คำเตือนครั้งที่ 5 อิทธิพลต่อหัวใจ (1)
คำเตือนครั้งที่ 5
อิทธิพลต่อหัวใจ (1)
มหาวิทยาลัย KT
เวลาสิบเอ็ดโมงผู้คนในโรงอาหารเริ่มพลุกพล่าน ฉันและเพื่อนอีกสองคนที่เพิ่งเลิกเรียนคาบเช้าตอนแปดโมง ต่างก็อยู่ในสภาพหิวโหย รอฝากท้องกับสถานที่แห่งนี้โดยเฉพาะ
พัชชาและฟักแฟงเดินแยกกันไปเลือกซื้อข้าว ส่วนฉันก็เดินมาต่อแถวที่ร้านก๋วยเตี๋ยว ซึ่งเป็นที่พูดถึงกันมากที่สุดว่ารอคิวนาน แต่ด้วยรสชาติที่ถูกปาก บวกกับความอยากซดน้ำซุปให้คล่องคอ ฉันเลยจำต้องยอมมาต่อแถวยาวเหยียดอยู่ตอนนี้ยังไงล่ะ
ติ๊ง!
ติ๊ง!
เสียงและเสียงสั่นจากโทรศัพท์ทำให้ฉันละความสนใจจากแถวที่กำลังต่อ ฉันเปิดโทรศัพท์ดูก็พบว่าเป็นแจ้งเตือนจากแอปข้อความ ซึ่งคนที่ส่งเข้ามาก็คือพี่เมฆที่สามารถเรียกรอยยิ้มให้กับฉันได้เพียงเสี้ยววินาที
MESSAGE - P’ mek (2)
(11:08 น.)
P’ mek : เย็นนี้พี่ไม่ได้ไปสอนแล้วครับ ผู้ปกครองโทรมาบอกเมื่อกี้นี้เอง
P’ mek : งั้นเย็นนี้พี่ไปรับเหมือนเดิมนะครับ เทียจะไปไหนกับเพื่อน ๆ หรือเปล่า
(11:10 น.)
TIANa : ไม่ได้ไปไหนค่ะ
TIANa : เย็นนี้เทียอยากกินจิ้มจุ่มหลังมอพอดีเลย
TIANa : เทียตั้งใจว่าจะชวนพี่เมฆพรุ่งนี้ แต่ถ้าวันนี้พี่เมฆว่างแล้วเราก็ไปกินกันวันนี้เลยนะคะ ><
ฉันส่งข้อความตอบกลับไปตามด้วยอีโมจิที่ชอบใช้อยู่บ่อย ๆ
ตอนนี้เรียกได้ว่าฉันกำลังยิ้มแก้มปริ จากที่กำลังเซ็งเรื่องต่อแถวคนเยอะ ๆ กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับฉันไปเลยเพียงแค่เห็นข้อความที่พี่เมฆส่งมา
อาจจะสงสัยกันบ้างว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพี่เมฆนั้นคืออะไร เราสองคนสนิทสนมกันมาก ทุก ๆ เย็นพี่เมฆจะมารับฉันออกไปกินข้าวที่ร้านรอบ ๆ มหา’ลัย เวลาอยากไปไหนพี่เมฆก็จะอาสาไปเป็นเพื่อนอยู่ตลอด
ตัวฉันน่ะรับรู้ถึงความรู้สึกตัวเองอยู่แล้วว่าฉันชอบเขา แต่พี่เมฆนี่สิ...ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคิดยังไง การกระทำของเขามันก็ค่อนข้างชัดเจนนะ แต่ฉันก็ไม่กล้ามโนไปเองมากนักหรอก กลัวว่าจะเฟลเผลอคิดเองคนเดียวนี่แหละจะแย่เอา
ติ๊ง!
ติ๊ง!
MESSAGE - P’ mek (2)
(11:15 น.)
P’ mek : ได้ครับ พี่ก็ว่าจะชวนอยู่พอดี
P’ mek : แล้วนี่เทียเลิกเรียนแล้วใช่ไหม ที่คณะพี่เขาแจกบัตรส่วนลดตั๋วหนังน่ะ ไปดูหนังกันไหมครับ
ให้ตาย...อาการของฉันตอนนี้เหมือนกับคนถูกตีกลางศีรษะจนมึนชา
ใบหน้ากำลังกลัดเกร็งรอยยิ้มเอาไว้สุดขีด ข้อความของพี่เมฆทำให้ฉันอยากกระโดดโลดเต้นให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ต้องสงวนท่าทีเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
(11:16 น.)
TIANa : ได้ค่ะพี่เมฆ นี่เทียก็เพิ่งเลิกเรียนเลย กำลังมากินข้าวที่โรงอาหารค่ะ
P’ mek : เทียอยากดูเรื่องอะไรครับ
P’ mek : -ส่งรูปภาพ-
P’ mek : หนังกับเวลาที่เข้าฉายตามภาพที่พี่ส่งไปเลย พี่ดูได้ทุกเรื่องเลยครับ
TIANa : -ส่งรูปภาพ-
TIANa : เรื่องนี้แล้วกันค่ะ เทียอยากดูมาตั้งแต่เข้าโรงแรก ๆ แล้ว
TIANa : เอาเป็นรอบเที่ยงครึ่งนะคะ เทียขอกินข้าวก่อนแป๊บเดียวค่ะ
TIANa : นี่เทียกำลังต่อแถวร้านก๋วยเตี๋ยวป้าน้อมอยู่เลยนะคะเนี่ย แถวยาวมากเลยแง TWT
P’ mek : งั้นเดี๋ยวพี่ไปรับที่มอก็ได้ครับ เทียจะได้ไม่ต้องให้เพื่อนมาส่ง
P’ mek : ถ้าถึงแล้วเดี๋ยวพี่ทักไปบอกนะ
ฉันตอบกลับปิดท้ายก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าผ้าที่สะพายอยู่บนบ่า ในใจก็ตื่นเต้นจนแทบเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่
ที่เคยบอกว่าพี่เมฆมีอิทธิพลต่อหัวใจของฉันน่ะไม่ได้พูดเล่นเลย...
“เหลืออีกตั้งครึ่งชั่วโมงแหนะกว่าจะถึงเวลา เราไปเดินเล่นกันก่อนดีไหมคะพี่เมฆ” ฉันเอ่ยบอกหลังจากที่พี่เมฆเดินไปซื้อตัวหนังเสร็จสรรพ
“ได้ครับ”
“อืม...ไปไหนกันดีอ่าพี่เมฆ”
“พี่ขอแวะร้านหนังสือก่อนได้ไหมครับ”
ฉันหันไปมองตามระดับสายตาของพี่เมฆที่ตอนนี้กำลังจดจ้องไปยังร้านหนังสือที่อยู่อีกฝั่งพอดี
“ได้เลยค่ะ เทียก็ว่าจะไปหานิยายอ่านเหมือนกัน”
สิ้นคำตอบรับฉันและพี่เมฆก็เดินตรงมายังร้านหนังสือในทันที พี่เมฆหยุดยืนอยู่ที่โซนกวดวิชา ส่วนฉันก็เดินแยกออกมายังโซนนวนิยายที่กำลังต้องการหาซื้อมาอ่านพอดิบพอดี
ก็อย่างที่รู้กันว่าฉันอยู่คอนโดฯ คนเดียว แถมยังเป็นพวกขี้เหงาอีกต่างหาก อีกหนึ่งสิ่งนอกจากสื่อโซเชียลที่จะอยู่เป็นเพื่อนกับฉันได้ก็คือหนังสือพวกนี้นี่แหละ
ฉันเลือกเดินและหยิบมากกกอดไว้ทีละเล่มสองเล่ม พอได้เรื่องที่ถูกใจแล้วก็เดินไปอีกโซนซึ่งเป็นหนังสือวรรณกรรมแปลจากต่างประเทศ จวบจนเลือกดูอย่างพอใจก็เป็นอันว่าฉันได้หนังสือมาครอบครองถึงสี่เล่มภายในระยะเวลาเพียงไม่ถึงสิบนาที
จังหวะที่ฉันกำลังจะเดินไปจ่ายเงินนั้นพี่เมฆก็เดินเข้ามาหา โดยที่มือของเขาถือหนังสือกวดวิชาเล่มหนาสองเล่มเอาไว้
“พี่เมฆซื้อไปทำไมเหรอคะ อ้อ...จริงสิ พี่เมฆเป็นติวเตอร์นี่นา ซื้อหนังสือพวกนี้ไปเพื่อลูกศิษย์เลยใช่ไหมคะเนี่ย”
หนังสือในมือของพี่เมฆเป็นหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยทั้งนั้น ด้วยอาชีพอีกหนึ่งอย่างนอกจากการเป็นนักศึกษาแล้ว พี่เมฆก็ยังเป็นติวเตอร์ให้กับนักเรียนอีกด้วย
“ใช่ครับ พี่ก็ต้องหาพวกแนวข้อสอบจากหลาย ๆ ที่น่ะ นอกจากตามข่าวสารปัจจุบันแล้วพี่ก็ต้องดูจากหนังสือพวกนี้ด้วย”
“ขยันสุด ๆ ไปเลยค่ะติวเตอร์พี่เมฆ เทียก็มีเหมือนกันน้า ดูสิคะได้มาตั้งสี่เล่มแหนะ แต่ไม่ใช่หนังสือเรียนนะ นิยายล้วน ๆ แหะ” ฉันยกมือที่โอบกอดหนังสือหลายเล่มให้พี่เมฆดูพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ ถึงจะไม่มีหนังสือเรียนมาอวดแต่ฉันก็คิดว่านิยายที่ซื้อก็คงไม่น้อยหน้าสักเท่าไหร่นักหรอก
“เล่มนี้ที่บ้านพี่มีนะ เดี๋ยวพี่เอามาให้อ่านก็ได้ เทียไม่ต้องซื้อหรอก”
นิ้วเรียวยาวชี้มาตามสันหนังสือที่เป็นนิยายหวานแหวว การกระทำนั้นทำให้ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะไม่รู้ว่าพี่เมฆกำลังแกล้งกันหรือเปล่า อย่างพี่เมฆนี่ไม่น่าจะรู้จักหนังสือพวกนี้ได้หรอกนะ
“พี่เมฆรู้จักด้วยเหรอคะ เคยอ่านด้วยเหรอ”
“เปล่าหรอก พี่สาวของพี่ชอบอ่านน่ะ”
“พี่สาวเหรอคะ” ความตกใจยังคงทวีคูณมากยิ่งขึ้น เพราะฉันเพิ่งล่วงรู้ว่าพี่เมฆมีพี่สาวด้วยเหมือนกัน
“ครับ พี่มีพี่สาวหนึ่งคนชื่อม่านมุก แต่อายุห่างกันแค่ปีเดียว”
“โห ม่านเมฆ ม่านมุก...ชื่อคล้ายกันเลยค่ะ ชื่อน่ารักมาก ๆ ด้วย” ฉันลองทวนชื่อของพี่เมฆกับพี่สาวของเขาดูก็พบว่ามันคล้ายคลึงกันเอามาก ๆ ความจริงแล้วชื่อเต็ม ๆ ของพี่เมฆน่ะคือม่านเมฆนะ แต่ฉันจะติดเรียกพี่เมฆเฉย ๆ ด้วยความเคยชิน แต่ฉันเองก็เพิ่งรู้เลยว่าพี่สาวของเขาก็ชื่อม่านมุกซึ่งคล้ายคลึงกันมาก หากได้ยินก็รับรู้ได้เลยว่าสองคนนี้จะต้องมีความเกี่ยวข้องกันแน่นอน
“ใคร ๆ ก็บอกแบบนั้นครับ แต่ปกติพี่ก็เรียกพี่สาวพี่ว่ายัยมุกนั่นแหละ ไม่ได้เรียกพี่มุกเหมือนใครเขาหรอก เราสนิทกัน แล้วอีกอย่างก็อายุห่างกันแค่ปีเดียวด้วย”
“เทียอยากเห็นหน้าพี่สาวของพี่เมฆจังเลยค่ะ ต้องสวยมากแน่ ๆ เพราะพี่เมฆหล่อซะขนาดนี้” ฉันเผลอฉีกยิ้มกว้างออกมาเมื่อลองจินตนาการถึงใบหน้าของพี่สาวพี่เมฆทั้งที่ยังไม่เคยเฉียดใกล้
แต่ทว่าเพียงเสี้ยววินาทีฉันก็รับรู้ได้ว่าสิ่งที่พลั้งพูดออกไปนั้นทำให้พี่เมฆชะงักเข้าอย่างจัง
“เอ่อ...คือเทียหมายถึง...”
“ถ้าอยากเจอเดี๋ยวพี่พาไปทำความรู้จักครับ พี่เองก็พูดเรื่องเทียให้ยัยมุกฟังอยู่บ่อย ๆ คงต้องหาโอกาสให้มาเจอกันบ้างแล้วล่ะ”
“พี่เมฆ...” ฉันเอ่ยเสียงแผ่วเรียกชื่อของพี่เมฆอยู่ในลำคอ ตอนนี้กำลังอื้ออึงตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
ทำความรู้จัก…
พูดเรื่องฉันให้พี่สาวของเขาฟัง…
หาโอกาสให้มาเจอกัน...
ให้ตาย...ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองเลยว่าพี่เมฆเองก็รู้สึกชอบฉันเหมือนกันน่ะ
