถูกถามตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“ตอแหล!” แล้วซูซาน เชลโล่ ซินก็พร้อมใจกันถลึงตาใส่เยลลี่อย่างรู้ทัน

“ไม่เชื่อแล้วถามทำไม? กูไปตึกแพทย์มาจริงๆ” เยลลี่ถลึงตาเบิกโตเพื่อนทั้งสาม

“ไปหาผู้ชายอ่ะดิ!” ซินว่า

“ไม่มี... กูไปนั่งเล่นที่ตึกแพทย์จริงๆ”

“ไปทำไม? ทำไมไม่เข้าเรียน?” ซูซานยังคงอยากรู้

“อีพวกนี้... ก็บอกว่าปวดหัวไง!”

“กูไม่เชื่อไง! มึงไม่เข้าเรียน ไอ้เสือก็ไม่เข้าเรียน พวกมึงหายไปด้วยกันใช่ป่ะ?” ซูซานหรี่ตามจับผิดเยลลี่

“ทำไมกูต้องหายไปกับมันวะ?” แค่นึกถึงเสือ เยลลี่ก็นึกถึงสิ่งที่เขาทำกับเธอเมื่อเช้า แล้วก็เริ่มโมโหขึ้นมา

“จะไปรู้เหรอ... มึงอาจจะนัดยิ้มกับมึงอีกรอบก็ได้ เพราะมึงสองคนติดใจกันและกัน”

“ติดใจพ่อง! กูไม่มีทางติดใจมัน! แล้วไม่มีทางไปเอากับมันเป็นรอบที่สามแน่!” เยลลี่จ้องซูซานพร้อมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

“แต่กูก็ยังอยากรู้นะว่ามึงกับไอ้เสือนี่ยังไงกันวะ? ปากบอกว่าเกลียดแต่ก็ไปเอากัน ถ้าชอบกันมากก็คบๆ กันไปดิ” เชลโล่ออกความเห็น

“กูไม่คบกับมันแน่! กูยังยืนยันว่ากูเกลียดมัน!” แม้จะเอ่ยออกไปแบบนั้น ทว่าแววตาของเยลลี่กลับเปลี่ยนไป มีเพียงซูซานเท่านั้นที่สังเกตได้

“ดีแล้วที่มึงไม่ชอบมัน เพราะไอ้เชี่ยเสือก็แค่อยากจะเอาชนะมึง มันคงไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทำเมินใส่มัน มันเลยรู้สึกว่าต้องทำให้มันชอบมึงให้ได้” ซูซานลักลอบเตือนเยลลี่แบบอ้อมๆ

“กูรู้!” ในตอนนั้นสลัดทูน่าของเยลลี่ก็ถูกนำมาเสิร์ฟที่ตรงหน้าเธอ

“แดกสลัดทูน่า?” เชลลี่ทำหน้าหยีใส่เพื่อน

“ก็พรุ่งนี้กูมีถ่ายแบบไง ที่กูเล่าให้มึงฟังอ่ะ” เยลลี่ว่า

“อ๋อ... พวกเพื่อนแฟชั่นสมัยม.ปลายของมึงอ่ะนะ?”

“เออ... วันนี้ก็แทบกินอะไรไม่ได้เลย เดี๋ยวพุงออก” เยลลี่เบะปาก

“เย็นนี้กินเนื้อย่างกันป่ะ?” และเหมือนว่าซูซาน หญิงสาวผู้รักการกินจะไม่ได้สนใจที่เยลลี่พูดเสียเลย

“เอ้า! อีนี่! กูเพิ่งบอกว่ากูกินอะไรไม่ได้ พรุ่งนี้ต้องไปถ่ายแบบไง!” เยลลี่เบะปากมองบนพร้อมถอนหายใจแรงๆ ใส่ซูซาน

“มึงก็ไม่ต้องไปดิอีฟาย! กูชวนเชลโล่กับซิน” ซูซานยกยิ้มกวนประสาท

“กูไม่ว่างจ่ะแม่... จะไปดื่มไวน์กับผัว” เชลโล่ยักไหล่ตอบ

“กูก็ขอบายนะ วันนี้มีนัดกินข้าวกับที่บ้านขุน” ซินเอาพร้อมรอยยิ้มมีความสุข

“เกลียดพวกมีผัว!”

“มึงคงต้องไปแดกคนเดียวแล้วล่ะอีซาน! แต่ถ้ามึงรอกูนะ พรุ่งนี้เย็นหลังกูถ่ายแบบเสร็จกูจะไปแดกกับมึง” เยลลี่ยื่นข้อเสนอ

“กูจะมีทางเลือกอะไร ต่อไปนี้ก็คงเหลือแต่มึงกับกูนี่แหละ!” ซูซานตัดพ้อ

At Double You Studio

เยลลี่ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าสตูดิโอที่ซึ่งเพื่อนสมัยมัธยมปลายของเธอนัดได้ เวลานี้เป็นเวลาแปดโมงเช้า ซึ่งเป็นเวลาที่เช้ามากสำหรับหญิงสาว เธอคว้ากระเป๋าใบใหญ่บรรจุของใช้ส่วนตัวมากมายลงจากท้ายรถก่อนจะเดินสะลืมสะลือเข้าไปด้านใน

ด้วยความที่เยลลี่เป็นลูกสาวคนเดียวของโยธกา และเมื่อตอนเด็กๆ เธอเคยได้ไปออกกองถ่ายและรายการทอล์กโชว์กับผู้เป็นแม่ซึ่งเป็นดาราดังบ่อยๆ เธอจึงพอจะมีประสบการณ์การทำงานหน้ากล้องอยู่บ้าง

“สวัสดีค่ะทุกคน” หญิงสาวยกมือไหว้ทีมงานที่กำลังเตรียมงานอยู่ในสตูดิโอ ก่อนที่เพื่อนของเธอซึ่งฝึกงานเป๋นผู้ช่วยสไตล์ลิสท์จะเดินเข้ามารับ

“ตื่นยังเนี่ยมึง?” โยชิ เพื่อนเกย์คิงส์ของเยลลี่เอ่ยถาม

“ที่มึงเห็นอ่ะกายหยาบ... กายทิพย์กูนอนอยู่บนเตียงที่บ้าน” เยลลี่หลับตาตอบ

“เยอะสิ่ง! ไปแต่งหน้าก่อนไป เดี๋ยวเก้าโมงครึ่งจะเริ่มถ่ายเซตแรกแล้ว” ว่าแล้วโยชิก็พาเยลลี่เข้าไปยังห้องแต่งตัว

“พี่เก้งฮะ นี่เยลลี่ เพื่อนโยเอง” โยชิแนะนำเยลลี่ให้กับเก้งผู้เป็นช่างแต่งหน้า

“สวัสดีค่ะ” เยลลี่ยกมือไหว้ และจากนั้นเธอก็ทำตัวอ่อนให้เก้งลากเธอไปนั่งที่เก้าอี้หน้ากระจก

“ฝากด้วยนะฮะพี่เก้ง เดี๋ยวโยไปดูแลข้างนอกก่อน แล้วสักตอนแปดโมงครึ่งนายแบบชายจะมา แต่เขามีช่างหน้าช่างผมมาเอง” โยชิเอ่ยกับเก้งก่อนจะออกไปจากห้องแต่งตัว

“หนูแพ้เครื่องสำอางอะไรหรือเปล่าลูก?” เก้งเอ่ยถามเยลลี่ที่นั่งหลับตาอยู่

“แพ้ของถูกอย่างเดียวค่ะ” หญิงสาวตอบตามความจริง โดยที่ไม่ได้ลืมตามาดูว่าขณะนี้ช่างแต่งหน้านั้นกำลังแบะปากใส่เธออยู่

“ดีนะ... ที่พี่ใช้แต่ของแพง” เก้งแสร้งพูด

“แต่ถ้าจะให้ดี หนูว่าพี่เก้งใช้เครื่องสำอางที่หนูเตรียมมาจะดีกว่า เพราะหนูไม่ใช่พัพหรือแปรงร่วมกับคนอื่น” ในตอนนั้นเยลลี่ลืมตาและชี้ไปยังกระเป๋าแบรนด์ดังใบใหญ่ของเธอ

“ดะ... ได้จ่ะ แต่พี่ก็ซักพัพล้างแปรงนะ” เก้งถึงกับไปไม่เป็น เยลลี่เรื่องมากตั้งแต่ที่ยังไม่ทันได้แจ้งเกิดในวงการบันเทิงด้วยซ้ำ ในใจของช่างแต่งหน้านั้นได้แต่คิดว่า นิสัยแบบนี้เกิดอยากแน่ๆ ทว่าเธอไม่รู้ว่าที่จริงแล้วเยลลี่ไม่ได้สนใจงานหน้ากล้องเสียด้วยซ้ำ

“ใช้ของหนูนั่นแหละค่ะ” เยลลี่หลับตาตอบแบบโนสนโนแคร์

สุดท้ายเก้งก็จำใจต้องลุกไปค้ากระเป๋าของเยลลี่มาวางตรงหน้าเธอก่อนจะนำเครื่องสำอางแสนหรูของหญิงสาวออกมาเปิดใช้

ในตอนนั้นโยชิก็เดินนำผู้ที่จะมาเป็นนายแบบคู่กับเยลลี่พร้อมทั้งทีมหน้าผมเข้ามาในห้องแต่งหน้า เขาคนนั้นคือฟินน์ ดาราหนุ่มที่กำลังโด่งดังและมีผลงานมากมายอยู่ในเวลานี้

ดาราหนุ่มเดินมานั่งที่หน้ากระจกด้านข้างเยลลี่ ของยกยิ้มอย่างพอใจเมื่อจำได้ว่าเคยเจอหญิงสาวมาก่อน และจำได้ดีว่าเจอเธอที่ไหนเมื่อไหร่ ขณะที่เยลลี่นั้นไม่รู้ตัวว่ากำลังโดนจับจ้อง เพราะเธอกำลังหลับอยู่นั่นเอง

“ชู่!” ฟินน์ยกนิ้วชี้ขึ้นแตะปากส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบก่อนจะปรายตาไปทางเยลลี่ที่กำลังหลับ เพราะกลัวว่าเธอจะตื่น

แม้จะแปลกใจในท่าทีของดาราหนุ่ม แต่ทุกคนก็ทำตามที่เขาว่า ฟินน์คว้ามือถือของตัวเองขึ้นมากดเข้าไอจี เขากดเข้าไปยังหน้าไอจีของเยลลี่ที่ได้กดติดตามเธอไปเมื่อวันนั้น ชายหนุ่มนึกสนุกขึ้นมาจึงได้จัดการส่ง Direct Message ไปหาเธอ หวังจะดูปฏิกิริยาของหญิงสาว

ติ๊ง!

เยลลี่สะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนข้อความในไอจีดังขึ้น หญิงสาวค่อยๆ คว้ามือถือขึ้นมาเปิดอ่าน ใน Direct Message ของเยลลี่นั้นมีผู้คนมากมายส่งข้อความมาขายขนมจีบกับเธอเป็นจำนวนมาก แต่เธอไม่สนใจ ท่าพอได้เป็นว่าข้อความที่เพิ่งส่งเข้ามานั้นเป็นของฟินน์ เธอกลับนึกสนใจขึ้นมา

Direct Message

FINN.ISH : ตื่นได้แล้วครับ คุณต้องทำงานไม่ใช่เหรอ?

JellyxJelly : หืม?

FINN.ISH : อย่าแคปหน้าจอไปแฉผมนะ ผมไม่อยากเป็นข่าว 555

JellyxJelly : เดี๋ยวนะ? คุณรู้ได้ว่าฉันหลับอยู่ แล้วรู้ได้ไงว่าฉันมีงาน?

FINN.ISH : หันซ้ายสิครับ

และเมื่อเยลลี่หันไปทางซ้ายอย่างที่ฟินน์บอกเธอ หญิงสาวก็ยกยิ้มออกมาอย่างคาดไม่ถึงเมื่อเธอได้เห็นว่าเขากำลังนั่งแต่งหน้าของข้างๆ

“ฟินน์!”

“ผมเอง... เจอกันอีกแล้วนะเยลลี่” เขาจงใจเอ่ยชื่อเธอ เพื่อบอกให้เธอได้รู้ว่าเขาจำเธอได้

“นั่นสินะ บังเอิญจัง” เยลลี่ยิ้มเขินออกมา... อย่างตั้งใจให้เขารู้ว่าเธอเขินที่ได้เจอเขา... ตามสไตล์ของเธอ

“ความบังเอิญไม่มีหรอก มันมีแต่ Destiny (พรหมลิขิต) ” แล้วฟินน์ก็เอ่ยคำแสนหวานซึ่งแสนเลี่ยนในเวลาเดียวกันออกมา ซึ่งเยลลี่ถึงกับยิ้มเจื่อนออกไปเป็นคำตอบ

“ผมจะพูดปิดประโยคว่าล้อเล่นก็ได้นะ ถ้าคุณไม่เห็นด้วยว่าการที่เราได้เจอกันมันคือ Destiny” ชายหนุ่มยังคงหยอดคำหวาน

“ก็ถ้าคุณคิดแบบนั้นแล้วฉันจะว่าอะไรได้ล่ะ” เยลลี่ยกยิ้มแสนใส่ฟินน์ ก่อนจะหันมากลอกตามองบนอย่างรู้สึกกระอักกระอ่วนอีกด้าน... เพราะเธอไม่เชื่อใน Destiny อย่างที่เขาว่า และไม่คิดว่าฟินน์จะเป็นหนุ่มเลี่ยนๆ กินคำเดียวก็เบื่อเช่นนี้

“ผมเห็นนะ” แล้วชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมา เมื่อเขาสามารถมองผ่านกระจกมาเป็นว่าเยลลี่กำลังทำหน้าประหลาดอยู่ในกระจก

“ฉัน... ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!”

“ฮ่ะๆ ผมรู้ว่าคุณแหยงที่ผมพูดจาแบบนั้น ผมแค่ลองดูน่ะ... ช่วงนี้กำลังถ่ายละครพีเรียตอยู่และในบทมันมีประโยคนี้ ผมเลยคิดว่าถ้าเอามาพูดกับคุณ คุณอาจจะชอบ”

“โคตรไม่ชอบเลย! มันเลี่ยนนะคุณ” เยลลี่ยกยิ้มออกมาอย่างโล่งอกที่ฟินน์ไม่ใช่ผู้ชายเลี่ยนๆ แบบที่เธอไม่ชอบ

“โอเค... ผมจะได้รู้ว่า... ว่าแต่คุณเป็นผู้หญิงแนวไหนครับ? โรแมนติก? คอมเมดี้? แฟนตาซี หรือ ไซไฟ?” เขาถามเพราะอยากรู้ เพื่อที่จะได้เข้าหาเธอถูก

“ฉันเหรอ? เฮอร์เรอร์ (แนวสยองขวัญ) มั๊ง” เยลลี่ยักไหล่ตอบพร้อมรอยยิ้ม

“ฮ่ะๆ รู้อยู่แล้วว่าคุณจะต้องตอบอะไรที่ไม่มีอยู่ในช๊อยส์” ฟินน์ดูพออกพอใจกับคำตอบของเยลลี่ แล้วทั้งสองคนก็คุยกันอย่างถูกปากถูกคอท่ามกลางสายตาและใบหูของช่างหน้าช่างผมที่อยู่ในห้องแต่งตัวนั้น

ตลอดวันเยลลี่และฟินน์ถ่ายแบบด้วยกันราวๆ สิบเซต ทั้งเธอและเขาต่างต้องใกล้ชิดและสัมผัสเนื้อตัวกันมากมาย ทว่าทุกอย่างออกมาดีเกินคาด ด้วยเพราะที่ทั้งสองคนรู้จักกันและคุยกันถูกคอ อะไรๆ มันก็เลยง่ายไปเสียหมด การถ่ายถ่ายแบบจึงเสร็จเร็วกว่าปกติ

“คุณไปไหนต่อครับ?” ฟินน์เอ่ยถามขณะที่กำลังยืนมองเยลลี่เก็บกระเป๋า

“ฉันมีนัดกินเนื้อย่างกับเพื่อนน่ะ แล้วก็คงไปดื่มเบียร์ต่อ” หญิงสาวเอ่ยตอบโดยไม่คิดที่จะสงวนท่าที

“จะชวนผมไหมครับ?” ร่างสูงสอดสายตามองหญิงสาวไม่วางตา

“อืม... เป็นเพื่อนคนอื่นฉันอาจจะชวนนะ แต่พอเป็นคนนี้ก็อย่าเลยดีกว่า” ใช่... เพราะซูซานคงจับผิดและถามไม่เลิกแน่ๆ

“งั้นผมขอนัดคุณไว้ล่วงหน้าได้ป่ะ? อีกสองวันเราไปกินข้าวกันนะ เอาร้านที่คุณชอบ ผมอยากรู้ว่าคุณชอบอาหารแบบไหน” เยลลี่ทำหน้าคิด... ถ้าที่เธอชอบก็หนีไม่พ้น ชาบู เนื้อย่าง หมูสามชั้นย่าง แต่เธอจะกล้าพาเขาไปร้านแบบนั้นได้ยังไง ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ยังสวยอยู่ขณะที่กำลังอ้าปากงามเนื้อคำโต

“งั้นเป็นอาหารญี่ปุ่นดีไหม?” เยลลี่พยายามหาอาหารที่เธอสามารถสวยและอิ่มอร่อยไปด้วยได้

“ดีล! ผมชอบอาหารญี่ปุ่น งั้นมะรืนนี้คุณส่งโลเคชั่นมานะ ผมจะไปรับตอนหกโมงเย็น” ฟินน์ทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก่อนจะเดินออกไปจากห้องแต่งตัว

เยลลี่มองตามร่างสูงก่อนจะยกยิ้มออกมา... เขาจีบเธออยู่... เธอรู้... และเธอชอบเวลาที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญของใครสักคน...

“อะไรยังไง?” โยชิที่แอบมองอยู่นานเดินเข้ามาถามเยลลี่ในห้องแต่งตัว

“อะไรคืออะไรยังไ?” หญิงสาวแสร้งทำเป็นไม่รู้

“ก็มึงกับฟินน์อ่ะ แซ่บกันอยู่เหรอ?” แม้โยชิจะเป็นเพื่อนกับเยลลี่มาตั้งแต่สมัยเรียน แต่เขาก็ไม่ได้รู้จักเธอดีไปกว่าใคร

“แซ่บบ้านป้ามึงสิ! หลบไป! กูจะกลับแล้ว... เหนื่อยฉิบหาย!” ว่าแล้วเยลลี่ก็ผลักโยชิให้หลีกทาง เพื่อที่เธอจะได้เดินผ่านประตูห้องแต่งตัวออกไป

“เดี๋ยวกูส่งรูปไปให้ในไลน์ ลงไอจีแล้วใส่แคปชั่นเรียกลูกค้าให้ด้วย ขอแซ่บๆ นะ!” โยชิตะโกนไล่หลังเยลลี่ แล้วหญิงสาวก็ยกมือส่งสัญลักษณ์โอเคกลับไป

At Meat Me Yakiniku

“เชี่ย! มึงได้ถ่ายแบบกับฟินน์เลยเหรอวะ?!” ซูซานถลึงตาก่อนจะตะโกนถามเยลลี่ด้วยน้ำเสียงที่ทั้งตื่นเต้นและตกใจในเวลาเดียวกัน

“ก็ยังงงเลยว่าแฟชั่นที่กูไปถ่ายมันดูใหญ่กว่าที่กูคิด ทีแรกก็คิดว่าเป็นงานเล็กๆ ที่ไหนได้มันคือการถ่ายแบบของห้องเสื้อที่เป็นแบรนด์ลูกของ IS’ T-ME” เยลลี่เอ่ยตอบขณะที่ใช้ตะเกียบคีบเนื้อชิ้นใหญ่เข้าปาก

“กูว่าต่อไปมึงต้องมีงานดีๆ เข้ามาแน่เลย ได้ดังตามแม่มึงไปแน่ๆ” ซูซานเอ่ย แต่เมื่อปาดหน้าจอมือถือที่เปิดหน้าไอจีไปเจอรูปแฟชั่นที่เยลลี่เพิ่งลงพร้อมแคปชั่นสุดกำกวม เธอก็ยิ่งตกใจขึ้นมา

error loaded

“อะไรวะ? ทำหน้าเหมือนเห็นผี” เยลลี่เคี้ยวตุ่ยๆ แล้วถามเพื่อนไปด้วย

“มึงตั้งแคปชั่นนี้เอง หรือมีคนบอกให้มึงทำ?” ซูซานถามพลางหันหน้าเจอมือถือให้เยลลี่ดู

“ฮ่าๆๆๆ กูตั้งเองดิวะ!” เยลลี่หัวเราะชอบใจ

“เชี่ย! เดี๋ยวก็โดนดราม่าหรอกมึง แฟนคลับฟินน์เยอะนะเว้ย!” ซูซานนึกเป็นห่วงเพื่อนขึ้นมา

“กลัวทำไม? นี่ถ้าแฟนคลับฟินน์รู้ว่ามะรืนนี้กูกับเขาจะไปกินอาหารญี่ปุ่นด้วยกัน ไม่ดิ้นพล่านกันเลยหรือไงวะ?” เยลลี่เบะปากยักไหล่อยางไม่สนใจ

“ฟัค! #&$^@*^#$&”

ในตอนที่ซูซานเอ่ยคำพูดที่ผสมคำด่าออกมามากมาย เยลลี่ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย เพราะสิ่งที่เธอกำลังให้ความสนใจอยู่นั้นคือข้อความจากไลน์ของเสือที่เธอเพิ่งอันบล็อกไปเด้งขึ้นมา

LINE

Leo : แซ่บมากป่ะ? กูก็อยากรู้เหมือนกันว่ากูกับไอ้เชี่ยดารานั่นใครแม่งจะแซ่บกว่ากัน

Jelly : เป็นเชี่ยไรไอ้เสือ?

Leo : กูอยากรู้ไง ว่าถ้ากูลงรูปมึงที่นอนโป๋อยู่บนเตียงกูในไอจี แม่งจะเป็นยังไง

Jelly : นี่มึงถ่ายรูปกูเหรอ?!

Leo : กูให้เวลามึงยี่สิบนาที... ถ้าภายในสี่ทุ่มครึ่งมึงยังไม่มาถึงห้องกู ก็ไปเจอกันในไอจีพร้อมรูปมึงแก้ผ้า

เยลลี่กำมือถือแน่น ใบหน้าสวยแสดงความโกรธเกรี้ยวขึ้นมา ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืน

“เป็นเชี่ยไร? อยู่ๆ ก็ทำหน้าเหมือนหมาแดกแฟ่บแล้วลุกยืน?” ซูซานเงยหน้าถามเพื่อนสาว

“ฝากจ่ายของกูไปนะ กูมีเรื่องด่วนที่ต้องไปจัดการ!” เยลลี่ทิ้งท้ายไปไว้เพียงเท่านั้นก็จ้ำออกจากร้านเนื้อย่างไปทันที..

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel