บท
ตั้งค่า

บทที่ 10 คิดถึง

ร่างบางโดนร่างสูงโอบกอดแล้วดันตัวเธอเข้าไปด้านห้อง แม้กระทั่งตอนที่ประตูห้องนอนปิดลง แม้เวลาที่ตอนนี้พวกเขาอยู่ภายในห้องเพียงสองต่อสอง ไม่มีสายตาของผู้ใหญ่จอมแอบมองคอยจ้อง ชายหนุ่มก็ยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากเอวของหญิงสาว

“อะ... ไอ้ยีนส์... ปล่อย” ซูซานก้อมหน้างุด เวลานี้เธอไม่กล้าสบสายตาเขาอีกแล้วเพราะความเขินอายที่ถูกขโมยหอม

แต่ถึงอย่างนั้นจิณณ์ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากเธอ ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินสิ่งที่ซูซานพูด และราวกับว่าเขาอยากจะโอบกอดเธอไว้ให้นานเท่านาน

“ยีนส์...” น้ำเสียงที่เอ่ยชื่อเขานั้นสั่นไหวเหลือเกิน

“มึงคิดถึงกูจริงๆ หรือแค่พูดไปตามบท” ชายหนุ่มจ้องหญิงสาวไม่วางตา กระชับกอดของเธอแน่นขึ้นขณะที่รอฟังคำตอบ

“...” ซูซานนิ่งไม่กล้าตอบ หรือบางทีเธออาจไม่รู้ว่าที่จริงแล้วเธอคิดถึงเขาหรือไม่กันแน่

“หืม?” เขาส่งเสียงถามย้ำในลำคอ

“อะไรล่ะ? มึงทำผิดกฎที่กูตั้ง ห้ามหอมไง... จำไม่ได้เหรอ?” คราวนี้เธอช้อนตาขึ้นไปมองเขา

“รู้ว่าผิดกฎ จำได้ว่าห้ามหอม แต่กูอินไง... บางทีนักแสดงก็เล่นเกินบทถ้าอินมากๆ” เขาเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่ได้จริงจัง ผิดกับหญิงสาวที่มองเขาด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเธอไม่เข้าใจ เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

“อย่าอินเกิน” แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงเก็บความสับสนเอาไว้ภายในแล้วเลือกที่จะแสดงท่าทีกวนประสาทออกไป

“ห้ามไม่ได้... กูอินง่าย” ชายหนุ่มยักไหล่ตอบ

“ปล่อยกูได้แล้วมั๊ง? แม่กับย่าแล้วก็ยายของมึงคงมองทะลุกำแพงไม่ได้”

“ใจมึงเต้นแรงปะ? ที่โดนกูหอม” จิณณ์ไม่ปล่อยมือจาก ซูซานโดยง่าย เขายังคงกอดเธออยู่แถมยังถามคำถามที่สร้างความหวั่นไหวให้กับหญิงสาว

“หึ” ซูซานส่ายหน้า

“จริงดิ?”

“อืม... แค่หอมแก้ม กูไม่สะทกสะท้านหรอก” คนปากแข็งเชิดหน้าตอบ

“งั้นถ้าจูบล่ะ?” จิณณ์เลิกคิ้วถามพร้อมรอยยิ้ม ขณะเดียวกันก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาวมากขึ้นเรื่อยๆ

“ถ้ามึงจูบก็ตบ!” ซูซานเบือนหน้าหนีชายหนุ่ม

“ก็คุ้มนะ... อยากรู้เหมือนกันว่าแรงมึงจะเยอะแค่ไหน” ชายหนุ่มส่งน้ำเสียงกวนประสาท ยื่นหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาวจนปลายจมูกโด่งของเขาและเธอสัมผัสกัน

“ถ้ามึงจูบ กูจะคิดว่ามึงชอบกู” ซูซานจ้องหน้าจิณณ์นิ่ง ทำเหมือนว่าไม่รู้สึกอะไร ทั้งๆ ที่ภายในใจนั้นเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะด้วยซ้ำ

“แล้วชอบได้ไหมล่ะ?” เขาเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ไม่ได้” คำปฏิเสธถูกเอ่ยออกไป ขณะที่หญิงสาวเม้มปกสนิทแน่น บ่งบอกว่าไม่ต้องการให้เขาจูบ

“ทำไม?” จิณณ์ปล่อยมือออกจาเอวบาง ถอยเท้าออกจากซูซานทันทีที่ได้ยินคำตอบ ทั้งๆ ที่เขาคิดถึง ทั้งๆ ที่อยากอยู่ใกล้ๆ แต่พอได้ยินคำตอบที่ไม่ได้คาดคิด มันทำให้เขาอารมณ์ไม่ดี

“ก็เราเป็นเพื่อนกัน... มึงจะชอบกูได้ยังไง อีกอย่างกูรู้ว่ามึงก็แค่แกล้งกู มึงไม่ได้รู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ” ซูซานมองหน้าจิณณ์ด้วยแววตาที่ไม่มั่นใจนัก

“ที่มึงไม่ห้ามกู... เป็นเพราะเราเป็นเพื่อนกันหรือเป็นเพราะมึงกลัวว่าตัวเองจะชอบกูกันแน่” จิณณ์เอ่ยถามเสียงเรียบ

“กูไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะชอบมึง เพราะมันไม่มีวันนั้น เราไม่มีทางชอบกัน ถ้ามันจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นจริงๆ เราชอบกันไปตั้งนานแล้วยีนส์ ไม่ปล่อยให้เวลามันผ่านมาขนาดนี้หรอก” นั่นเป็นเพราะเธอไม่เคยรู้ความรู้สึกของเขา เธอจึงพูดแบบนั้นออกมา

“ก็จริง... ถูกของมึง... ถ้าระหว่างเราสองคนมันจะมีอะไร มันคงมีไปตั้งนานแล้ว” จิณณ์หลุบตามองต่ำ น้ำเสียงส่อแววผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด

“เพราะงั้น... อย่าพยายามจูบกูอีกได้ไหม?”

แม้ภายในใจจะรู้สึกอึดอัด แต่หญิงสาวก็เลือกที่เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นและสายตาที่ยังคงสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง

“อืม” ชายหนุ่มตอบรับก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากห้องนอน

ซูซานทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง ก่อนจะคว้ามือถือขึ้นมากดโทรหาเชลโล่อย่างรวดเร็ว เธอต้องการผู้ช่วยและคนนั้นต้องเป็นเชลโล่ผู้ที่จะรับฟังเธออย่างไม่มีอคติ

ทว่าเพื่อนสาวของเธอกลับไม่รับสาย ซูซานเลยจำยอมตัดสายทิ้ง โยนมือถือลงที่เดิมแล้วทิ้งตัวนอนลงบนเตียง

“ไม่ๆๆๆ มันไม่ได้ชอบมึงหรอก... มันแค่แกล้งมึง อย่าหวั่นไหวนะไอ้ซาน... อย่าหวั่นไหว ไม่งั้นมึงจะต้องเสียใจ” ราวกับว่ามีอีกตัวตนในตัวของเธอกำลังพูดขึ้นมา การกระทำของจิณณ์สร้างความสับสนให้หญิงสาวไม่น้อย

เวลาล่วงเลยมาจนถึงเที่ยงคืน ซูซานนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง เธอยังคงคิดถึงสิ่งที่จิณณ์พูดภาพการกระทำของเขายังคงฉายวนซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่ในหัว

“เชี่ย!” แล้วเธอก็สบถออกมาพร้อมกับลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ยีหัวตัวเองอย่างคนคิดไม่ตก ในตอนนั้นเสียงข้อความก็ดังขึ้นมา หญิงสาวรีบคว้ามันขึ้นมากดดูทันที

Jeans : ยังไม่นอนอีกเหรอวะ

Susan : มึงรู้ได้ไงว่ากูยังไม่นอน

Jeans : ห้องมึงเปิดไฟ

Susan : นี่มึงอยู่ไหน

ซูซานพิมพ์ถามกลับไปแต่ไม่ได้รอคำตอบ เธอลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตูระเบียงห้องนอน มองลงไปที่สระว่ายน้ำหลังบ้าน ก็เห็นจิณณ์นั่งอยู่ริมสระ เขากำลังมองมาที่เธอพร้อมกับชูกระป๋องเบียร์ขึ้นสูง ส่งสัญญาณชวนให้เธอลงมาดื่ม เพียงเท่านั้นหญิงสาวก็ฉีกยิ้มรีบวิ่งออกจากห้องลงไปหาชายหนุ่มทันที

“กูคิดว่ามึงโกรธกูซะอีก” ซูซานเอ่ยถามขณะที่ลดตัวลงไปนั่งข้างๆ ชายหนุ่ม

“โกรธมึงเรื่องอะไร?” เขาเลิกคิ้วถามทำเหมือนไม่รู้ แต่ที่จริงแล้ว... ใช่... เขาโกรธเธอ เคยโกรธไปตั้งหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยโกรธได้นานสักที

“ช่างแม่ง... เอาเบียร์มากินบ้าง” หญิงสาวไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ยื่นมือไปขอเบียร์จากเขา พอได้มาก็รีบเปิดกระป๋องแล้วกระดกดื่มอย่างรวดเร็ว

“โหยขนาดนั้นเลย?” จิณณ์ถามพร้อมรอยยิ้ม

“มาก... กูอยากมาหลายวันแล้ว แต่ไม่กล้า กลัวแม่มึงว่า” ซูซานเอ่ยตอบ

“หึ... สี่วันที่ผ่านมามึงทำอะไรบ้าง” จิณณ์มองซูซานด้วยสายตาเอ็นดู การเฝ้ามองเธอไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อสำหรับเขาเลย

“โอ้โห... อย่าให้กูพูด...”

“งั้นก็ไม่ต้องพูด”

“ไม่เอาๆ กูจะเล่า... ตอนเช้าใช่ปะ? กูต้องออกไปเข้าคอร์สเจ้าสาวกับแม่มึง แม่ง... พวกนั้นจับกูขัดทั้งตัว แล้วขัดอย่างแรงจนหนังกูจะถลอก พอขัดเสร็จก็พอก พอกเสร็จก็อบตัว แล้วก็ทำเล็บทำผม เยอะแยะไปหมด” ซูซานเล่าอย่างออกรสออกชาด โดยมีจิณณ์นิ่งเงียบฟังเธอเล่าอย่างตั้งใจ

“พอกลับจากคอร์สเจ้าสาว กูก็ต้องมาเข้าครัวกับยายมึง... กูนี่ทั้งโดนน้ำร้อน ทั้งโดนมีดบาด... เนี่ยมึงดู นิ้วกูเยินหมดแล้ว” หญิงสาวชูสิบนิ้วที่มีรอยมีดบาดให้ชายหนุ่มดู

“ต่อๆ พอทำของคาวกับยายมึงเสร็จกูต้องมาเรียนซักผ้า รีดผ้า พับผ้า เรียนปูเตียงต้องดึงผ้าให้ตึง จนโยนเหรียญให้แม่งเด้ง เสร็จแล้วก็ต้องมาจัดดอกไม้... บันเทิงเริงใจกูมาก รู้ไหมว่ากูคิดว่านี่กูมาทำเชี่ยไรวะ... จะมาเป็นเจ้าสาวมึงหรือมาเป็นคนใช้กันแน่?” ซูซานทำหน้าหมดอาลัยตายยากใส่จิณณ์

“หึ” ชายหนุ่มยกยิ้มก่อนจะหัวเราะในลำคอ

“มึงอาจจะฟังแล้วตลก แต่กูบอกเลยว่ามันคือสี่วันที่กูทรมานมาก” หญิงสาวยังคงบ่น

“มึงไม่มีความสุขเลยสักนิดเหรอ? ไม่สนุกเลยดิที่ได้ทำเรื่องที่มึงไม่เคยทำ?” จิณณ์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง การที่เขาส่งหญิงสาวมาที่นี่ มันไม่ใช่เพียงเพราะต้องการให้เธอมาเข้าคอร์สเจ้าสาว สำคัญกว่านั้นมาก... เขาต้องการให้เธอมาเรียนรู้ความรักจากผู้ใหญ่ เขาต้องการให้เธอได้มาสัมผัสความอบอุ่นที่เธอไม่เคยได้รับจากพ่อแม่...

ซูซานนิ่งและคิดตามไปกับคำถามของจิณณ์... แล้วรอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาที่ใบหน้าของเธอ

“ถ้าตัดเรื่องที่ต้องตื่นเช้า... มีดบาด หนังถลอก น้ำร้อนลวก... มันก็สนุกดีนะ แม่มึงแล้วก็คุณย่า คุณยายน่ารักมาก พวกท่านดีกับกูจริงๆ” เธอเอ่ยบอกเขา

“ก็ไม่ถือว่าโง่ซะทีเดียว” จิณณ์เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

“อะไร? ใครโง่?” หญิงสาวถลึงตาเบิกโต

“แล้วตอนนี้มึงทำอะไรเป็นแล้วบ้าง?” จิณณ์เปลี่ยนเรื่อง

“ก็... กุ้งอบวุ้นเส้น แกงพะแนงเนื้อ แล้วก็พวกอาหารเหนือที่มึงชอบ มีหมูฮ้อง อ่องปู แกงฮังเล”

“กลับไปกรุงเทพกูต้องได้กินอาหารเหนืออาทิตย์ละครั้ง” จิณณ์ออกคำสั่ง

“สั่งเก่ง” ซูซานเบะปากมองชายหนุ่ม

“แล้วพ่อกูอะ... มึงได้คุยอะไรกับเขาบ้างไหม?” จิณณ์ถามต่อ

“ไม่ค่อยได้คุย แต่เขาก็แค่มองกูแล้วก็เอาแต่ยิ้ม เออๆ กูมีเรื่องจะเล่าอีก... ทุกครั้งที่ต้องกินข้างพร้อมหน้าพร้อมตา... มึงรู้ไหมว่าทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งย่าแล้วก็ยาย เอาแต่ถามคำถามกูไม่หยุด จนกูไม่เคยกินอิ่มเลย กูต้องแอบย่องลงมากินตอนดึกๆ ตลอด” หญิงสาวนิ่วหน้าเล่า ขณะเดียวกันจิณณ์ก็หัวเราะลั่นออกมา

“ฮะๆๆๆ”

“หัวเราะเชี่ยไร! ... นี่กูซีเรียสนะ!”

ป๊าบ!!!

ตุ้ม!!!

“เชี่ย!!!” ซูซานสบถออกมาด้วยความตกใจ เมื่อจิณณ์ตกลงไปในสระว่ายน้ำเพราะเธอตีหลังเขาอย่างแรง ซูซานใช้จังหวะนั้นลุกออกห่างจากขอบสระเพราะกลัวชายหนุ่มจะเอาคืน

“ฮะๆๆ กูขอโทษ... ไอ้ยีนส์ ฮะๆๆ กูไม่ได้ตั้งใจว่ะ” แม้จะเอ่ยขอโทษที่หญิงสาวก็ยังหัวเราะ

“เล่นเป็นเด็กเลยวะไอ้ซาน” จิณณ์ยกมือขึ้นเสยผมที่เปียกน้ำ ก่อนจะถอดเสื้อออกแล้วโยนขึ้นไปที่ขอบสระ

“มึงจะ... ถอดเสื้อทำไม?” ซูซานตกใจเมื่อเห็นแผงอกแกร่งของชายหนุ่ม

“กูไม่ชอบใส่เสื้อผ้าเปียก... เพราะใครล่ะ?” จิณณ์ถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“โอ๋ๆ อย่าโกรธกูดิ... กูไม่ได้ตั้งใจไง... มาๆ ขึ้นมาได้แล้วเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” ซูซานกวักมือเรียกชายหนุ่ม

“มาดึงกูขึ้นไป” จิณณ์กวักมือเรียกเธอให้เข้ามาใกล้ๆ

“หึ... กูไม่ได้โง่นะ ขืนเข้าไปใกล้มึงก็แกล้งกูคืนดิ!”

“หน้ากูดูเหมือนคนปัญญาอ่อนเหมือนมึงเหรอวะ?” จิณณ์ยังคงทำน้ำเสียงจริงจัง

“ไม่เอา... มึงชอบแกล้งกูอะ” ซูซานก็ยังคงไม่ยอม

“เร็วๆ กูหนาว... กูจะแกล้งมึงทำไมวะ? มาช่วยดึงมือกูหน่อย”

“หึ” หญิงสาวส่ายหน้ารัว

“เร็ว... ไอ้ซาน... กูไม่ตลก” จิณณ์ทำเสียงแข็ง

คราวนี้ซูซานค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปใกล้ขอบสระ สายตาของเธอจับจ้องไปยังเขา เธอกำลังคล้อยตามและหลงเชื่อว่าเขาจริงจัง

“อะ” แล้วเมื่อคนที่ฉลาดน้อยกว่ายื่นมือเล็กไปกุมมือหนา เตรียมจะฉุดรั้งเขาขึ้นจากสระ คนฉลาดกว่าใช้จังหวะอันรวดเร็วนั้น กระชากเธอลงสระอย่างแรงโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว

“กรี๊ดดดด!”

ตู้ม!!!

“ฮึก! ไอ้เชี่ยยีนส์! ไหนบอกจริงจังไม่แกล้งกูไง!” ซูซานตีน้ำใส้หน้าจิณณ์ ก่อนจะพยายามเดินลุยน้ำหนีเขา

หมั่บ!

แต่แล้วชายหนุ่มก็คว้าร่างเธอมากอดไว้... อีกครั้ง

“อยู่นิ่งๆ” เขากระซิบบอกเธอ จับไหล่เล็กหมุนตัวให้หญิงสาวหันมาเผชิญหน้ากับเขา

“อะไร!”

“พ่อกูยืนมองอยู่ที่ระเบียง... อย่าทำเสียงดัง เดี๋ยวโป๊ะแตก” เขายังคงกระซิบที่ข้างใบหูแดงก่ำของหญิงสาว

“ละ... แล้วกูต้องทำอะไร?” เมื่อถึงคราวที่ต้องแสดงละคร ซูซานก็เลิ่กลั่กขึ้นมา

“กอดกู” ผู้กำกับหนุ่มเริ่มกำกับนักแสดงสาว

“กอดทำไม?” หญิงสาวเลิกคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ

“ก็ทำเหมือนเราออกมาจู๋จี๋กันตอนกลางคืนไง” จิณณ์ยกยิ้ม ชำเลืองสายตาขึ้นไปมองความว่างเปล่าที่ระเบียง... ไม่มีผู้ใดกำลังมองอยู่ทั้งนั้น เขาเพียงต้องการกำกับให้หญิงสาวทำในสิ่งที่เขาต้องการ...

“แค่กอดนะ...” ซูซานเงยหน้ามองจิณณ์ ก่อนจะสวมกอดเขาแน่น

“มองหน้ากู” ชายหนุ่มสอดมือหนาไปรวบท้ายทอยของหญิงสาว เพื่อล็อกให้เธอสบตาเขา เขากำลังกุมใบหน้าสวยนั้นไว้อย่างแผ่วเบา สองสายตาสบกัน... จิณณ์พยายามส่งความรู้สึกผ่านทางสายตาไปยังซูซานอีกครั้ง

“กูถามจริงๆ ที่มึงบอกว่าคิดถึงกู... มึงแค่เล่นไปตามบทหรือเพราะรู้สึกจริง” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งและแผ่วเบา ถามคำถามเดิมที่เคยถามไปก่อนหน้า

“กู...” ซูซานกำลังคล้อยตามชายหนุ่มอย่างน่าเหลือเชื่อ

“บอกสิ่งที่อยู่ในใจของมึง... แล้วกูจะเชื่อ จะไม่ถามอีก...”

“อืม... สี่วันที่ผ่านมา พอได้มานอนในห้องของมึง มาอยู่กับครอบครัวของมึงแล้วทุกคนก็ดีกับกู...” ซูซานพยายามจะอ้อมโลก

“ขอคำเดียว... มึงคิดถึงกูบ้างไหมซาน ตลอดหกปีที่เราไม่ได้เจอกัน...”

“คิดถึง” แล้วหญิงสาวก็เอ่ยตอบชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงสั่นไหว... ก่อนที่ภาพวันเกิดของเธอตอนปีสามจะผุดขึ้นมาในหัว... วันที่เธอเมามากจนแทลจำอะไรไม่ได้และจิณณ์อยู่กับเธอ... ภาพที่เขาพูดอะไรสักอย่างซึ่งเธอจำไม่ได้มันปรากฎชัดขึ้นมา... เธอจำได้แล้วว่าเขาจูบเธอในวันนั้น!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel