บท
ตั้งค่า

​คำเตือนครั้งที่ 8 เรื่องของเรา (1)

​คำเตือนครั้งที่ 8

เรื่องของเรา (1)

MARNMEK’ S PART ;

เสียงดนตรีสดบนเวทีถูกกลบไปด้วยเสียงผู้คนจากโต๊ะของลูกค้าในร้านจนหมด หากแต่ความวุ่นวายเหล่านั้นกลับไม่ได้อยู่ในความสนใจของผมเลยสักนิด เพราะในตอนนี้สายตาและหัวสมองของผมกลับจดจ่ออยู่ที่ร่างบางของเทียน่า ที่ตอนนี้กำลังยิ้มหัวเราะอยู่กับกลุ่มเพื่อนของเธอ

ผมและเพื่อนอีกสองคนอย่าง ‘องศา’ และ ‘ติณณ์’ นั่งอยู่ที่โซนติดกระจก ซึ่งบริเวณนี้สามารถมองเห็นกลุ่มลูกค้าที่เป็นโต๊ะใหญ่อย่างเจ้าภาพวันเกิดได้อย่างชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่าจุดที่ผมควรสนใจมากที่สุดก็คือจุดที่เทียน่านั่งอยู่

“คนไหนอะเด็กมึง ชี้ให้ดูหน่อย”

จากที่นั่งเงียบมานานนับสิบนาที เสียงของไอ้ติณณ์ก็ดังแทรกขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ในระดับเดียวกับที่ผมกำลังจดจ้องมอง จนทำให้ผมถึงกับต้องรีบดันตัวของมันให้ออกห่างพัลวัน

“อย่าเสือก” ผมตอบเสียงเรียบ ในใจก็นึกหงุดหงิดที่พอเป็นเรื่องแบบนี้ทีไร คนอย่างไอ้ติณณ์มักจะเสนอหน้ามาเป็นคนแรกอยู่ตลอด ผิดกับเพื่อนอีกคนที่เรียกได้ว่าสลับกันคนละขั้ว แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ผมยังแปลกใจมาจนถึงทุกวันนี้เลยว่าผมคบพวกมันเป็นเพื่อนมาได้ยังไงตั้งหลายปี

อย่างคนแรก ‘ติณณ์’ ดูหน้าก็รู้ว่ามันแพรวพราวและอัธยาศัยดีมากแค่ไหน ไอ้ติณณ์มันเรียนนิเทศศาสตร์ เป็นคนร่าเริงและเข้าถึงง่ายที่สุดในกลุ่ม ไม่ว่าจะเวลาไหนมันก็มักจะงัดรอยยิ้มพิมพ์ใจออกมาเสมอ ถ้าจะให้นิยามตัวตนของมัน ผมเองก็ไม่กล้าพูดเต็มปากว่ามันเจ้าชู้ เพราะไอ้ติณณ์ไม่ได้หว่านเสน่ห์เรี่ยราด แต่มันก็ไม่ใช่คนถือตัวที่ใคร ๆ ก็จับต้องไม่ได้ ไม่เหมือนกับเพื่อนอีกคนที่ผมกำลังเปรียบเทียบอยู่ ณ ตอนนี้

‘องศา’ เพื่อนอีกคนของผมซึ่งเรียนคณะแพทยศาสตร์ เห็นแค่หน้าก็รู้แล้วว่าคนอย่างมันเย็นชามากแค่ไหน ไอ้องศาเป็นคนที่เข้าถึงยากมากที่สุด หยิ่งทะนง และมักจะเก็บความรู้สึกภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งอยู่เสมอ แถมยังพ่วงอีกหนึ่งไอเท็มเด็ดก็คือความปากหมา ลองให้มันได้เปิดปากพูดทีไรก็ต้องได้ยินประโยคเด็ด ๆ ของมันให้อึ้งอยู่ตลอด

เพราะแบบนี้ไงผมถึงได้แปลกใจว่าทำไมผมถึงได้คบมันเป็นเพื่อนมาหลายปีแบบนี้ แต่ละคนนิสัยแตกต่างกันมาก แต่ก็นะ...รู้จักกันมาตั้งแต่มัธยม จวบจนตอนนี้เรียนมหา’ลัยปีสามแล้ว ถ้าไม่ใช่โชคชะตาลิขิตก็เป็นเพราะว่าไม่มีใครให้คบแล้วนั่นแหละ

“เฮ้ย! นี่มึงลากกูมานะเว้ย มึงเป็นคนลากกูกับไอ้หมอมาที่ร้านนี้นะเผื่อลืม แล้วเมื่อกี้มาด่ากูเสือก งั้นกูกลับละ เชอะ! กูจะกลับแล้วโว้ย!” ไอ้ติณณ์ดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วไปพร้อม ๆ กับการทำท่าแง่งอนที่ผมมองว่าน่าถีบมากที่สุด แต่ผมก็ไม่ได้คิดสนใจอะไร รู้ดีว่าคนอย่างมันจะไปไหนไม่ได้ถ้ามันยังไม่รู้สิ่งที่ค้างคาในใจ “อ้าว ไม่รั้งกูหน่อยเหรอไอ้เมฆ อะไรวะ...จับชายเสื้อกูไว้หน่อยกูดี ไอ้ห่านี่”

นั่นไง คิดผิดที่ไหนล่ะ

“สรุปคนไหนที่ทำให้มึงถึงกับต้องถ่อมาที่นี่เพื่อมาเฝ้าเขาน่ะ” คราวนี้เป็นเสียงของไอ้องศาหรือที่ผมกับไอ้ติณณ์ชอบเรียกแซวจนติดปากว่าไอ้หมอ มันตวัดสายตามองผมนิ่ง ๆ แต่ผมกลับรับรู้ดีว่ามันกำลังหงุดหงิดและรำคาญผมอยู่ลึก ๆ

“พวกมึงนั่งเฉย ๆ ไปเถอะ อยากกินอะไรก็สั่ง กูเลี้ยงเอง” ผมยังเลือกที่จะปิดปากเงียบ ก่อนจะหันหน้าของตัวเองไปมองยังจุดเดิมซึ่งเป็นจุดที่เทียน่ากำลังนั่งอยู่ หากแต่ว่าในตอนนี้เธอกลับไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้นแล้วนี่สิ

หายไปไหน...

ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดส่งข้อความไปหาเธอทันที เพราะตั้งแต่ที่เข้ามาอยู่ในร้านผมก็ไม่ได้บอกกล่าวกับเธอเลยสักนิด มัวแต่มองสถานการณ์โดยรอบว่าเพื่อน ๆ ของเธอและคนอื่น ๆ ภายในร้านให้ความสนใจกับเธอแค่ไหน จนกลายเป็นว่าผมและเพื่อนมาอยู่ในร้านนี้นานนับชั่วโมงได้แล้ว

“สรุปแฟนเมฆอยู่ไหนอ่า มายัง เราอยากเจอ” เสียงสดใสเจื้อยแจ้วของ ‘โมนา’ ดังมาแต่ไกล จนกระทั่งร่างบางนั่งลงที่เก้าตัวว่างข้าง ๆ ไอ้องศา ก่อนที่รอยยิ้มหวาน ๆ จะฉีกกว้างพลางชะเง้อหน้ามองหาคนที่ถามถึง

โมนาเป็นเพื่อนที่ผมและเพื่อนรู้จักกันจากชมรมค่ายอาสาตั้งแต่ตอนที่อยู่ปีหนึ่ง และอีกหนึ่งความบังเอิญก็คือโมนาอยู่บ้านข้าง ๆ ของไอ้องศาเพื่อนผม นั่นเลยทำให้เราค่อนข้างสนิทกัน เพราะเวลาที่ผมไปที่บ้านของไอ้องศาแทบทุกครั้งก็จะมีโมนาคอยหาของอร่อย ๆ ให้กินอยู่เสมอ

“ไม่ใช่แฟน...”

“ยุ่งอะไรกับเขา นั่งเฉย ๆ ไม่ว่อกแว่กวุ่นวายเป็นบ้างไหมเนี่ย”

ผมที่กำลังจะออกปากแก้ตัวถึงสถานะออกไป แต่เสียงของไอ้องศาก็ดังแทรกขึ้นซะก่อน รวมไปถึงมือของมันที่จับขยุ้มเรือนผมนุ่มของโมนาเอาไว้จนเธอถึงกับร้องโอดโอยไม่หยุด นั่นเลยทำให้ผมและไอ้ติณณ์อดที่จะหัวเราะกับสิ่งที่เห็นไม่ได้

ดู ๆ ไปแล้วโมนาก็เหมือนเพื่อนอีกคนหนึ่งในกลุ่มผมเหมือนกัน เธอเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก ๆ บอบบาง แต่นิสัยและความกล้าบ้าบิ่นของเธอก็เรียกได้ว่าไม่น้อยหน้าใครเลยล่ะ

“โอ๊ย! องศาอ่า เรายังไม่ได้ทำอะไรเลยเนี่ย แค่ถามเองว่าแฟนของม่านเมฆน่ะ...”

“ไม่ต้องถาม นั่งเฉย ๆ ถ้ายังอยากมานั่งโต๊ะนี้ก็ต้องทำตามคำสั่ง ไม่อย่างนั้นฉันจะไล่เธอให้กลับไปนั่งกับเพื่อนของเธอ!”

“ใจร้าย! ไอ้คนหล่อใจร้าย แต่เราจะยอมนั่งเงียบ ๆ ก็ได้ ได้นั่งใกล้นายทั้งทีเราจะพลาดโอกาสนี้ไปได้ยังไง องศาจ๋า โมนามาแว้ว”

ผมหลุดเสียงหัวเราะเกินกว่าจะกลัดกลั้นได้ ภาพที่น่าจะเห็นจนชินตาแต่ไม่รู้ทำไมเวลาที่สองคนนี้เถียงกันผมกลับรู้สึกมองว่ามันน่ารักอย่างบอกไม่ถูก

แต่ทว่า...

“พี่เมฆคะ”

น้ำเสียงคุ้นหูทำให้ผมรีบหันขวับไปมอง เป็นเทียน่าที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่ตรงหน้าของผม เธอส่งยิ้มบาง ๆ พลางโค้งศีรษะลงเพื่อทักทายเพื่อน ๆ ของผมที่กำลังมีท่าทีตกใจเป็นอากัปกิริยาเดียวกันทั้งหมด

“เทีย...”

“เทียกำลังจะเดินมาเข้าห้องน้ำน่ะค่ะ แต่เพื่อนเทียสะกิดบอกว่าพี่เมฆนั่งอยู่โต๊ะนี้ เทียเลยเดินเข้ามาหา”

“โอ้โห! หวานเจี๊ยบ! สวัสดีครับ พี่ชื่อติณณ์นะเป็นเพื่อนสนิทที่สนิ้ดสนิทของไอ้เมฆมัน และไอ้หน้าบูดบึ้งอมขี้คนนี้ชื่อองศา ส่วนสาวสวยเสียงแจ๋นนี่ชื่อโมนา พวกเราสามคนเป็นเพื่อนของไอ้เมฆ ตอนนี้อยู่ปีสามครับผม!”

“ติณณ์! ว่าเราเสียงแจ๋นเหรอ ใจร้ายอะ!”

ผมยกมือขึ้นนวดขมับเพียงแค่ได้ยินไอ้ติณณ์เสนอหน้าแนะนำตัวได้น่ารำคาญที่สุด เพราะนอกจากมันจะขานชื่อและแนะนำให้รู้จักกับทุกคนในโต๊ะแล้ว ตัวของมันก็ดีดเด้งเข้าไปใกล้ราวกับหมาที่กำลังดมสำรวจกลิ่นอะไรแบบนั้น

“เทียนั่งก่อนสิ เอ่อ...นี่เทียน่า คนที่กูเล่าให้ฟังว่าเคยสอนพิ…”

“ว้าว! น้องเทียน่าแฟนของม่านเมฆนี่เอง ชื่อน่ารักจังเลยอ่า นั่งก่อนสิ ๆ นั่งข้าง ๆ นี่เลยจ้ะ” โมนาเบิกตากว้างดีใจจนแทบจะกระโดด หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปคว้าข้อมือเล็กของเทียน่าเพื่อให้เธอนั่งลงข้าง ๆ กัน โดยที่ผมได้แต่มองตามการกระทำเหล่านั้นแต่ก็ไม่กล้าปริปากเอ่ยคำใดออกมา

ผมไม่รู้ว่าเทียจะโอเคหรือเปล่ากับการที่ถูกเรียกว่าเป็นแฟนของผมแบบนั้น…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel