บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ตัวแดงในบัญชี

Cello said :

At Wonder Coffee

เมื่อคืนฉันรอร็อกทั้งคืนแต่เขาก็ไม่มา บอกตามตรงว่าฉันน้อยใจเขาจนเบื่อแล้ว เพราะสุดท้ายมันก็มีจุดจบที่เดียวกัน คือเขาตามง้อฉันและฉันก็ยอมกลับไปคืนดีด้วย ฉันเลยคิดว่าน้อยใจเขาไปก็เสียเวลาเปล่า... แต่มันก็อดน้อยใจไม่ได้อยู่ดี

ฉันรู้ว่าเขางานเยอะและงานก็มีปัญหามาให้แก้อยู่ตลอด ฉันไม่ได้อยากจะไปสร้างปัญหาให้เขาเพิ่ง แต่บางที... ฉันก็อยากยืนยันความสำคัญของตัวเองบ้าง เพราะยังไงฉันก็เป็นคนที่เขาบอกว่ารัก

และเพราะฉันเอาแต่คิดถึงร็อก ฉันเลยไม่มีสมาธิตรวจบัญชีร้าน เอาใหม่ๆ ฉันต้องตั้งสติให้ดีกว่านี้ จะเอาเรื่องส่วนตัวมาคิดตอนที่กำลังทำงานไม่ได้

สองชั่วโมงผ่านไป...

ฉันสรุปยอดการขายออกมาได้แล้ว... ขาดทุนยับเยิน และวันนี้ฉันต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานสามคนและยังต้องจ่ายค่าเช่าร้าน รวมๆ แล้วก็ประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท บ้าจริง... ตั้งแต่ที่เปิดร้านมาฉันใช้เงินไปกับมันไม่ต่ำกว่าห้าล้าน และตอนนี้ฉันไม่มีเงินแล้ว เพราะฉันขาดทุนทุกเดือน ฉันจะบอกพ่อแม่กับพี่ไวโอลินไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นพวกเขาต้องสั่งให้ฉันปิดร้านอีกแน่ๆ

แต่ยังไงวันนี้ฉันก็ต้องหาเงินแสนห้ามาให้ได้ และคงมีเพียงร็อกคนเดียวที่จะช่วยฉันได้ ฉันคว้ามือถือขึ้นมากดหาเขา ทั้งๆ ที่ยังแอบงอนเขาก็ตามเถอะ แผนของฉันคือจะอ้อนขอเงินร็อก... ฉันโกหกเขาว่าจะเอาเงินไปซื้อเสื้อผ้าหรือไม่ก็กระเป๋า บอกความจริงไม่ได้เด็ดขาดว่าจะเอาเงินมาโปะตัวแดงที่ร้าน เพราะร็อกต้องไม่ยอมและเขาจะเป็นตัวการสำคัญที่สั่งให้ฉันปิดร้านนี้แน่ๆ

[ครับ?] เขารับสายโดยไม่ปล่อยให้ฉันต้องรอช้า

“ร็อก...” และฉันก็ทำเสียงหวานหยดย้อย เตรียมอ้อนเขาเต็มที่

[ที่รักโทรมาพอดีเลย ร็อกกำลังจะเข้าไปหาที่ร้าน ขออเมริกาโน่แก้วนึงนะ]

“เดี๋ยวๆ นี่ร็อกกำลังจะมาที่ร้านเหรอ?!” บ้าจริง... แผนพังตั้งแต่ที่ยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ

[ใช่ ถึงพอดีเลย เดี๋ยวร็อกสูบบุหรี่ที่หน้าร้านเสร็จ แล้วจะเข้าไปนะ อย่าลืมสั่งบาร์ริสต้าด้วย อเมริกาโน่เย็น] แล้วเขาก็วางสายไป โดยที่ฉันยังไม่ทันได้บอกเลยว่าโทรไปหาเขาทำไม...

ฉันเดินถือแก้วอเมริกาโน่เย็นมาวางที่ตรงหน้าร็อกเก็ตซึ่งกำลังสอดสายตามองไปรอบๆ ร้านที่มีลูกค้าอยู่ห้าหกคน คือเอาจริงๆ นะ ร้านกาแฟของฉันค่อนข้างดังในโซเชียลและมีลูกค้าเยอะตลอดทั้งวัน ทุกอย่างดีหมด... ยกเว้นรายได้ที่มันสวนทางกับรายจ่าย

“ยังใช้ดอกไม้จริงอยู่อีกเหรอที่รัก?” ร็อกเคยบอกให้ฉันใช้ดอกไม้ปลอมแทนดอกไม้จริงเพราะมันจะไม่สิ้นเปลืองต้นทุน แต่ฉันไม่ชอบ ดอกไม้ปลอมมันจะสวยสู้ดอกไม้จริงได้ยังไง

“ก็เค้าไม่ชอบของปลอมนี่...” ฉันมุ่ยหน้าตอบ

“สู้ราคาไหวเหรอ ดอกไม้จริงต้องเปลี่ยนบ่อย เผลอๆ ต้องเปลี่ยนทุกวัน” เขาเอ่ยถามขณะที่หยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดื่ม สายตายังคงมองไปรอบๆ ร้าน

“แล้วที่จอดรถข้างนอก ที่รักต้องจ่ายเงินเพิ่มด้วยใช่ไหม? ยังขายกาแฟแก้วละสี่สิบบาทอยู่หรือเปล่า?” ฉันเริ่มกัดปากแน่นเมื่อร็อกเก็ตพูดจาเหมือนพี่สาวฉันมากขึ้นเรื่อยๆ

“ร็อก... จะบอกให้เค้าปิดร้านใช่ไหม?” แล้วฉันก็ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้

“ร็อกไม่ได้จะพูดแบบนั้น ถ้าร้านยังขายดีไม่ขาดทุน ทำไมจะต้องปิด” เพราะเขาไม่รู้ไง ถึงได้พูดแบบนั้น

“เค้าลงทุนกับที่นี่ไปเยอะ ไม่ยอมปิดง่ายๆ แน่ ต่อให้จะขาดทุนก็ตาม” ฉันจ้องหน้าเขานิ่ง

“ครับ... ไม่ปิดก็ไม่ปิด ว่าแต่ที่รักโทรหาร็อกก่อนหน้านี้มีอะไรหรือเปล่า?” และพอเขาถามออกมาแบบนั้น ฉันก็รีบหยิบมือถือออกมาเปิดรูปกระเป๋าแล้วยื่นให้เขาดู ร็อกเพ่งมองรูปกระเป๋าใบนั้นก่อนจะเบนสายตามามองฉัน

“ขอเงินหน่อย ใบนี้ไม่แพง แค่แสนห้าเอง” ฉันฉีกยิ้ม เขาให้อยู่แล้ว ไม่ว่าฉันจะขอเงินเท่าไหร่ร็อกก็ให้ได้เสมอ

“เดือนที่แล้วก็เพิ่งซื้อไป เดือนนี้จะเอาใบใหม่อีกแล้วเหรอที่รัก” ผิดคาด... ร็อกถามเหมือนไม่อยากให้เงินฉัน นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ

“ก็เค้าอยากได้นี่... นะร็อก... ซื้อให้หน่อย...” ฉันทำน้ำเสียงออดอ้อน

“เศรษฐกิจแบบนี้ใครเขาใช้เงินกันที่รัก จะซื้ออะไรต้องระวัง ถึงเราจะมีเงินเยอะแต่ใครจะรู้ว่าต่อไปมันจะไม่หมด กระเป๋าที่รักก็มีตั้งเยอะ...”

“บลาๆๆ พูดอะไรยืดยาว! ไม่ซื้อให้ก็ไม่ต้องมาบ่น!” ฉันทำหน้าบึ้งไม่พอใจ เกลียดตัวเองมากที่งี่เง่าขอให้ผู้ชายซื้อกระเป๋าใบแค่แสนกว่าบาท... ฉันไม่ได้อยากกระเป๋า! ฉันแค่อยากได้เงินมาจ่ายพนักงาน!

“ซื้อครับซื้อ... ปะ ไปซื้อกันตอนนี้เลย จะเอาที่แพงกว่านั้นก็ได้” แต่สุดท้ายเขาก็ยอม... เขาตามใจฉันอยู่แล้วถ้าเป็นเรื่องง่ายๆ แค่นี้

“ร็อกแค่โอนเงินมาก็พอ เดี๋ยวเค้าไปซื้อเอง” ฉันรีบย้ายที่นั่งจากฝั่งตรงข้ามไปที่โซฟาตัวเดียวกับเขา กอดแขนของด้วยความดีใจ

“มาแปลก... ปกติต้องลากร็อกไปซื้อด้วยตลอด” ทว่าร็อกกลับคิดเยอะกว่าที่เคยเป็น

“ไม่เห็นแปลกเลย เค้ารู้ไงว่าร็อกงานเยอะ เค้าไปซื้อเองได้ จะได้ไม่ต้องวุ่นวายร็อกด้วยไง”

“โอเคๆ เดี๋ยวร็อกไปเข้าห้องน้ำก่อน ออกมาแล้วจะโอนเงินให้” ว่าแล้วเขาก็ลุกออกไปเข้าห้องน้ำ ฉันฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจออกมา อย่างน้อยฉันก็รอดไปได้อีกหนึ่งเดือน... ฮะๆ

แต่สิบนาทีผ่านไป จนยี่สิบนาทีผ่านไปก็แล้ว ร็อกยังไม่ออกมาจากห้องน้ำ ฉันรีบลุกไปตามเขาในห้องน้ำชายรวมถึงจุดสูบบุหรี่และก็ไม่เจอเขา แล้วใจฉันก็เต้นแรงขึ้นมา... ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ห้องบัญชี

“ร็อก!” ฉันตะโกนเรียกชื่อเขา เมื่อเข้ามาที่ห้องบัญชีก็ได้เห็นว่าร็อกนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของฉัน และเขาก็กำลังเปิดบัญชีร้านที่ติดตัวแดงเถือกของฉันอยู่

“ร็อกแค่สงสัยว่าที่รักจะเอาเงินแสนห้าไปทำอะไร... เพราะไอ้กระเป๋าที่ที่รักยื่นให้ร็อกดู ใบนั้นที่รักซื้อไปแล้วไงจำไม่ได้เหรอ?” ร็อกยื่นมือถือที่เปิดหน้าจอไอจีของฉันมาให้ดู และมันก็เป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ ฉันโง่เองนั่นแหละที่คิดว่าจะเขาจะรู้ไม่ทัน

“เค้า...” แต่ถึงจะพยายามแก้ตัว ฉันก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องแก้ตัวอะไร

“ที่รักจะบอกร็อกเมื่อไหร่ว่าร้านขาดทุนยับเยินขนาดนี้!” ร็อกเริ่มขึ้นเสียงใส่ฉัน ฉันรู้ได้ในทันทีว่าเขากำลังโกรธที่ฉันมีเรื่องปิดบังและโกรธที่ฉันไม่เชื่อเขา จนทำร้านขาดทุน

“เค้าคิดว่าถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ เดี๋ยวมันก็จะดีเอง เค้าเลยคิดว่าไม่จำเป็นต้องบอก...” ฉันก้มหน้างุด

“ไม่จำเป็นต้องบอกเหรอ!?”

“ฮึก!” ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อร็อกตะโกนดังกว่าเดิม

“ไปเรียกผู้จัดการร้านมาไป... ร็อกว่ามันปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้แล้ว” ร็อกเก็ตนิ่งลงเมื่อเห็นว่าฉันกำลังกลัว เขายกมือขึ้นลูบหน้าอย่างพยายามจะสงบสติอารมณ์

“ไม่มี...” ฉันส่ายหน้าไปมาแล้วน้ำตาก็พลันไหล

“อะไรคือไม่มี?” เขาถามย้ำ

“ไม่มีผู้จัดการร้าน! ก็เค้าไงที่เป็นผู้จัดการร้าน!”

“ที่รัก?!” ร็อกเก็ตจ้องหน้าฉันอย่างคนพูดไม่ออก ฉันเองก็มองเขาผ่านม่านน้ำตา ตอนนี้ฉันรู้สึกจริงว่าตัวเองแม่งโง่อย่างที่ใครๆ เขาว่ากันจริงๆ นั่นแหละ

“ที่รักจะเป็นผู้จัดการร้านได้ยังไง! ในเมื่อที่รักเป็นเจ้าของ ที่รักไม่ได้เข้าร้านทุกวัน ที่รักจะรู้ความเป็นไปทั้งหมดได้ยังไงเวลาที่ไม่ได้อยู่ที่ร้าน เวลาทำบัญชี... ที่รักรู้จริงๆ เหรอว่าของที่สั่งไปมาสั่งครบทุกอย่าง?”

“ฮึก!”

“ร็อกจะให้เงินที่รักอีกแค่ก้อนเดียว จัดการทุกอย่างให้จบ แล้วก็ประกาศเซ้งร้านนี้ซะ!”

“ไม่เอา! ไม่เซ้ง!”

“ที่รัก! อย่าดื้อได้ไหม! ที่รักไม่เคยได้เงินจากร้านนี้แม้แต่สลึงเดียว ทั้งๆ ที่เปิดมาตั้งห้าหกเดือน เราทำธุรกิจนะไม่ใช่โรงทาน ที่จะไม่หวังผลกำไรกับสิ่งที่ลงทุนลงแรงไป เซ้งร้านนี้ซะ! ร็อกจะไม่พูดซ้ำอีก” เขายื่นคำขาด... ร็อกเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ฉันทำได้แต่ร้องไห้...

“ร็อก... เค้าไม่อยากเซ้ง... เค้าไม่อยากโดนพี่ไวโอลินหัวเราะใส่อีกแล้ว เค้าไม่อยากดูเหมือนคนโง่... ฮือๆ อย่าให้เค้าเซ้งเลยนะ ฮือๆ” ฉันขอร้องเขาทั้งน้ำตา เข้าไปสวมกอดเขาแน่น

“...” ร็อกเก็ตถอนหายใจออกมา ก่อนจะดึงตัวฉันออกมา ส่งสองมือมากุมไล่ทั้งสองข้างของฉันแน่น จ้องลึกเข้ามาในดวงตาฉัน

“ที่รักไม่เหมาะกับการทำธุรกิจ เซ้งซะ เพราะยังไงสักวันร้านนี้ก็ต้องเจ๊ง” แต่เขาก็ยังยืนยันแบบนั้น

“ร็อกใจร้าย! เค้าไม่เซ้ง! ไม่ง้อเงินร็อกก็ได้! แล้วร็อกก็ไม่ต้องมายุ่งเรื่องนี้อีก!” ฉันปัดมือเขาออกจากไหล่ ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกมาจากห้องบัญชีทันที... ฉันจะแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเองก็ได้ ในเมื่อเขาไม่เข้าข้างฉัน ฉันก็ต้องหาทางด้วยตัวเอง!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel