บทที่ 10 ความสัมพันธ์สิบปี
At The Space
Cello said :
บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ฉันเริ่มเมาแล้วล่ะ เพราะฉันมาที่นี่ตั้งแต่สี่ทุ่มครึ่ง จนถึงเวลาก็เที่ยงคืนแล้ว และฉันก็ดื่มคราฟเบียร์ไปทั้งหมดห้าแก้วแล้ว ฉันยังไม่เจอร็อกและพี่เคนโซก็กำลังจะกลับแล้ว เขาแสดงออกชัดเจนว่าเสียดายที่ไม่ได้เจอว่าที่เจ้าบ่าวของฉัน
และฉันเองก็เสียดาย เพราะฉันอยากให้พวกเขาได้เจอกัน ฉันพยุงตัวเองเดินขึ้นมาที่ชั้นสองของผับ ฉันรู้ทางไปห้องวีไอพี อยากจะรู้จริงๆ ว่าในห้องนั้นมันมีอะไรกัน ทำไมร็อกถึงอยู่ในห้องนั้นไม่ยอมออกมาตั้งหลายชั่วโมง ที่สำคัญคือเขาไม่ยอมรับสายฉันเลย
ฉันเดินมาตามทางจนมาถึงหน้าห้องที่เขียนว่า VIP ONLY ฉันเอื้อมมือไปคว้าลูกบิดประตู ทว่า... ประตูนั้นถูกเปิดออกมาเสียก่อน โดยที่ฉันยังไม่ทันได้เปิด
“คุณเชลโล่?!” หญิงสาวในชุดเดรสรัดติ้วสีแดง เอ่ยชื่อฉันด้วยน้ำเสียงตกใจ ฉันคุ้นหน้าเขานะ แต่จำไม่ได้จริงๆ ว่าเป็นใคร
“ร็อกเก็ตอยู่ข้างในใช่ไหม?” ฉันเอ่ยถามด้วยไม่รั้งรอ
“ใช่ค่ะ แต่... หนิงว่าคุณเชลโล่อย่าเพิ่งเข้าไปเลยค่ะ กลับไปรอที่ห้องทำงานของบอสก่อนดีไหมคะ แล้วหนิงจะรีบแจ้งบอสให้ว่าคุณเชลโล่มาที่นี่” ฉันจำได้แล้ว... หนิง คือผู้จัดการผับ แต่ฉันไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก สิ่งที่ฉันสนใจคือทำไมหนิงต้องตกใจที่เห็นฉัน แล้วทำไมฉันถึงเข้าไปในห้องนั้นไม่ได้ มันมีอะไร?
“ไม่เป็นไร ฉันจะเข้าไปหาร็อกเอง” ฉันเอื้อมมือไปที่ลูกบิดประตูอีกครั้ง
หมั่บ!
หนิงเอื้อมมือมารั้งฉัน สีหน้าของเธอในตอนนี้ดูกังวลไม่น้อย และฉันก็เริ่มใจไม่ดีขึ้นมา... ในห้องนั้นมีอะไรงั้นเหรอ ทำไม หนิงดูพยายามรั้งฉันเหลือเกิน
“ปล่อย!” ฉันตะคอกเสียงดัง
“บอสกำลังคุยอยู่กับผู้ใหญ่หลายท่าน คุณเชลโล่อย่าเพิ่งเข้าไปเลยค่ะ เดี๋ยวจะโดนบอสดุเอาเปล่าๆ”
“ผู้ใหญ่หรือผู้หญิงกันแน่!ฉันไม่เชื่อหรอกว่าข้างในนี้มันเป็นการคุยงาน!คุยงานบ้าบอะไรถึงต้องมาคุยกันในผับ แล้วถ้าคุยงานจริงๆ ทำไมฉันถึงเข้าไปไม่ได้!”
“เชื่อหนิงเถอะนะคะ คุณเชลโล่เข้าไปไม่ได้”
“แล้วทำไมเธอเข้าได้? หรือเธอสำคัญกับร็อกมากกว่าฉัน?!” ฉันเชื่อว่าในห้องนี้มันต้องมีอะไรสักอย่างที่ฉันไม่มีสิทธิ์เห็น อยู่ๆ ฉันก็เริ่มโกรธขึ้นมา ถ้าร็อกกลับไปเป็นคนเจ้าชู้เหมือนเดิมอีก... รับรองได้เลยว่าฉันเลิกกับเขาแน่ ต่อให้รักแค่ไหนก็ต้องเลิก เพราะฉันไม่มีวันแต่งงานกับคนที่ไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวแน่ๆ
พรึ่บ!
แล้วฉันก็เปิดประตูเข้าไปในห้อง ฉันเดินเข้าไปหยุดที่กลางห้อง ความร้อนระอุก่อตัวขึ้นในตัวฉัน มือสั่นไปหมด เมื่อภาพที่ฉันเห็นคือคนแก่รุ่นพ่อสี่คนกำลังเคล้าคลอหญิงสาวอายุรุ่นลูก และหนึ่งในนั้นคือคุณอาวศิน พ่อของไอ้เสือ... พวกเขาผละออกจากเด็กสาวพวกนั้นอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นฉันเข้าไปในห้อง แต่ฉันไม่สนใจพวกเขา ฉันเพ่งมองร็อกเก็ต ที่กำลังมองหน้าฉันนิ่ง เราสองคนสบตากัน... ก่อนที่ฉันจะเบนสายตาจากเขาไปมองหญิงสาวด้านข้างที่กำลังเกาะแขนเขาอยู่
“เชลโล่!” ร็อกเก็ตเอ่ยชื่อฉัน น้ำเสียงตกใจพอๆ กับหนิงที่เห็นฉันก่อนหน้านี้
ซ่า!
รวดเร็วทันใจนึก ฉันคว้าแก้วเหล้าในมือร็อกเก็ต สาดหน้าเขา ก่อนจะปามันลงพื้น
เพล้ง!
“ไปตายซะร็อกเก็ต!ไอ้คนทรยศ!” ฉันตะโกนออกไปก่อนจะวิ่งออกมาจากห้องวีไอพีคาวโลกีย์นั่น น้ำตาไหลออกมา ฉันคิดว่าเขาเลิกแล้ว... เสียใจที่สุด ฉันโง่เองที่สำคัญตัวเองผิดคิดว่าเขารักฉันมากพอที่จะเลิกนิสัยเดิมๆ
หมั่บ!
ในตอนที่ฉันกำลังจะวิ่งลงบันได ตัวฉันก็โดนอุ้มจากด้านหลังจนตัวลอย ฉันพยายามจะดิ้น แต่ก็สู้แสงเขาไม่ไหว ฉันถูกอุ้มเข้าไปในห้องทำงานด้านหลังผับ
พลั่ก!
ร็อกเก็ตโยนฉันลงบนโซฟาในห้องทำงาน ใบหน้าที่เขามองฉันในตอนนี้... ฉันมองไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไร เพราะมันเรียบนิ่งเหลือเกิน
“ไปตายเหรอ? ทรยศเหรอ?” ร็อกเก็ตจ้องหน้าฉันนิ่งพร้อมกับคำด่าของฉัน
“ชั่ว!มั่วไม่เลิก!บ้ากาม!เลว!กลับคำพูด!ผิดสัญญา!” ฉันด่าเขาทั้งน้ำตา
“เชลโล่!หยุดเดี๋ยวนี้เลย!รู้แล้วเหรอว่าสิ่งที่เห็นมันคืออะไร? ถามกันสักคำหรือยังถึงได้ตีโพยตีพายแบบนี้!รู้หรือเปล่าที่รักกำลังจะทำให้งานของร็อกพัง!!!” เขาโกรธ... ตอนนี้ฉันรู้แล้ว และฉันกลายเป็นคนผิดที่ทำงานเขาพัง
“ฮือๆๆ อีกแล้ว!เค้าผิดอีกแล้ว!ทั้งๆ ที่เค้าเห็นร็อกอยู่กับผู้หญิงคนอื่นแต่เค้ากลับเป็นคนผิด!แล้วมันก็วนมาที่เรื่องเดิม คืองาน!งาน!งาน!เค้าเบื่อ!เหนื่อยจะทนแล้ว อะไรๆ ร็อกก็อ้างแต่งาน!เค้าไม่เคยสำคัญเลย!ผู้หญิงนั่นก็งานหรือไง!งานของร็อกคือการเปิดห้องให้คนแก่เขามามั่วกับผู้หญิงรุ่นลูกหรือไง!”
“เชลโล่!”
เพล้ง!!!
ฉันสะดุ้ง ยกมือขึ้นกุมหัวตัวเอง เมื่อร็อกเก็ตคว้าแจกันดอกไม้ปาไปยังผนังห้องด้านหลังฉัน จนมันแตกกระจาย ตัวฉันสั่นเพราะความกลัว... และมันเป็นครั้งแรกที่ร็อกเก็ตรุนแรงแบบนี้
“ฟังนะ... ร็อกจะพูดแค่ครั้งเดียว และจะไม่อธิบายเรื่องนี้อีก” ร็อกเก็ตพยายามคุมเสียงตัวเองให้นิ่งลง
“พวกเขาเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ร็อกต้องใช้เส้นสายของพวกเขาเพื่อที่จะได้ไม่ต้องจ่ายให้พวกมาเฟีย แล้วพวกผู้หญิงนั่น... เขาก็แค่มาทำงาน คือการดูแลเอนเตอร์เทนแขก ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ร็อกไม่ได้คิดจะนอกใจ... ที่รักคิดว่าร็อกจะนอกใจที่รักแล้วไปเอาผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้หรือไง?!” น่าแปลก... ที่ถึงร็อกเก็ตจะพยายามอธิบาย และฉันก็พร้อมจะเชื่อ... แต่ฉันกลับยังรู้สึกเสียใจเหมือนเดิม ไม่ใช่เรื่องเจ้าชู้ของเขา แต่มันเป็นเรื่องที่ยังไง ฉันก็มีค่าน้อยกว่างานของเขาอยู่ดี
“หลายปีมานี้ร็อกทำแต่งาน ทั้งๆ ที่เราคบกันมาสิบปี รักกันก่อนเพื่อนๆ ทุกคน แต่เรากลับตามหลังพวกเขาทั้งหมด เพราะร็อก... ไม่เคยว่าง ไม่เคยมีเวลา งานมาก่อนเค้าเสมอ ต่อให้ทะเลาะและพยายามจะเข้าใจกี่ครั้ง แต่เค้าก็ยังไม่เค้าใจว่างานมันสำคัญขนาดนั้นเลยใช่ไหม? ร็อกถึงได้ทำให้เค้าเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะงาน...” ฉันเหนื่อย... มาถึงตอนนี้ก็ไม่รู้แล้วว่าเราจะยื้อกันไปอีกทำไม
“...” ร็อกเก็ตเอาแต่เงียบ
“จนตอนนี้เค้าคิดว่า... หรือที่จริงมันอาจไม่ใช่เพราะงาน แต่มันเป็นเพราะความรักเขาเรามันไม่มากพอ เค้าเลยสำคัญได้ไม่เท่ากับงานล้ำค่าของร็อก” น้ำตาไหลอาบสองแก้มฉันอย่างไม่ลดละ
“ต่อให้ร็อกอธิบาย ที่รักก็ยังไม่เข้าใจ ต้องให้บอกอีกกี่ครั้งว่าที่ร็อกทำอยู่นี่ก็เพื่ออนาคตของเราไง”
“ไม่จริง!ไม่ใช่อนาคตของเรา!เพราะเค้าไม่ได้ต้องการความร่ำรวย ที่เค้าต้องการคือร็อก!”
“เชลโล่... การเลี้ยงคุณน่ะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แค่ห้าหกเดือนคุณหมดเงินไปกับร้านนั้นเกือบสิบล้าน เพราะงั้นอย่าบอกว่าคุณไม่ต้องการความร่ำรวย เพราะถ้าผมไม่รวย ผมไม่มีทางเลี้ยงคุณได้แน่ๆ” สรรพนามฉันถูกเปลี่ยน... แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเขาโกรธฉันมาก ทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นฉันที่ต้องโกรธ
“แล้วนี่ยังไม่รวยอีกเหรอ? บริหารเรด ดรากอน ก็รวยมากพอแล้ว ร็อกจะมาทำผับบ้านี่อีกทำไม!”
“เรด ดรากอนเป็นของพ่อ ไม่ใช่ของร็อก ผับนี่ต่างหากที่เป็นของร็อก!”
“พอเถอะ!ยังไงเดี๋ยวเราก็ต้องกลับมาทะเลาะเพราะเรื่องงานอีกอยู่แล้ว ปัญหามันไม่เคยถูกแก้ไข... แล้วเค้าก็เหนื่อยจริงๆ ร็อก... เค้าเหนื่อยที่จนอยากพอ” ฉันจ้องหน้าร็อกเก็ต มีคำหนึ่งที่อยู่ในใจของฉัน แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไป
“เหนื่อยก็ไม่ต้องทน ถ้าที่รักคิดว่าร็อกไม่มีความสามารถพอที่จะทำให้ที่รักมีความสุขได้ ที่รักก็ไม่ต้องทนอีกแล้ว...” เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
หัวใจฉันบีบรัด... ที่ผ่านมาต่อให้เราทะเลาะกันมากมายแค่ไหน แต่ร็อกเก็ตไม่เคยพูดคำนั้นเลยสักครั้ง
“สรุปคือ... ยังไงร็อกก็เลือกงาน?” ฉันเลิกคิ้วถามทั้งน้ำตา
“ไม่สำคัญว่าร็อกเลือกอะไร ถ้าที่รักต้องการปล่อยมือร็อกแล้ว... ก็แค่ปล่อย...” เขาหลุบตามองต่ำ ไม่ยอมสบตาฉัน
“งั้นเราก็เลิกกัน!ในเมื่อร็อกไม่เคยเห็นเค้าสำคัญ งานแต่งงานก็ไม่ต้องเกิดขึ้น ร็อกจะได้ไปทำงานของร็อกโดยที่ไม่มีเค้าเป็นอุปสรรคสักที!”
“...” เขาเงียบ แม้แต่ตอนที่ฉันบอกเลิกเขา
“ยอมเลิกใช่ไหม?” ฉันยังคงถาม
“ร็อกไม่เคยคิดว่าเราต้องเลิกกัน แต่ถ้าที่รักอยากเลิกขนาดนั้น... ถ้าไม่เคยเข้าใจกันเลย ร็อกก็ต้องยอม เพราะร็อกแม่งก็โคตรเหนื่อยเลยว่ะ!”
“ฮึก!เราต่างคนต่างเหนื่อย... ยื้อกันมาเพื่อเลิกกันในวันนี้ มันคงต้องจบแล้วจริงๆ ลาก่อนร็อกเก็ต” ฉันบอกลาเขา ก่อนจะเดินผ่านตัวเขา ทว่าเขากลับคว้าข้อมือฉันเอาไว้แน่น
“รู้ใช่ไหม... ว่าถ้าที่รักเดินออกไป เราคงต้องเลิกกันจริงๆ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ถึงอยู่ต่อก็ใช่ว่าเราจะมีความสุขกันนี่ ร็อก... ยังไม่พร้อมจะแต่งงาน เรื่องนั้นเค้ารู้มานานแล้ว ร็อกอยากจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ไปทำงานของร็อกเถอะ เค้าไม่กวนแล้ว” ฉันทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะเดินออกมาจากห้องทำงานของเขา...
