บทที่ 3 อนาคต
Cello said :
สรุปว่าเมื่อคืนฉันคืนดีกับร็อกเป็นที่เรียบร้อย เรานอนกอดกันจนเช้าโดยที่ไม่มีเรื่องอย่างว่า ซึ่งมันเป็นอะไรที่ฉันไม่แปลกใจเลย ทั้งๆ ที่ร็อกแสดงออกชัดเจนว่าต้องการฉันมาก เหมือนกับที่ฉันก็ต้องการเขา แต่เรากลับไม่ทำอะไรเกินเลยไปมากกว่าแค่จูบและนอนกอดกัน
เพราะร็อกไม่มีถุงยาง... เขาไม่เคยสดกับฉันแม้แต่ครั้งเดียว ตลอดสิบปีที่ผ่านมา และฉันรู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร เพราะเขาไม่อยากพลาดยังไงล่ะ เขาไม่อยากมีลูก... เขาไม่พร้อม ทั้งๆ ที่เรากำลังจะแต่งงานและสร้างอนาคตด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงบอกว่าไม่พร้อมที่จะมีลูกตอนนี้
“แม่ถามถึงเรื่องแต่งงาน” ฉันเอ่ยกับร็อกขณะที่เรานั่งกินมื้อเช้าด้วยกันที่ริมสระว่ายน้ำบ้านฉัน
“ช่วงนี้ยุ่งมากเลย บอกแม่ที่รักนะว่าเสร็จเรื่องวุ่นวายเมื่อไหร่ร็อกจะรีบจัดการ” เขาเอ่ยตอบพร้อมกับที่หยิบครัวซองเข้าปาก
“แม่บอกว่าอย่าให้ข้ามปี หมั้นกันไว้แล้วไม่แต่งมันเป็นลาง นี่ก็ตุลาแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็ข้ามปีแล้วนะร็อก แบบนี้มันจะนี้มันจะทันเหรอ?” ฉันจ้องหน้าเขาเพื่อดูปฏิกิริยา
“งั้นก็... แต่งธันวาเลยดีไหม? สองเดือนเตรียมงานทันหรือเปล่า?” เขายิ้มถามฉัน ปากก็เคี้ยวครัวซองไปด้วย พูดเหมือนว่าอะไรก็ดูง่ายไปหมดสำหรับเขา
“ร็อกอยากแต่งงานกับเค้าจริงๆ หรือเปล่า?” ฉันอดที่จะถามออกไปไม่ได้ แม้จะถามคำถามนี้กับเขาไม่ต่ำกว่าสามครั้งแล้วก็ตาม
“เรื่องนี้อีกแล้ว...” เขาถอนหายใจออกมาเหมือนรำคาญ
“รำคาญ?”
“เปล่า แต่รู้สึกเหมือนที่รักกำลังชวนทะเลาะ คบกันมาขนาดนี้ยังไม่รู้ใจกันอีกเหรอ? ถ้าไม่รักไม่อยากแต่งงานด้วย... ร็อกจะเอาแหวนมาหมั้นที่รักไว้ทำไมครับ?” เขายื่นมือมากุมมือที่สวมแหวนหมั้นของฉันไว้ เขาพูดเก่ง หว่านล้อมเป็นเลิศ แถมยังฉลาด นิสัยเจ้าชู้ นิสัยคาสโนว่าตัวพ่อของเขา... ฉันเกลียดที่สุด!
“ปากหวานก้นเปรี้ยว หน้ายิ้มแต่ใจดำ ทำเป็นพูดดี... แต่เดี๋ยวก็ทำเค้าเสียใจอีก” ฉันมองค้อน
“เป็นเมนส์หรือเปล่า? ช่วงนี้ที่รักใจน้อยแล้วก็ขี้งอน... ถ้ายังหาเรื่อทะเลาะอีก ร็อกจะไปทำงานแล้วนะ” เขาทำเสียงแข็ง มองหน้าฉันด้วยใบหน้านิ่ง เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ฉันเริ่มทำตัวงี่เง่า
“จัดการเรื่องออร์กาไนซ์มาแล้วกัน ถ้าอยากแต่งงานให้ทันเดือนธันวา” แล้วฉันก็ต้องยอม... ยอมเขาทุกครั้ง เพราะไม่อยากให้เขาโกรธ แม้ว่าภายนอกร็อกเก็ตจะดูใจดี ยิ้มง่าย แต่เมื่อไหร่ที่เขาโกรธหรือไม่พอใจ เขาจะกลายเป็นอีกคนที่มีนิสัยตรงกันข้ามกับตอนนี้ทุกอย่าง
“ครับ” เขาตอบรับฉันสั้นๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา เมื่อเห็นว่าฉันไม่ชวนทะเลาะต่อ
“ร็อก...” ฉันเรียกชื่อเขาเพราะมีอีกเรื่องที่อยากพูด
“ครับ?”
“ไอ้ซานมีกำหนดคลอดวันศุกร์นี้ ร็อกหาเวลาว่างไปรับขวัญหลานกับเค้านะ” ใช่... ฉันอยากพูดถึงเรื่องลูก ไม่ใช่ลูกของซูซาน แต่เป็นลูกของเรา
“โอเค ร็อกจะล็อกคิวเวลาไว้เลย แล้วนี่เราต้องไปหาของขวัญให้หลานหรือเปล่า”
“เดี๋ยวเค้าจัดการเอง คิดว่าจะซื้อของใช้ที่จำเป็นหรือไม่ก็รถเข็นเด็ก”
“ก็ดีนะ...” บทสนทนาจบลงที่ตรงนี้ แต่ฉันจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นหรอก
“ไอ้ซานวางแผนจะมีอีกคนต่อเลย ลูกจะได้เป็นเพื่อนเล่นกันได้ มันบอกว่าสองคนกำลังดี คนโตเป็นพี่สาว คนเล็กก็อยากได้ผู้ชาย”
ครืดๆ ครืดๆ
แล้วมือถือที่ตั้งระบบสั่นของเขาก็ดังขึ้นมา ร็อกมองหน้าจอก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองฉัน สายตาเขาลังเลที่จะรับสาย เราเคยทะเลาะกันเรื่องนี้มาก่อน และฉันขอไม่ให้เขารับสายคนอื่นเวลาที่อยู่กับฉัน เขาเลยแสดงความไม่สบายใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“รับสิ อาจจะเป็นเรื่องงานก็ได้” ฉันเอ่ยบอกเขา
“ฮัลโหล” แล้วเขาก็ไม่รีรอเลยแม้แต่นิดเดียว รีบคว้ามือถือขึ้นมารับสายก่อนจะลุกออกไปคุยที่อื่น ก่อนจะกลับมาหาฉันในอีกไม่ถึงห้านาทีต่อมา
“ที่รักครับ ร็อกต้องไปก่อนนะ พอดีว่ามีปัญหาที่โรงงาน” ปัญหามักจะมาตอนที่ฉันกำลังจะเข้าเรื่องสำคัญเสมอ ฉันไม่ตอบอะไรเขา มองหน้าเขานิ่งเพราะรู้ว่ารั้งไว้เขาก็ไม่อยู่ เพราะงานมันสำคัญกับเขามาก
“แล้วเจอกันนะ...” ร็อกเก็ตเดินมาจูบแก้มฉันแล้วก็คว้าเสื้อสูทสีดำที่พาดอยู่กับพนักพิงก่อนจะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
Cello end.
At Hospital
เพื่อนทุกคนกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในวันนี้ที่เป็นวันที่ ซูซานคลอดลูกตัวน้อย ร็อกมาตามคำสัญญาที่เขาเคยให้ไว้กับ เชลโล่ ขุนเขานั่งโอบกอดซินผู้เป็นภรรยาอยู่ที่โซฟาตัวยาว ส่วนเยลลี่กับเสือที่เป็นสามีของเธอก็ยืนมองยิ้มมองเด็กน้อยตัวแดงอยู่ที่ปลายเตียง
“ไปล้างมือกันก่อน ถ้าจะจับตัวลูกกู” คุณพ่อมือใหม่อย่างจิณณ์หรือยีนส์รีบเอ่ยขึ้นทันทีที่เชลโล่โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้เด็กน้อยที่ยังไม่ลืมตา
“กูล้างแล้ว ถึงจะไม่ฉลาดแต่ก็ไม่ถึงกับโง่” เชลโล่ถลึงตาใส่ยีนส์ ก่อนจะหันกลับไปยิ้มในหลานตัวน้อย ทว่าเธอไม่กล้ายื่นมือไปแตะต้อง เพราะกลัวว่าจะทำให้เขาเจ็บ
“จับได้... จับสิ... นี่หลานมึงนะ” ซูซานที่นอนอยู่บันเตียงคนไข้เอ่ยด้วยรอยยิ้ม เธอรู้ดีว่าเชลโล่อยากมีลูกและรักเด็กมากแค่ไหน
“มึงตั้งชื่อลูกกันหรือยัง” ขุนเขาเอ่ยถาม ขณะที่เชลโล่ค่อยๆ ใช้นิ้วชี้ลูบเบาๆ ที่นิ้วเล็กของหลานสาวตัวน้อย
“ตั้งแล้วสิ... ชื่อของขวัญ” ซูซานเอ่ยตอบ
“ของขวัญ... ยินดีต้อนรับสู่โลกอันกว้างใหญ่ใบนี้นะจ๊ะหลานน้า” เกิดน้ำตาคลอหน่วยขึ้นที่รอบดวงตาของเชลโล่ ทั้งซิน เยลลี่และซูซานหันมาสบตาอย่างรู้กันว่าเพื่อนของเธออยากมีลูกมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เชลโล่มักจะไปเฝ้าซินเสมอในตอนที่เธอคลอดลูก และแม้แต่ตอนที่เยลลี่ท้อง ก็ยังเป็นเชลโล่ที่ขนตำรามาให้อ่าน อีกทั้งยังสรรหาของดีๆ มาให้กินบำรุง
“ไอ้ร็อก อย่ามัวแต่ทำงาน รีบแต่งงานแล้วทำลูกให้เพื่อนกูสักที!” ได้ที เยลลี่รีบทำหน้าที่เพื่อน
“สิ้นปีนี้แต่งแน่ พวกมึงเตรียมหาชุดกันได้เลย” ร็อกเก็ตตอบอย่างขอไปที
“ก็ดี... เพราะถ้ามึงยังดึงเช็งอยู่แบบนี้ กูจะหาผัวใหม่ให้เชลโล่” ซินที่ปกติไม่ค่อยหาเรื่องใครก็ได้พูดขึ้นพร้อมน้ำเสียงเหน็บแนม
“เห้ยๆ ใจเย็นซิน... กูก็เพื่อนมึงนะ อย่าตีท้ายครัวกันสิวะ!” ร็อกเก็ตยกยิ้ม ทำเหมือนไม่รู้ แต่ลึกๆ แล้วเขารู้... รู้ดีกว่าใครทั้งนั้นว่าเชลโล่ต้องการอะไร
“ไอ้ร็อกมันสร้างตัวอยู่... มึงก็รอมันหน่อยเชลโล่” เสือรีบปกป้องเพื่อน
“แค่นี้ยังรวยไม่พออีกเหรอ จะสร้างตัวไปถึงชาติหน้าเลยหรือไง เป็นกูหน่อยไม่ได้... หนีไปหาผัวใหม่นานแล้ว!” ซูซานถลึงตาใส่ร็อกเก็ต
“ซาน...” ยีนส์เอ่ยชื่อภรรยาพร้อมการส่ายหน้าปรามไม่ให้เธอสร้างเรื่อง
“สร้างตัวคือวางรากฐานให้มั่นคง กูไม่ได้รวย พ่อแม่กูต่างหากที่รวย กูอยากรวยด้วยตัวเอง... ที่ทำอยู่ก็เพื่ออนาคตทั้งนั้นแหละ” ร็อกเก็ตทำเป็นตอบซูซาน แต่ที่จริงเขาจงใจจะให้เชลโล่ได้ยินและรับรู้ด้วย
“พวกมึงจะเถียงกันไปทำไมวะ? ไอ้เชลโล่เป็นแฟนมันแท้ๆ ไม่เห็นจะพูดอะไรเลย... เรื่องในบ้านเขาก็ปล่อยให้ผัวเมียเขาไปคุยกันเอง เราคนนอกอย่างเข้าไปเสือกเลย” ขุนเขารีบจบสงครามประสาทเพราะเล็งเห็นถึงสถานการณ์ตึงเครียด
“กูจะออกไปหาแกแฟกิน พวกมึงเอาอะไรกันปะ?” เสือรีบส่งสายตาให้ร็อกเก็ตเพื่อดึงตัวออกมาจากความตึงเครียด
“เดี๋ยวกูไปด้วย” ร็อกเก็ตว่า
“ไปด้วยกันทั้งหมดนั่นแหละ ปล่อยให้แม่ๆ เขาเมาท์กันไปก่อนแล้วเราค่อยกลับมา” ยีนส์พูดขึ้นพร้อมเดินไปกอดคอร็อกเก็ตกับขุนเขาตามเสือออกไปจากห้อง
“พวกเชี่ย! เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย” เชลโล่สบถออกมาทันทีหลังจากที่ในห้องเหลือแต่แก๊งสาวๆ
