คำเตือนครั้งที่ 7 งานวันเกิด (2)
คำเตือนครั้งที่ 7
งานวันเกิด (2)
“แล้วพวกแกคิดว่าพี่เมฆจะรับได้ไหม เรื่องอาการป่วยของฉัน...”
อยู่ ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็ทำให้ความประหม่าสับสนตีตื้นขึ้น
นี่คือปัญหาใหญ่ที่สุดในชีวิตของฉันเลยก็ว่าได้ มันคือความลับที่ฉันไม่ได้บอกใครนอกจากครอบครัวและเพื่อนทั้งสองคน
ถ้าหากความรู้สึกของฉันและพี่เมฆตรงกันอย่างที่คิดไว้จริง ๆ แล้วฉันควรจะบอกเรื่องนี้กับเขายังไง ฉันจะพูดกับเขายังไงว่าฉันกำลังรักษาจิตใจอยู่กับคุณหมอในเรื่องปมที่ฝังลึกอยู่ในใจมานานนับปี
“อันนี้ก็ไม่รู้ว่ะ...”
“แม่งพูดยากอะ คือฉันก็ไม่รู้ว่าพี่เมฆเขาจะคิดยังไงนะ แต่ยังไงฉันว่าแกควรบอกเขาว่าแกเป็นอะไร บอกเขาว่ามันเกิดจากอะไร ถ้าเขารักแกจริง ๆ ยังไงเขาก็รับได้อยู่แล้ว พี่เมฆเขาดูเข้าใจโลก เข้าใจสังคมอยู่นะเว้ย”
“…” สมองประมวลผลจนตอนนี้ทุกอย่างตีพันกันจนยุ่ง นึกโมโหตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเรื่องแค่นี้ฉันถึงเก็บไปคิดราวกับว่ามันคือเรื่องใหญ่
ทุก ๆ ปัญหาฉันจะจริงจังและเคร่งเครียดกับมัน จนกลายเป็นว่าฉันคิดมากกับทุกอย่าง และมันก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุเหมือนกันที่ทำให้ฉันต้องพบจิตแพทย์จนถึงทุกวันนี้
“เฮ้ย ๆ แกดูในกรุ๊ปดิ แยมชวนไปเลี้ยงวันเกิดว่ะ”
ก่อนจะขบคิดไปไกลแสนไกล สติของฉันก็ถูกดึงกลับมาด้วยแรงสะกิดและเสียงเรียกของเพื่อนสนิทที่กำลังพูดถึงงานวันเกิดของเพื่อนร่วมคณะ
“แยมมันเลี้ยงอะไรอะ”
“ไม่รู้ดิ บอกแค่ว่าเลี้ยง อยากให้เพื่อน ๆ มาช่วยร้องเพลงตอนเป่าเค้ก”
แยมคือเพื่อนอีกคนหนึ่งที่ฉันรู้จักตอนรับน้องพร้อม ๆ กับพัชชาและฟักแฟง แม้ว่าไม่ได้สนิทสนมเหมือนอย่างสองคนนี้ แต่เราก็จับกลุ่มทำงานและพูดคุยกันอยู่บ่อย ๆ
“ไปก็ได้นะ วันเกิดเพื่อนทั้งที ฉันอยากไป” ฉันเอ่ยขึ้น หยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมาและกดส่งสติ๊กเกอร์กลับไปยังกลุ่มข้อความที่เพื่อนส่งเข้ามา
“เออฉันก็อยากไป อยากไปกินของฟรีด้วย เพื่อนเลี้ยงทั้งทีจะพลาดได้ยังไง คิก ๆ”
“งั้นฉันโทรบอกพี่เมฆก่อนดีกว่าว่าเย็นนี้มีนัดกับเพื่อนแล้ว พวกแกจะออกกันกี่โมงอ่า มารับฉันด้วยสิ พลีส” ฉันหันไปกอดแขนเพื่อนสนิทสองคนอย่างนึกออดอ้อน ไม่มีรถใช้ก็ต้องใช้สายตาหวาน ๆ ให้เพื่อนใจอ่อนไปนี่แหละ
“ก็อยู่แล้วไหมล่ะ คอนโดฯ เราอยู่ใกล้กันยังไงฉันก็ต้องไปรับแกอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างฉันก็จะได้ไม่เหงาด้วย ดีกว่าขับรถคนเดียวตั้งเยอะ”
“งั้นมารับฉันด้วยได้ป้ะพัช พลีส”
ฉันถึงกับหลุดหัวเราะเมื่อได้ยินคำออดอ้อนของฟักแฟงที่หวังให้พัชชามารับอีกคน แต่ถึงไม่ทำเสียงหวานส่งสายตาอ่อนเชื่อม ฉันเองก็มั่นใจว่าพัชชาต้องตอบรับอยู่แล้ว
“เออ! เดี๋ยวไปรับทั้งสองคนนี่แหละ แต่งตัวสวย ๆ ก็พอ เดี๋ยวยัยพัชชาจะเป็นสารถีขับรถไปรับถึงที่เลยค่า!”
เหล้าเรียนเพียรวิชา
“มันเลี้ยงที่นี่จริง ๆ เหรอวะ นี่แกไม่ได้ดูผิดใช่ป้ะไอ้แฟง”
“นั่นสิ...นี่มันร้านเหล้าไม่ใช่เหรอ แยมจะเลี้ยงวันเกิดที่นี่จริง ๆ เหรอ”
ฉันเอ่ยขึ้นต่อจากพัชชาขณะที่สายตาก็กดมองภาพตรงหน้าที่เป็นร้านเหล้าสังสรรค์ ซึ่งตอนนี้ก็มีผู้คนมากมายที่อยู่ด้านในนั้น
หลังจากที่จอดรถเสร็จสรรพฉันและเพื่อนอีกสองคนก็รีบเดินมาหน้าร้าน แต่พอเห็นชื่อร้านกับบรรยากาศก็รับรู้ได้ทันทีว่าที่แห่งนี้คือร้านแบบไหน
ความจริงแล้วฉันจะไม่ตกใจขนาดนี้เลย เพราะการมาปาร์ตี้สังสรรค์ถือเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่ทำให้ฉันและเพื่อนหยุดอยู่ในอาการช็อกค้างกลางอากาศนั่นก็คืออายุของพวกเรายังไม่ถึงยี่สิบปียังไงล่ะ!
ไม่ใช่แค่พวกเรานะ...ส่วนมากเด็กปีหนึ่งก็อายุสิบเก้าปีกันทั้งนั้นนี่นา แถมฉันเองก็ยังมั่นใจว่าเจ้าของวันเกิดอย่างแยมเนี่ยก็อายุเท่าพวกฉันสามคนเหมือนกันนี่แหละ
“ก็เนี่ย...โลเคชันที่มันส่งมาก็ถูกนะ ฉันดูไม่ผิดแน่ ๆ” ฟักแฟงหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาทวนดูเนื้อหาในข้อความอีกทีเพื่อความแน่ใจ และคำตอบที่ได้ก็ถูกต้องตามจุดหมายที่หยุดยืนกันอยู่จริง ๆ
“แต่อายุพวกเรายังไม่ถึงยี่สิบเลยอะ แล้วแบบนี้พวกเราจะเข้าได้เหรอ” ฉันกะพริบตาปริบ ๆ ตั้งใจจะมางานวันเกิดของเพื่อนแท้ ๆ แต่ก็ดูเหมือนว่างานวันนี้พวกเราสามคนคงจะไม่ได้เข้าร่วมแล้วจริง ๆ
“งั้นโทรไปบอกยัยแยมก่อนดีกว่าว่าพวกเราเข้าไม่ได้ เดี๋ยวก็ค่อยโทรไปแฮปมัน...”
“อ้าวสามสาว! มายืนทำไรตรงนี้ ทำไมไม่เข้าไปด้านในล่ะ”
ก่อนที่พัชชาจะหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเจ้าของวันเกิด เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นแทรกพลันทำให้ฉันและเพื่อน ๆ หันกลับไปมอง
“จะเข้าไปได้ยังไงล่ะ อายุพวกฉัน...”
“โอ๊ย! ร้านนี้เขาไม่ตรวจบัตรจ้า เข้าได้เลย เข้าไปพร้อมฉันก็ได้ ป้ะ...เจ้าภาพชะเง้อรอใหญ่แล้วมั้งเนี่ย”
ไม่ทันที่จะได้เอ่ยคำใดตอบกลับไป ฉันและเพื่อนอีกสองคนก็ถูกลากให้เข้าไปด้านในร้าน ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตานับร้อยชีวิต
เพียงแค่ย่างกรายเข้าไป กลิ่นเหล้าและบุหรี่ก็คละคลุ้งฉันทำให้ฉันถึงกับนิ่วหน้าและยกมือขึ้นปิดจมูก แต่ทว่าเสียงดังโหวกเหวกกลับเรียกความสนใจให้หันไปมอง ถึงได้รู้ว่าต้นเสียงนั้นมาจากโต๊ะของเพื่อนฉันนั่นเอง
เจ้าภาพวันเกิดในค่ำคืนนี้...
“พัช เทีย แฟง ยัยวิ...มาสักทีนะ! ฉันคิดว่าพวกแกจะไม่มาแล้วซะอีก มา ๆ มานั่งข้างฉันเลย”
แยมกวักมือเรียกยกใหญ่ ทำให้ฉันจำต้องเดินเข้าไปหา พร้อม ๆ กับพัชชาและฟักแฟงที่เดินตามมาติด ๆ เช่นกัน
“สรุปแกเลี้ยงที่นี่จริงดิแยม” พัชชาเปิดประโยคถามทันทีที่ก้นหย่อนนั่งลงบนเก้าอี้
“โอ้โห...มาขนาดนี้ยังไม่รู้อีกเหรอ ดูซิจ๊ะ ฉันจองโต๊ะยี่สิบที่ แถมลังเบียร์ก็วางเรียงตรงหน้าแกเนี่ย ถ้าไม่เลี้ยงที่นี่แล้วฉันจะมาอยู่ตรงนี้ไหมเล่า”
“แต่พวกฉันสามคนยังอายุไม่ถึงยี่สิบเลยนะแยม ฉันยังเข้าร้านเหล้าไม่ได้เลยนะ แล้วทำไม...”
“โอ๊ย! เรื่องขี้ปะติ๋ว ฉันรู้จักกับเจ้าของร้านนี้ย่ะ เขาเป็นรุ่นพี่ฉันเอง เคลียร์ได้สบาย ไม่อย่างนั้นพวกแกสามคนจะเข้ามาในนี้ได้ยังไงล่ะ นี่ใคร นี่น้องแยมคนสวยเลยนะ”
ฉันกระซิบเสียงเบาเมื่อพูดถึงเรื่องอายุ แต่ประโยคที่ถูกแทรกก็ดังขึ้นตามด้วยเสียงหัวเราะที่ดูเหมือนว่ามันคือเรื่องปกติ
“ถ้าตำรวจลงนะ...กระเจิงทั้งร้านแน่”
“ไอ้แฟง! จะพูดทำไมล่ะ แต่ถ้าตำรวจลงจริง ๆ ก็โดนรวบทั้งร้านนี่แหละ”
