คำเตือนครั้งที่ 7 งานวันเกิด (3)
คำเตือนครั้งที่ 7
งานวันเกิด (3)
“ถ้าตำรวจลงนะ...กระเจิงทั้งร้านแน่”
“ไอ้แฟง! จะพูดทำไมล่ะ แต่ถ้าตำรวจลงจริง ๆ ก็โดนรวบทั้งร้านนี่แหละ”
ฉันรีบหันขวับจนคอแทบเคล็ด รู้ว่าแยมพูดในเชิงหยอกล้อ แต่ถ้ามันเกิดเรื่องแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตของฉันคงจบเห่แน่นอน!
“งั้นเดี๋ยวฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ พวกแกไปกับฉันป้ะ” ฉันหันไปสะกิดเพื่อนสนิท ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็คือการพยักหน้ารับ นั่นจึงทำให้ฉันรีบผุดตัวลุกขึ้นและเดินตรงไปยังห้องน้ำในทันที
“เอาไงดีวะ ถ้าฉันรู้ว่าไอ้แยมมันเลี้ยงที่นี่ฉันก็คงอ้างว่าติดธุระไปแล้ว”
เมื่อเดินมาถึงห้องน้ำ พัชชาก็ระบายความในใจออกมาพร้อมกับเสียงถอนหายใจยาวพรืดที่ตามมาติด ๆ
“เออ ฉันเองก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าโลกสวยไม่อยากกินเหล้าหรอกนะ แต่ฉันไม่ได้แต่งหน้าจัดเต็มมานี่ดิ! แล้วผู้ชายอย่างเยอะ รู้งี้น่าจะกรีดตามาก็ดี!”
“ไอ้แฟง! / ไอ้แฟง!” ฉันและพัชชาประสานเสียงเรียกชื่อเพื่อนพร้อมกัน หลังจากนั้นเสียงหัวเราะก็ดังตามมาเพราะนึกอ่อนใจกับคำพูดของเพื่อน
“เอ๊า ไรอ่า ก็ฉันคิดงี้จริง ๆ แกดูผู้โต๊ะข้างหลังซะก่อน งานดีมากแม่จ๋า! ขาวสะอาดประหนึ่งว่าชาติที่แล้วทำบุญด้วยสบู่และน้ำประปา”
“เออ ฉันเห็นแล้วเหมือนกัน แต่พวกเราจะไม่โดนรวบใช่ป้ะวะ นี่ไม่ได้โลกสวยนะเว้ย เวลาทำผิดแล้วมันรู้สึกยังไงไม่รู้อะ มันเกร็ง ๆ บอกไม่ถูก”
“นั่นสิ ฉันก็คิดเหมือนกัน” ฉันพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของพัชชา รู้ดีว่าเรื่องแบบนี้ใคร ๆ เขาก็ทำกัน แต่จิตใต้สำนึกมันก็ตระหนักได้นี่แหละว่ามันคือสิ่งที่ไม่ควรทำ
“งั้นเอางี้ พวกเราก็นั่งไปสักพักก่อน สักชั่วโมงหนึ่งแล้วก็ค่อยขอตัวกลับ” ฟักแฟงเป็นคนเสนอความเห็น แต่สิ่งนั้นกลับทำให้ฉันและพัชชาเห็นด้วยอย่างถึงที่สุด
“เออ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน หิวข้าวด้วยแหละ ตั้งใจมาโซ้ยข้าวที่เพื่อนเลี้ยง แต่ที่ไหนได้ ไอ้แยมมันเลี้ยงเบียร์เลี้ยงเหล้า ท้องฉันร้องโครกครากตั้งแต่ตอนแต่งหน้าแล้วเนี่ย”
“เออ เหมือนกัน หิวข้าวสุด ๆ งั้นพวกเราไปหาแยมกันเถอะ เพื่อนคนอื่น ๆ ก็เริ่มมากันแล้วด้วย ไปถ่ายรูปกับเจ้าภาพกันสักหน่อยดีกว่า”
ในเมื่อความคิดเห็นของฟักแฟงเห็นพ้องต้องกันแล้ว ฉันจึงตัดสินใจที่จะเดินกลับไปที่โต๊ะเพราะไม่อยากให้เจ้าของวันเกิดต้องสงสัยอะไร อย่างน้อย ๆ ไปนั่งดื่มสักแก้วสองแก้ว ถ่ายรูปอวยพรเจ้าภาพ พูดคุยกับคนอื่น ๆ ก็คงไม่น่าเกลียดถ้าพวกฉันสามคนจะขอตัวกลับก่อนงานจบ
ติ๊ง!
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนและแรงสั่นจากโทรศัพท์ทำให้ฉันหยิบมันออกมาดู ในระหว่างที่กำลังเดินกลับไปยังโต๊ะที่เจ้าของวันเกิดจับจองไว้
เป็นข้อความจากพี่เมฆที่ส่งเข้ามา...ฉันฉีกยิ้มกว้างโดยอัตโนมัติที่เห็นชื่อของพี่เมฆปรากฏบนหน้าจอ รวมไปถึงข้อความที่เขามักจะส่งมาบอกกล่าวกันอยู่เสมอว่าเขากำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน ราวกับว่าเขากำลังรายงานให้ฉันฟังยังไงก็ไม่รู้
MESSAGE - P’ mek (3)
-(20 : 45 น.)-
P’ mek : เทียถึงร้านหรือยังครับ
P’ mek : พี่เพิ่งกินข้าวกับเพื่อนเสร็จเลย
P’ mek : แล้วตอนกลับเทียกลับกับพัชชาใช่หรือเปล่า หรือจะให้พี่ไปรับก็ได้นะครับ พี่ว่าง
-(20 : 46 น.)-
TIANa : ถึงร้านแล้วค่ะพี่เมฆ
TIANa : แต่เพื่อนเทียมันเลี้ยงที่ร้านเหล้าเรียนเพียรวิชาน่ะค่ะ
TIANa : เทียเพิ่งรู้ว่าเพื่อนมันเลี้ยงที่ร้านเหล้าก็ตอนที่เทียมาถึงหน้าร้านนี่แหละ
TIANa : งื้ออออ TWT
ฉันพิมพ์ข้อความกลับไปหลังจากที่อ่านจบ อีกหนึ่งใจความก็คือฉันตั้งใจจะอ้อนคู่สนทนาด้วยนั่นแหละ แหะ ><
MESSAGE - P’ mek (3)
-(20 : 47 น.)-
P’ mek : อ้าว เทียเข้าได้แล้วเหรอ หรือว่าที่ร้านไม่ตรวจบัตร
TIANa : ไม่ตรวจบัตรค่ะ แต่เทียยังแอบกลัวอยู่เหมือนกัน
TIANa : ฟีลตอนนี้เหมือนหนีแม่เที่ยวเลยค่ะพี่เมฆ55555555
TIANa : แอบเกร็งด้วยค่ะ เพิ่งมาครั้งแรก คนเยอะมาก อึดอัดสุด ๆ แถมยังเหม็นกลิ่นบุหรี่ด้วยอ่า งื้ออออ
ฉันรอข้อความราว ๆ สองนาทีแต่ก็ยังไม่เห็นว่าพี่เมฆจะตอบกลับ ฉันจึงทำท่าจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงดังเดิม แต่แรงสั่นครืดของการแจ้งเตือนจากข้อความกลับทำให้ฉันจะต้องกดเปิดอ่านมันอีกครั้ง
และข้อความที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอซึ่งคนที่ส่งเข้ามาก็คือพี่เมฆ แต่ทว่ามันกลับทำทำให้ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจจนต้องอ่านทวนย้ำอีกหลาย ๆ ครั้ง
MESSAGE - P’ mek (3)
-(20 : 57 น.)-
P’ mek : พี่เองก็ว่าจะไปดื่มกับเพื่อนพอดีครับ
P’ mek : เทียอยู่ร้านเหล้าเรียนใช่ไหม อีกสิบนาทีพี่ถึงร้านครับ
P’ mek : เจอกันที่ร้านนะครับ
ให้ตาย...จะคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมเนี่ยว่าพี่เมฆมาที่ร้านนี้เพราะฉันน่ะ!
