บทที่ 9 โลกกลม
At So Sweet
เชลโล่เดินเข้ามายังร้านเค้กที่เธอนัดกับทางร้านเอาไว้ หญิงสาวได้พูดคุยกับเจ้าของร้านซึ่งเป็นสาวสวยวัยสามสิบต้นๆ ก่อนที่เธอจะเดินมานั่งที่มุมหนึ่งของร้าน รอเพียงไม่นาน ขนมเค้กหลากหลายชนิดก็ถูกนำมาวางตรงหน้าเธอ ตามด้วยเจ้าของร้านที่เข้ามานั่งเพื่อรออธิบายส่วนผสม
“หน้าตาน่าทานทั้งนั้นเลยนะคะ นี่คุณแคนดี้อบเองหมดเลยหรือเปล่าคะ?” เชลโล่ฉีกยิ้มมองเค้กที่เธอชอบตรงหน้า
“แคนดี้อบเองหมดเลยค่ะ คุณเชลโล่ลองชิมชิ้นนี้ดูนะคะ ชื่อว่า So Sweet Butter Cake เป็นซิกเนเจอร์ของร้านเรา” แคนดี้ดันจานเค้กไปตรงหน้าเชลโล่ หญิงสาวไม่รอช้า รีบนำส้อมขึ้นมาตักเค้กเข้าปาก รอยยิ้มมีความสุขผุดขึ้นที่มุมปากในทันทีเมื่อเธอได้ลิ้มรสชาติของมัน
“อร่อยมากเลยค่ะ หอม... ไม่หวานมาก เนื้อเค้กก็นุ่ม มีความมันนิดๆ เชลโล่ชอบเค้กแบบนี้มากเลยค่ะ”
“ได้ยินแบบนี้แล้วแคนดี้รู้สึกดีจังเลยค่ะ”
“แล้วอันนี้คืออะไรคะ?” เชลโล่ชี้ไปยังเค้กอีกชิ้นที่มีหน้าตาน่าทาน
“พิสตาชิโอบัตเตอร์ครีมเค้กค่ะ เป็นเค้กเนื้อละมุน ผสมกับถั่วพิสตาชิโอ” จบคำอธิบาย เชลโล่ก็รีบตักมาเข้าปากทันที
“อือหือ... อร่อยอีกแล้วค่ะ คุณแคนดี้อบเค้กได้อร่อยมากๆ เลยนะคะ”
“แคนดี้รักการอบเค้กมากเลยค่ะ ทำมาตั้งแต่เด็กๆ บังคับให้น้องชายทาน... จากคนที่ไม่ชอบทานหวาน... ตอนนี้น้องชายของแคนดี้กลายเป็นคนชอบเค้กไปแล้วล่ะค่ะ ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องมา... อ๊ะ!พูดถึงก็มาโน่นเลย” แคนดี้โบกมือเรียกน้องชายที่เธอเพิ่งพูดถึงด้วยรอยยิ้ม และเมื่อเชลโล่หันมองตาม เธอจึงได้เข้าใจกับคำพูดว่าที่โลกกลมทันที
“พี่เคนโซ?”
“เชลโล่?”
“นี่สองคนรู้จักกันด้วยเหรอคะ?”
แล้วเชลโล่ก็ได้รู้ว่าแคนดี้ที่เป็นเจ้าของร้านเค้กร้านโปรดของเธอนั้นเป็นพี่สาวของเคนโซ รุ่นพี่สมัยไฮสคูลที่เธอเคยแอบชอบ พวกเขาได้พูดคุยกันหลายต่อหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องงานแต่งงานของเชลโล่ที่กำลังจะมีขึ้นในเดือนธันวาคม
“อย่าลืมแจกการ์ดพี่ด้วยล่ะเชลโล่” เคนโซเอ่ยขึ้นหลังจากที่แคนดี้ลุกออกไปทำงานของเธอต่อ
“ไม่ลืมแน่นอนค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าโลกจะกลมได้ขนาดนี้ เพราะร้านนี้เป็นร้านโปรดของเชลโล่เลยนะคะพี่เคนโซ”
“โลกมันกลมแบบนี้มานานแล้วล่ะ ไม่งั้นเราจะบังเอิญเจอกันเมื่อวันก่อนนั้นเหรอ? แล้วนี่เชลโล่มาชิมเค้กสำหรับงานแต่ง... ไม่ต้องมาว่าที่เจ้าบ่าวมาด้วยเหรอ? บอกตามตรงว่าพี่แอบอยากเห็นหน้าเจ้าบ่าวของเชลโล่นะ” เคนโซเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“เขาไม่ว่างค่ะ... ไม่เคยว่าง” และเมื่อต้องพูดถึงร็อกเก็ต รอยยิ้มก็เหือดหายไปจากใบหน้าของหญิงสาวในทันที
“งานเขายุ่งขนาดที่จะมาชิมเค้กแต่งงานไม่ได้เลยเหรอ? จะน่าเกลียดไหมถ้าพี่จะถามว่าเขาทำงานอะไร เป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงได้ใจเชลโล่ของพี่ไปได้?” เชลโล่ของพี่... คำนี้ทำให้หญิงสาวแก้มแดงขึ้นมา ภาพในวันวานที่เธอเคยแอบเฝ้ามองเขาก็ฉายวาบเข้ามาในหัว
“เขา... ชื่อร็อกเก็ตค่ะ เป็นทายาทเรด ดรากอน เขาบริหารงานให้กิจการที่บ้าน แล้วก็เปิดผับของตัวเอง” เพียงคำอธิบายสั้นๆ ของเชลโล่ เคนโซก็นิ่งไป โลกที่เขาบอกว่ากลมนั้นมันกลมยิ่งกว่าเดิม เมื่อว่าที่สามีของเธอคือเป้าหมายเดียวของเขาในเวลานี้
“คนดังสินะ” เคนโยยกยิ้มมุมปาก
“พี่เคนโซรู้จักร็อกด้วยเหรอคะ?”
“มีใครบ้างที่จะไม่รู้จักร็อกเก็ต นักธุรกิจรุ่นใหม่ ไฟแรง หยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม เชลโล่ถึงบอกว่าเขาไม่ค่อยมีเวลา”
“ก็นั่นสิคะ!งานที่เรด ดรากอนก็เยอะแยะมากพออยู่แล้ว เขายังจะมาเปิดผับอีก!” หญิงสาวนิ่วหนาบ่นอุบอิบ
“ผับที่ว่านั่นใช่... The Space หรือเปล่า?” เขาถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้ว
“ใช่ค่ะ อย่าบอกนะว่าพี่เคนโซเคยไป? เพราะไม่อย่างนั้นโลกมันจะกลมเกินไปแล้วจริงๆ ฮะๆ” เชลโล่ยกมือป้องปากหัวเราะ
“ไม่เคยไปหรอก... แต่อยากไปอยู่นะ ได้ข่าวว่าผับนี้ดังมาก แถมยังดึงลูกค้าผับอื่นไปอีก”
“เชลโล่ก็ยังไม่เคยไปเลยค่ะ ร็อกเขาไม่ชอบให้เชลโล่เที่ยวผับเท่าไหร่”
“แต่ถ้าเที่ยวผับของเขาเอง... ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั๊ง?” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ทำทีจะชวยหญิงสาวไปเที่ยวผับกับเขาในคืนนี้
“แต่...”
“ไปด้วยกันนะ คืนนี้เลย เชลโล่จะได้แนะนำว่าที่เจ้าบ่าวให้พี่รู้จักด้วยไง” เคนโซยกยิ้มมุมปาก สายตาจับจ้องเชลโล่ไม่วางตา
At The Space
ตำรวจชั้นผู้ใหญ่สี่นาย กำลังดื่มด่ำกับเครื่องเมาและนารี หนึ่งในนั้นคือ วศิน ผู้เป็นพ่อของเสือ ซึ่งก็ถือว่าเป็นคนที่ร็อกเก็ตให้ความเคารพ ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ เพราะภายในห้องรับรองแขกวีไอพีของผับในเวลานี้มีประเด็นหนึ่งที่เขาให้ความสนใจไม่น้อย
หลักจากที่ร็อกเก็ตได้รู้ถึงเหตุผลของการที่ลูกน้องของ แก๊งมาเฟียมาพังผับเขาเมื่อหลายวันก่อน เขาก็ส่งคำเชิญให้เหล่าตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาลิ้มลองสีสันของผับในวันนี้ เขาได้รู้แล้วว่าเคนโซเป็นมาเฟียที่คุมพื้นที่แถบนี้และที่มาเฟียหนุ่มคนนั้นส่งลูกน้องมาพังผับก็เพื่อต้องการส่งเสียงเตือน ว่า The Space ต้องจ่ายค่าคุ้มครอง
แต่มีหรือที่คนอย่างร็อกเก็ตจะยอม ในเมื่อยังไงเขาก็ต้องจ่ายค่าคุ้มครอง สู้เขาจ่ายให้ตำรวจที่ไว้ใจได้แทนที่จะเป็นมาเฟียไม่ดีกว่าหรือ?
“ผมต้องขอบคุณคุณอามากจริงๆ นะครับที่ยอมมาในวันนี้” ร็อกเก็ตเอ่ยกับวศิน
“คนกันเอง... ยังไงร็อกก็เป็นเพื่อนของเจ้าเสือ มีอะไรช่วยได้ อาก็อยากช่วย อีกอย่าง... อาเองก็เพิ่งเซ็นออกคำสั่งให้ทางตำรวจดูแลพื้นที่นี้เป็นพิเศษ เพราะพวกมาเฟียมันเยอะขึ้นทุกวัน” วศินยกยิ้ม
“ครับคุณอา”
“แล้วนี่จะแต่งงานเมื่อไหร่ล่ะ? ช้ามากเดี๋ยวจะตามเพื่อนๆ ไม่ทันเอานะ”
“เดือนธันวานี้แล้วครับคุณอา”
“ดีๆ รีบแต่งเข้า... จะได้รู้รสชาติของชีวิตสักที ฮะๆ” วศินตบไหล่ร็อกเก็ตเบาๆ ก่อนจะคว้าแก้วเหล้าขึ้นกระดกดื่มพร้อมเสียงหัวเราะ
เวลาสี่ทุ่มครึ่ง...
ที่ด้านล่างของผับ เสียงดนตรีดังกระหึ่ม ผู้คนมากมายกำลังสนุกกับการเต้นรำ เหล่าวัยรุ่นมีฐานะพากันโยกย้ายส่ายเอวเคล้าเสียดนตรีและความมึนเมา ร่างสูงเดินนำร่างบางเข้ามาในผับ เขาโบกมือเรียกพนักงานให้พาเขาไปที่โต๊ะซึ่งจองไว้ก่อนหน้า
“ดื่มอะไรดีเชลโล่?” เคนโซเอ่ยถามหญิงสาวเมื่อทั้งเขาและเธอเดินมานั่งที่โต๊ะ
“เชลโล่ขอเป็นคราฟเบียร์ก็แล้วกันค่ะ”
“เอาคราฟเบียร์มาสองแก้ว” เคนโซสั่งเบียร์กับพนักงานเสิร์ฟ ก่อนจะหันไปถามหญิงสาว
“ปกติร็อกเก็ตเขาเข้าผับทุกคืนเลยหรือเปล่า?”
“ก็น่าจะทุกคืนนะคะ เดี๋ยวเชลโล่ลองโทรหาเขาดีกว่า จะได้แนะนำให้รู้จักกัน” ว่าแล้วหญิงสาวก็หยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกหาแฟนหนุ่ม แต่รอสายอยู่นานเขาก็ไม่รับ
“ร็อกไม่รับสายเลยค่ะ” เธอบอกเคนโซ ขณะที่กดโทรออกอีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นร็อกเก็ตก็ยังไม่รับสายเธอ จนหญิงสาวถอดใจ
“เขาคงจะติดธุระ” เคนโซว่า ระหว่างนั้นพนักงานก็นำคราฟเบียร์สองแก้วใหญ่มาเสิร์ฟ
“คืนนี้คุณร็อกเก็ตเข้ามาหรือเปล่า?” เชลโล่เอ่ยถามกับพนักงาน
“บอสเข้ามาแล้วครับ อยู่ที่ห้องรับรองแขกวีไอพี” พนักงานเอ่ยตอบก่อนจะเดินออกไป
“หมดแก้ว” เคนโซยกแก้วขึ้นไปตรงหน้าเชลโล่
“หมดแก้วเลยเหรอคะ?” หญิงสาวยกยิ้ม
“ต้องหมดสิ... เชลโล่คออ่อนหรือเปล่า?”
“ไม่ค่ะ” เธอส่ายหน้าตอบ
แก๊ง!
แล้วทั้งสองก็ชนแก้วกันก่อนจะกระดกดื่มมันจนหมดแก้วภายในรอบเดียว เคนโซยิ้มพอใจ ก่อนจะชูแก้วขึ้นสูงเพื่อสั่งเบียร์กับพนักงานอีกครั้ง
“ดื่มเก่งเหมือนกันนะเรา”
“ก็พอได้ค่ะ... แต่ถ้าหมดแก้วรวดเดียวบ่อยๆ ก็อาจจะเมาเร็วแน่ๆ”
“เมื่อกี้ที่เด็กเสิร์ฟพูดถึงแขกวีไอพี... เชลโล่รู้ไหมว่าเป็นใคร?” เขาถามด้วยความอยากรู้ อยากรู้ว่าร็อกเก็ตคิดจะทำอะไรกันแน่
“เชลโล่ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ก็คงจะเป็นเพื่อนๆ เขา หรือไม่ก็พวกนักธุรกิจ” หญิงสาวตอบแบบผ่านๆ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาโทรออกหาร็อกเก็ตอีกครั้ง...
