บท
ตั้งค่า

​คำเตือนครั้งที่ 6 โคตรชอบ (3)

​คำเตือนครั้งที่ 6

โคตรชอบ (3)

 

มื้อเย็นเล็ก ๆ พร้อมเสิร์ฟบนโต๊ะม้าหิน ผมเลือกที่จะออกมานั่งกินข้างนอกเพราะอากาศเย็นและกว้างขวางกว่าด้านใน พื้นที่ตรงนี้จะเป็นที่จอดรถ ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่มีรถยนต์ มีเพียงรถมอเตอร์ไซค์สองคันของผมและพี่สาวนี่แหละ มันเลยเหลือพื้นที่ว่างมากพอสมควร ผมเลยตัดสินใจที่จะซื้อโต๊ะม้าหินมาตั้งไว้บริเวณนี้แทน

“อิ่มแล้วเหรอเทีย ทำไมกินน้อยจังล่ะ” เสียงของมุกที่เอ่ยกับคนตัวเล็กทำให้ผมหันไปมอง

“เริ่ม ๆ แล้วล่ะค่ะพี่มุก เทียกินน้อยอ่า แต่ถ้าของหวานหรือพวกขนมไรงี้ เทียกินเยอะมากเลยนะคะ”

ผมยิ้มบาง ๆ ให้กับคำตอบที่ได้ฟัง ถึงจะไม่เคยเห็นเวลาที่เทียน่ากินของหวาน แต่ผมก็พอมองออกนะว่าเธอโปรดปรานมันมากแค่ไหน

เพราะทุกครั้งหลังจากที่ทานมื้อเย็นกันเสร็จ เธอมักจะขอให้ผมแวะร้านขนม หรือไม่ก็ร้านสะดวกซื้ออยู่ตลอด และแน่นอนว่าของที่เธอถือติดไม้ติดมือมาก็ล้วนแต่เป็นขนมหวาน ๆ ทั้งนั้น

“เหมือนพี่เลย พี่ชอบกินของหวานมาก! มีครั้งหนึ่งช่วงที่พี่เป็นประจำเดือนอะ ตอนนั้นพี่พาร์ทไทม์อยู่ที่ร้านสะดวกซื้อ พี่ก็เอาเงินค่าแรงของวันนั้นมาซื้อขนมกินจนเกลี้ยงเลย สรุปว่าที่ทำงานก็เพื่อเอาเงินมาซื้อขนมกินชัด ๆ”

“พี่มุกทำพาร์ทไทม์ด้วยเหรอคะ ทำที่ร้านไหนคะ แถว ๆ มอหรือเปล่า”

“พี่ทำแถว ๆ บ้านนี่แหละ ไปมาสะดวกกว่าด้วย แต่พี่ไม่ได้ทำร้านดังหรอกนะ พี่ทำร้านของคนแถวนี้นี่แหละ เจ้าของร้านแกเป็นรุ่นพี่ของพี่พอดี เขาเลยชวนมาทำน่ะ”

ร้านสะดวกซื้อที่ยัยมุกทำงานพิเศษไม่ใช่ร้านเฟรนไชส์ที่มีสาขามากที่สุดในประเทศ แต่เป็นร้านของรุ่นพี่ที่รู้จักกันเขาหันมาเปิดทำธุรกิจภายในชุมชน ซึ่งพี่สาวของผมก็เรียกได้ว่าเป็นทั้งลูกค้าคนแรกแล้วก็พนักงานคนแรกของร้านเลยล่ะ

ตอนนี้ยัยมุกอยู่ปีสี่แล้ว เห็นว่าอยากทำงานพาร์ทไทม์เพราะช่วงนี้วิชาที่เรียนไม่โหดเหมือนปีก่อน ๆ สาเหตุที่ทำงานระหว่างเรียนไปด้วยก็คือเรื่องฐานะทางบ้านนี่แหละ ทางบ้านของผมไม่ได้ร่ำรวย ฐานะปานกลาง แต่พอเราสองคนมาเรียนมหาวิทยาลัยก็ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงกว่าปกติ ผมและยัยมุกก็เลยเลือกที่จะหาทำงานพิเศษเพื่อแบ่งเบาภาระของพ่อและแม่ที่คอยส่งเสียเงินให้เรียน

ส่วนอีกหนึ่งเหตุผลก็คือค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยส่วนตัวด้วยนั่นแหละ ที่ผมรับสอนพิเศษตามบ้านก็เพราะอยากมีเงินเก็บ ไว้ซื้อของที่อยากได้ หรือไม่ก็เงินสำรองในกรณีฉุกเฉิน

“โห ดีจังเลยค่ะ พวกพี่สองคนนี่ขยันสุด ๆ เลยนะคะ พี่มุกก็ทำพาร์ทไทม์ พี่เมฆก็สอนหนังสือ พี่น้องบ้านนี้ขยันที่สุดในโลกเลย” ไม่ว่าเปล่า เทียน่าฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับยกนิ้วโป้งสองมือขึ้นให้กับผมและมุกราวกับเป็นคำชมและรางวัลยิ่งใหญ่

“ไม่ขยันไม่ได้หรอก ครีมมันแพงอะ น้องเทียน่าจะรู้ดีว่าครีมของผู้หญิงมันแพงแค่ไหน ยิ่งถ้าหมดพร้อมกันนะ ปาดเหงื่อปาดน้ำตาเลยทีเดียว”

“โอ้ จริงมากเลยค่ะพี่มุก ถ้าหมดพร้อมกันคือจ่ายยับเลย ว่าแต่พี่มุกใช้แบรนด์ไหนอยู่เหรอคะ หน้าพี่มุกใสมากเลยง่า ป้ายยาเทียหน่อย เทียจะไปตามซื้อด่วน ๆ เลยค่ะ”

“เดี๋ยวพี่ไปหยิบมาให้ดู แบรนด์นี้ดีมากเลยนะน้องเทีย รอแป๊บ” พูดจบคนเป็นพี่สาวก็ดีดตัวขึ้นและวิ่งสับขาเข้าไปด้านในตัวบ้านอย่างรวดเร็ว จนทำให้ทั้งผมและเทียน่าที่กำลังอ้าปากร้องห้ามถึงกับต้องกักเก็บท่าทางให้เป็นดังเดิม เพราะนอกจากยัยมุกจะไม่ฟังแล้ว เจ้าหล่อนยังไม่สนใจอีกต่างหาก

“พี่สาวพี่เมฆน่ารักมาก ๆ เลยค่ะ ตอนที่เทียเห็นครั้งแรกเทียแอบกังวลด้วยแหละ เวลาที่พี่มุกทำหน้านิ่งแล้วแอบโหดเหมือนกัน แหะ แต่พอได้รู้จักคือไม่ใช่อย่างที่คิดเลย พี่มุกน่ารักมาก ๆ สวยด้วย”

“อย่าไปพูดให้ยัยมุกฟังล่ะ ไม่อย่างนั้นเขินตัวลอยแน่” ผมพูดพลางหัวเราะในลำคอ พี่สาวของผมหน้าเหวี่ยงปากคว่ำ ใครต่อใครก็ต่างนิยามตัวตนให้เพียงแรกเจอว่าเป็นคนหยิ่งคนวีน แต่ถ้าได้รู้จักจริง ๆ ก็คงต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ใช่อย่างที่คิดจินตนาการไว้เลยสักนิด

ข้างนอกนิ่ง ๆ แต่นิสัยจริง ๆ ติ๊งต๊องโคตร!

“พี่เมฆอ่าชอบว่าพี่มุก พี่มุกน่ารักจะตาย”

ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่เลือกที่จะแค่นหัวเราะและส่ายหน้าเบา ๆ ให้กับคำพูดนั้น น่ารักอยู่หรอก แต่เวลาทะเลาะกันก็บ้านแตกได้เหมือนกันสำหรับผู้หญิงที่ชื่อม่านมุก

“โอ๊ะ...จริงสิ เทียลืมไปเลย เทียตั้งใจว่าจะให้พี่เมฆช่วยดูสคริปต์พรีเซนต์ให้หน่อยน่ะค่ะ แต่เทียลืมเอาติดกระเป๋ามาด้วย มันอยู่ที่ห้องอ่า เสียดายจัง”

“พรีเซนต์อะไรเหรอ”

“อาทิตย์หน้าเทียต้องพรีเซนต์หน้าห้องค่ะ อาจารย์ให้เลือกข่าวที่น่าสนใจมา จะเป็นข่าวเก่าหรือข่าวใหม่ก็ได้ แต่เทียเลือกเป็นข่าวพยากรณ์อากาศแทนเพราะเห็นว่าไม่น่ามีคนเลือก มันน่าจะแตกต่างกว่าคนอื่นน่ะค่ะ แต่เทียแก้บทไปหลายรอบแล้วยังไม่ถูกใจสักที เทียเห็นว่าเด็กนิติเวลาพรีเซนต์มักจะใช้คำทางการภาษาสวย ๆ เทียเลยอยากมาปรึกษาน่ะค่ะ แต่ก็ลืมซะได้”

“พรุ่งนี้ก็ได้ ยังไงตอนเย็นเราก็เจอกันอยู่แล้วนี่ เดี๋ยวพี่ช่วยดูให้ครับ ว่าแต่ข่าวพยากรณ์อากาศนี้ต้องใช้คำทางการด้วยเหรอ พี่ว่าเราสามารถใช้คำพูดเสนอข่าวก็ได้นะ คนจะได้สนใจด้วย”

“เทียเองก็ไม่ค่อยมั่นใจน่ะค่ะ แต่ให้พี่เมฆช่วยดูน่าจะชัวร์กว่า แหะ...เดี๋ยวพรุ่งนี้เทียเอามาให้ดูนะคะ”

“คืนนี้ก็ได้นะครับ โทรคุยกันก็ได้ เทียจะได้ไม่เหงาด้วย ดีไหม” ผมคิดกับตัวเองอยู่ชั่วครู่ว่าควรจะเอ่ยคำนี้ออกไปหรือเปล่า ถึงเราสองคนจะสนิทสนมกันแต่ผมก็ไม่เคยโทรหาเธอตอนกลางคืนก่อนนอนเลยสักครั้ง

ผมเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เทียรู้สึกกับผมยังไง แต่ถ้าเธอตอบตกลงผมจะขอคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าเธอเองก็ชอบผมเหมือนกัน

“…”

“เทีย...สะดวกหรือเปล่าครับ ถ้าไม่...”

“สะ...สะดวกค่ะ เทียสะดวกมาก ความจริงแล้ว เอ่อ...โทรทุกคืนเลยก็ได้นะคะ เทียเหงามาก ๆ อยากฟังเสียงพี่เมฆก่อนนอนทุกคืนเลย”

และคำตอบที่ได้รับก็ทำให้ผมแทบหงายหลังไปนอนกองกับพื้น เหมือนคนโดนหมัดแพ้น็อกกลางสนามมวย สิ้นท่าจนไม่สามารถรวบรวมเรี่ยวแรงพยุงร่างกายได้

เทียน่าตอบมาแบบนี้แล้วจะให้ผมคิดเป็นอื่นได้ยังไง ให้ตาย...ผมจะสามารถเก็บอาการขัดเขินไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งอย่างที่ชอบทำอยู่ทุกครั้งได้ไหมวะเนี่ย

โคตรชอบเลย...ผมว่าผมโคตรชอบเทียน่ามาก ๆ เลยล่ะ!

MARNMEK’ S PART ; END

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel