บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 ว่าที่บ่าวสาว

At The Gardener

เริ่มต้นเดือนพฤศจิกายน ฤดูหนาวเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ วันนี้เชลโล่นัดกับร็อกเก็ตว่าจะมาดูสถานที่จัดงานแต่งงานของเขาและเธอ หญิงสาวอยากจัดงานธีมสวนดอกไม้ หลังจากที่ได้เดินดูไปรอบๆ สถานที่เชลโล่ก็ตัดสินใจได้ในทันทีว่าเธอจะเลือกที่ใช้สถานที่แห่งนี้ เพราะมันคือสวนดอกไม้ที่เธอชื่นชอบ

“ตรงนี้วางซุ้มประตูดอกไม้สำหรับแขกเดินเข้างาน...” หญิงสาวชี้นิ้วบอกชายหนุ่ม

“แล้วตรงนี้ก็วางโต๊ะกลมสีขาวสักห้าสิบโต๊ะ ตรงนั้นอีกห้าสิบ... ร็อกว่าเราจะมีแขกมางานกี่คนดี?”

“กี่คนก็ได้แล้วแต่ที่รักต้องการเลย ถ้าญาติๆ เพื่อนๆ เราไม่พอ ก็จ้างหน้าม้ามาก็ได้” ร็อกเก็ตเอ่ยอย่างติดตลก สายตาจับจ้องไปยังหญิงสาว พอได้เห็นรอยยิ้มนั้น เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าเชลโล่มีความสุขมากแค่ไหนที่กำลังจะมีงานแต่งงานเกิดขึ้น

“ตลกละร็อก! จริงจังหน่อยสิ!” หญิงสาวทำหน้ามุ่ยใส่ชายหนุ่ม

“เอ้า! นี่ร็อกจริงจังนะ ที่รักอยากให้แขกมาเยอะหรือน้อยล่ะ ร็อกจะได้ช่วยคิดได้”

“เค้าอยากได้แค่คนที่สนิท อยากให้งานออกมาน่ารักและมีความเป็นกันเอง”

“งั้นก็แค่ยี่สิบโต๊ะก็พอแล้ว โต๊ะนึงจัดให้นั่งหกถึงแปดที่ ตั้งโต๊ะแค่บริเวณนี้ ส่วนตรงนั้นก็วางโต๊ะบุฟเฟ่ต์ มีทั้งอาหารไทย จีน ญี่ปุ่นแล้วก็ฝรั่ง” ร็อกเก็ตมองภาพรวมออกทั้งหมดก่อนจะบอกออกมาอย่างเสร็จสรรพ เชลโล่อมยิ้มมองหน้าคนรัก เขาไม่ยอมออกความเห็นขึ้นมาแทรกเธอ แต่เมื่อไหร่ที่ถามเขาจะมีคำตอบให้เสมอนี่แหละผู้ชายที่เธอรัก

“ยิ้มอะไรครับ?” ชายหนุ่มเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นรอยยิ้มปลื้มปริ่มของหญิงสาว

“เปล่า” เธอส่ายหน้าตอบ ก่อนจะทำทีเดินหนีเขา

“ชอบใช่ไหม?” เอ่ยถามขณะที่ดึงเอวบางเข้ามาโอบกอด ไม่ยอมให้เดินหนี

“ชอบมาก... ร็อกได้กลิ่นดอกไม้พวกนี้หรือเปล่า? มันหอมมากเลยนะ” เชลโล่ทำทีเปลี่ยนเรื่องเพราะเขินอายที่เขาจับได้ว่าเธอภูมิใจในตัวเขาอยู่ไม่น้อย ก่อนจะหลับตาสูดเอาความหอมหวานของดอกไม้เข้าปอด

“หอมมาก แต่ไม่ใช่ดอกไม้นะ” ร็อกเก็ตจรดปลายจมูกลงที่พวงแก้มอมชมพูของเชลโล่

“ร็อก...” หญิงสาวเอ่ยชื่อเขาด้วยน้ำเสียงเขินอาย

“ไม่ถามเหรอว่าที่ร็อกบอกว่าหอมนี่มันเป็นกลิ่นของอะไร” ร็อกเก็ตยังคงสูดดมความหอมหวานที่พวงแก้มอย่างไม่ลดละ

“ไม่อยากรู้... คนเจ้าชู้แบบร็อกน่ะ ก็พูดไปเรื่อยนั่นแหละ”

“เจ้าชู้น่ะแค่เคย แต่พอยกหัวใจทั้งดวงให้ที่รักไปแล้ว ร็อกก็ไม่เคยเจ้าชู้อีกเลย เชื่อกันบ้างสิ”

“ไม่รู้ไม่ชี้ ร็อกไม่ค่อยมีเวลา เค้าจะรู้ได้ยังไงว่าลับหลังเค้าร็อกอาจจะไปแอบซุกผู้หญิงไว้ก็ได้” เชลโล่แกล้งทำเป็นงอน ยิ่งเขาง้อเธอก็ยิ่งได้ใจ

“ทั้งหมดในนี้มันมีแค่ที่รัก แล้วร็อกจะซุกใครไว้ได้อีก ถ้าสิบปียังยืนยันอะไรไม่ได้ ที่รักก็เอาเวลาทั้งชีวิตของร็อกไปเลย” ชายหนุ่มเอ่ยตอบขณะที่ดึงมือหญิงสาวมาวางที่อกด้านซ้ายของเขา

“โหๆ แต่ละคำที่พูดเนี่ย ยิ่งกว่านักกวีเสียอีก เพราะร็อกปากหวานแล้วก็ใจดีแบบนี้ไง เค้าถึงกลัวมากกว่าจะมีสาวๆ มาติดใจร็อก”

“แต่ร็อกติดใจแค่ที่รักคนเดียว ติดใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ผ่านไปสิบปีความรู้สึกก็ยังเหมือนเดิม... ยังแอบสงสัยว่าที่รักวางยาเสน่ห์ใส่ร็อกหรือเปล่า? ทำไมถึงรักจนโงหัวไม่ขึ้นแบบนี้”

“ยิ่งพูดก็ยิ่งดูเจ้าชู้! เบื่อจะฟัง!” เชลโล่ช้อนสายตาทำหน้าบึ้งใส่ร็อกเก็ต

“ว่ายากจริงๆ เดี๋ยวก็จบปล้ำซะเลย!” ว่าแล้วก็ดึงร่างบางเข้ามากอด แกล้งทำท่าะเล้าโลมเธอ

“อ๊าย! ร็อก! อย่ามาทำทะลึ่งในที่สาธารณะนะ! อ๊ะ!” เชลโล่ยกยิ้มเบือนหน้าหนีการเล้าโลม

“ขะ... ขอโทษที่ขัดจังหวะค่ะ” เสียงออร์กาไนเซอร์ดังขึ้น ก่อนที่ร็อกเก็ตจะยอมปล่อยให้เชลโล่เป็นอิสระ

“คะ? คุณพลอย?” ว่าที่เจ้าสาวรีบหันไปมองผู้มาใหม่ด้วยท่าทีเขินอาย

“สรุปว่าคุณเชลโล่เลือกที่นี่ใช่ไหมคะ?”

“ค่ะ เชลโล่อยากให้งานจัดขึ้นกลางแจ้งทั้งหมด แล้วก็เวทีอยู่ทางด้านนั้น” หญิงสาวชี้ไปยังต้นไม้สูงใหญ่

“ได้ค่ะ เดี๋ยวยังไงพลอยจะทำฟอร์แพลนมาให้อีกที ส่วนนี่เป็นตารางคิวที่นี่ในเดือนธันวาค่ะ” ว่าแล้วออร์กาไนเซอร์สาวก็ยื่นแผ่นกระดาษที่ระบุตารางเวลามาให้เชลโล่

“ขอบคุณค่ะ”

At Cello’ s Home

รถ Porsche คันหรูของร็อกเก็ตวิ่งเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของเชลโล่ วันนี้เขาอยู่กับเธอทั้งวัน พาเธอไปดูสถานที่จัดการ เลือกของชำร่วย ไปเลือกการ์ด อีกทั้งยังพาเธอไปกินข้าวมื้ออร่อย เรียกได้ว่าทำตามใจหญิงสาวทุกอย่าง

“อยากเข้าบ้านไหม?” เชลโล่เอ่ยถาม

“ไว้วันหลังได้ไหม?” และเพราะเขาปิดมือถือให้เวลาเธอมาทั้งวัน จึงเพิ่งได้รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นที่ผับหลังจากที่เปิดเครื่อง เขาต้องรีบไปที่ผับ แต่ก็ยังมาส่งเธอที่บ้าน เพราะไม่อยากให้นั่งแท็กซี่กลับเอง

“ทำไมดูรีบจัง... มีงานต่ออีกเหรอ นี่เย็นแล้วนะร็อก”

“พอดีมีเรื่องที่ผับน่ะ ร็อกเพิ่งรู้เลยว่าจะเข้าไปดูสักหน่อย ผับเพิ่งเปิดได้ไม่นาน ร็อกไม่อยากให้ปิด เดี๋ยวลูกค้าจะหาย”

“งาน... อีกแล้ว” เชลโล่ทำทีจะงอน

“ไม่งอนได้ไหม? ร็อกก็ไม่ได้อยากไป แต่ถ้าไม่ไปร็อกจะรู้ได้ยังไงว่าใครมันมาพังผับร็อก”

“พังผับเลยเหรอ? พวกมาเฟียหรือเปล่าร็อก แถวนั้นยิ่งมีข่าวไม่ดีเรื่องมาเฟียเจ้าถิ่นอยู่ด้วย” พอได้รู้ว่าผับถูกพัง เชลโล่ก็ลืมเรื่องงอนไปในทันที

“ก็คงเป็นพวกเจ้าถิ่น แต่แค่ยังไม่รู้ว่าพวกไหน เพราะแบบนี้ไงร็อกถึงไม่ค่อยอยากให้ที่รักไปเมาตามผับโดยที่ไม่มีร็อกไปด้วย เดี๋ยวนี้พวกมาเฟียมันเยอะ... ยิ่งขาวๆ หมวยๆ สวยๆ แบบเมียร็อกเนี่ย... มันชอบ”

“ยังจะมาพูดเล่นอีก! รีบไปดูผับเลยไป!”

“ไม่งอนแล้วเหรอ? หรือพอร็อกเรียกว่าเมียแล้วชอบ... เลยหายงอน?”

“ไอ้บ้า!” หญิงสาวเขินจนหน้าแดง

“มาให้จูบสักสองสามทีหน่อยครับ” ว่าแล้วร็อกเก็ตก็ดึงเชลโล่เข้ามาประกอบปากจูบ

“อื้อ!” เชลโล่นิ้วหน้าเมื่อชายหนุ่มสอดลิ้นร้อนเข้ามาในปาก เขาดุดดันลิ้นเข้ามากอบโกยเอาความเป็นตัวเธอไปทั้งหมด ก่อนจะถอนออกให้เธอได้หายใจ

“ปากที่รักอร่อยดีจัง...”

“ปากอร่อยคืออะไรอะร็อก?”

“ก็แปลว่าอยากจัดให้หนักๆ ไงครับ”

“อื้อ!”

เขาจูบเธออีกครั้งด้วยรสชาติที่เร่าร้อนมากขึ้น ทั้งเธอและเขาห่างหายจากเรื่องบนเตียงไปนานไม่น้อย เพราะเขาไม่มีเวลา... และเมื่อขาดนานๆ พอได้สัมผัสมันก็ทำให้อยากขึ้นมามากทีเดียว

“อยากอยู่ต่อมาก แต่มันไม่ได้จริงๆ” ร็อกเก็ตกระซิบบอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“อยากให้อยู่มากเหมือนกัน... แต่ร็อกรีบไปได้แล้ว จัดการเรื่องงานให้เสร็จแล้วรีบกลับมานะ” เชลโล่ช้อนมามองคนตรงหน้าด้วยสายตารุ่มร้อน เธอต้องการเขาไม่ต่างไปจากที่เขาต้องการเธอเลยแม้แต่น้อย

“ครับ... รอร็อกนะ” หญิงสาวให้คำตอบเพียงการพยักหน้าก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วลงไปจากรถ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเร่งเครื่องแล้วขับออกไปด้วยความเร็ว

At The Space

ร่างสูงเดินเข้ามาภายในผับที่เขาสร้างมันมากับมือ เวลานี้เป็นเวลาห้าโมงเย็น ใกล้เวลาที่ผับจะเปิดในอีกไม่ช้านาน เขาหยุดยืนนิ่งมองสภาพผับที่พังไม่เป็นท่า ข้าวของแตกปรักหักพัง ขวดเหล้าและเครื่องดื่มกระจายไปทั่วทุกพื้นที่

“บอส...” หนิง หญิงสาวผู้รับหน้าที่เป็นผู้จัดการผับก้มหน้าเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าร็อกเก็ตอย่างที่รู้ตัวว่าความผิดนี้เธอต้องรับผิดชอบ และร็อกเก็ตอาจจะไล่เธอออก

“เก็บกวาดให้หมด ยังไงวันนี้ผับก็ต้องเปิด อะไรที่พังก็สั่งเข้ามาใหม่ ภายในหนึ่งชั่วโมงเรด ดรากอนจะเอาเครื่องดื่มมาส่ง จัดการทุกอย่างเสร็จแล้วมาพบผมที่ห้องด้วย” ร็อกเก็ตทิ้งคำสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ก่อนจะเดินผ่านซากข้าวของผุพังขึ้นไปที่ชั้นสอง ตรงเข้าไปด้านในยังห้องทำงานของเขา

ร็อกเก็ตใช้เวลาไปกับการเช็กกล้องวงจรปิดของร้าน เพื่อดูว่าเป็นคนกลุ่มไหนที่เข้ามาทำลายข้าวของในผับของเขา เขาเรียกการ์ดที่เฝ้าผับขึ้นมาคุย ได้เรื่องมาว่าพวกนั้นมากันห้าคน หนึ่งในนั้นมีชื่อว่าไอ้พังก์ เป็นลูกน้องคนสนิทของมาเฟียที่เพิ่งขึ้นมาคุมย่านนี้ และชื่อของเขาก็คือ เคนโซ

“เคนโซ” ร็อกเก็ตเอ่ยชื่อนั้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เขารู้ว่าการมาเปิดผับในย่านนี้ ยังไงก็ต้องเตะตาเจ้าถิ่นเข้าสักวัน แต่ที่เขายังยืนยันจะเปิด มันแสดงออกชัดเจนว่าเขาไม่กลัว เพราะถ้าไม่แน่จริงเขาไม่มาเยือนที่แห่งนี้เป็นแน่...

“บอสคะ...” หนิงเดินเข้ามาหยุดที่หน้าโต๊ะทำงานของร็อกเก็ต

“จัดการเรื่องข้างล่างได้แล้วใช่ไหม?” ร็อกเก็ตเอ่ยถามเสียงเข้ม

“ค่ะ เรด ดรากอนเอาเครื่องดื่มมาส่งแล้ว ทีมครัวจัดการเรื่องอาหารเสร็จทันเวลา และมีร้านรับเหมามาขนของที่พังออกไปแล้ว อีกหนึ่งชั่วโมงรถจากบริษัทเฟอร์นิเจอร์จะมาถึง” หนิงรายงาน

“ทุกอย่างจะต้องเสร็จทันก่อนเปิดผับ ไม่งั้นผมจะให้คุณออก”

“บอส... หนิงนึกว่าบอสไล่หนิงออกไปแล้ว” หนิงใจชื้นขึ้นมาเมื่อร็อกเก็ตไม่ได้คิดจะไล่เธอออก

“ผมบอกแบบนั้นเหรอ?” เขาเลิกคิ้วถามกลับ

“มะ... ไม่ค่ะ” หญิงสาวรีบส่ายหน้า

“ต่อไปก็รอบคอบกว่านี้ เข้มงวดกับ รปภ.หน่อย พวกการ์ดก็เหมือนกัน... ถ้าไม่ใช่เวลาผับเปิด ห้ามใครเข้าออกที่นี่นอกจากคนของเรา”

“ค่ะบอส... หนิงขอโทษที่ไม่รอบคอบและขอบคุณ บอสมากจริงๆ ที่ไม่ไล่หนิงออก”

“ก็ถ้ามีอีกครั้ง... ผมก็คงต้องเอาเรื่องนั้นมาคิดว่าคุณมีประสิทธิภาพพอที่จะทำงานนี้หรือเปล่า”

“ค่ะบอส! หนิงรับรองว่าจะไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกค่ะ”

“ขอบคุณครับที่คุณยืนยันแบบนั้น ไปทำงานของคุณเถอะ” ร็อกเก็ตเผยรอยยิ้มบางๆ ให้กับหนิง ก่อนจะหันกลับมาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เพื่อเช็กบัญชีสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel