คำเตือนครั้งที่ 3 น้องรหัส (1)
คำเตือนครั้งที่ 3
น้องรหัส (1)
หลายวันผ่านไป
“พวกเราไปคาเฟ่หน้ามอกันไหม นี่ก็เพิ่งบ่ายสองเองอะ ไปหาชากาแฟกินกันเถอะพวกแก”
ทันทีที่ขาก้าวลงมายังบันไดชั้นสุดท้าย เสียงของ ‘ฟักแฟง’ เพื่อนสนิทของฉันก็เอ่ยโพล่งขึ้น
“เออดีเหมือนกัน ร่างกายต้องการคาเฟอีนมาหล่อเลี้ยงด่วน ๆ คาบเจ๊โฉมเมื่อกี้ฉันเกือบวืด ง่วงจะตายแต่ก็ไม่กล้าหลับ เจ๊แกชอบสุ่มเรียกตอบคำถามอยู่ด้วย” เป็นเสียงของ ‘พัชชา’ เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งของฉันแทรกเสริมตามมาติด ๆ นอกจากจะรีบตอบรับพัลวันแล้ว พัชชายังทำท่าทางเบื่อหน่ายไปพร้อม ๆ กับการกลอกตาไปมาอีกต่างหาก
“เออจริง นี่งานเดี่ยวที่เจ๊แกสั่งฉันเองก็จดไม่ทัน จำได้แค่ว่าให้หาข่าวที่น่าสนใจมาพรีเซนต์ เพิ่งเปิดเทอมไม่ถึงเดือนก็สั่งงานซะแล้ว ไอ้แฟงท้อ!”
ตอนนี้ทั้งฉัน ฟักแฟง และพัชชา เราสามคนกำลังเดินออกมาด้านนอกตึกคณะ หลังจากที่เลิกเรียนวิชาอันสุดแสนจะน่าเบื่อแล้ว สถานที่พักใจส่วนมากก็คงไม่พ้นคาเฟ่สวย ๆ หรือไม่ก็ห้างสรรพสินค้าที่จะสามารถช่วยบรรเทาความรู้สึกที่มีอยู่ตอนนี้ได้
“แล้วแกอะเทีย หรือว่ารอพี่เมฆ” คราวนี้คำถามพุ่งตรงมายังฉัน เฉกเช่นเดียวกับสายตาของเพื่อนสองคนที่จ้องเขม็งเอาคำตอบจนฉันถึงกับขนลุกซู่อย่างไม่ทราบสาเหตุ
“อะไรอ่า มองฉันแบบนั้นหมายความว่าไงเนี่ย ไปกับพวกแกอยู่แล้วน่า อยากกินชาไทยอยู่เหมือนกัน”
“ไอ้เราก็นึกว่าจะติดผู้จนไม่ไปกับเพื่อนซะแล้ว มื้อเย็นแกก็ไปกับพี่เมฆแทบจะทุกวัน ทิ้งให้พวกฉันนั่งกินข้าวสองคนนี่โคตรใจร้ายเลยนะเว้ย”
“โอ้โห เวอร์มากยัยแฟง แล้วอีกอย่างนะ พี่เมฆไม่ใช่ผู้ฉันสักหน่อย แกอย่าไปพูดให้ใครได้ยินล่ะ เดี๋ยวพี่เมฆเขาจะเสียหายเอา” ฉันรีบแก้ต่าง คำพูดของยัยฟักแฟงสุ่มเสี่ยงต่อการทำให้พี่เมฆเสียหายเอามาก ๆ พูดแบบนี้เหมือนกับบอกว่าพี่เมฆเป็นแฟนของฉันยังไงไม่รู้
“เสียหายอะไร แกชอบเขาไม่ใช่เหรอ” พัชชากอดอกและเอ่ยเสริม ท่าทางมาดนิ่งเป็นแบบฉบับเฉพาะที่เวลาฉันเห็นมุมนี้ของพัชชาก็มักจะทำให้สั่นได้ทุกครั้ง
“บะ...บ้า! ยัยพัช แกพูดอะไรน่ะ ไม่ใช่สักหน่อย” นอกจากการปฏิเสธแล้วฉันก็รีบเดินเข้าไปปิดปากเพื่อนสนิทยกใหญ่ ถึงสถานที่ตอนนี้จะไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่าน แต่ฉันเองก็ไม่อยากให้ใครได้ยินมันอยู่ดีนั่นแหละ
หลังจากที่เจอกับพี่เมฆในวันเปิดเทอมวันแรก พี่เมฆก็อาสาที่จะมารับฉันหลังเลิกเรียนอยู่บ่อย ๆ ตอนเย็นก็มักจะพาออกไปกินข้าวด้วยกันเสมอ แต่จะมีบางครั้งที่พี่เมฆติดสอนพิเศษ นั่นเลยทำให้ฉันเลือกที่จะไปกินข้าวกับเพื่อนสนิททั้งสองคน และแน่นอนว่าการเทียวรับเทียวส่งของพี่เมฆอยู่ในสายตาของเพื่อนฉันเสมอ
รวมไปถึงตัวฉันเองก็เล่าเรื่องพี่เมฆให้ทั้งสองคนฟังอยู่เหมือนกัน แต่เรื่องความรู้สึกฉันไม่ได้บอกออกไปหรอกนะ แต่ท่าทางและอาการของฉันมันคงแสดงออกชัดแหละมั้งว่าฉันชอบพี่เมฆน่ะ
“โอ๊ย! ปากแข็งสุด ๆ ถึงปากแกจะบอกไม่แต่พวกฉันดูออกจ้า!”
“ไม่พูดด้วยแล้ว ไปคาเฟ่กันเถอะพวกแก ไปเร็ว!”
“เปลี่ยนเรื่องตลอด อะ...ไปก็ไป ขึ้นรถเลยสาว ๆ คาเฟ่อีสคอลลิ่งมีแล้วค่า!”
ฉันและเพื่อนสองคนเดินตรงไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามของตึกเพื่อที่จะไปยังร้านคาเฟ่ที่อยู่แถว ๆ หน้ามอเพื่อหาสถานที่พักพิงหลังเลิกเรียน รถคันนี้เป็นของพัชชาที่มักจะใช้ขับขี่มาเรียน แต่ส่วนมากพัชชาก็จะขี่มอเตอร์ไซค์มาเรียนเหมือนกับฟักแฟงนี่แหละ ส่วนฉันก็อาศัยพึ่งพาเพื่อนทั้งสองคนเอาน่ะ โชคดีมาก ๆ ที่คอนโดฯ ของพัชชาอยู่ใกล้กับคอนโดฯ ของฉัน เวลาไปเรียนฉันก็มักจะติดรถของพัชชาไปด้วยตลอด แต่ฉันเองก็ให้ค่าน้ำมันไปทุกอาทิตย์นะ ถึงแม้ว่าพัชชาจะปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่ายังไงก็คือทางผ่านก็เถอะ แต่ยังไงก็ควรตอบแทนน้ำใจของเพื่อนคนนี้บ้างก็ยังดี
ส่วนเรื่องที่ฉันถามกับพี่เมฆเรื่องที่จะซื้อรถมอเตอร์ไซค์วันนั้นน่ะ ฉันเองก็เริ่มลังเลบ้างแล้วล่ะ เหตุผลหลัก ๆ ก็คือฉันขับไม่เป็น แต่ฉันเองก็ขอให้พี่เมฆช่วยสอนบ้างแล้ว กว่าจะคล่องกว่าจะถนัดก็คงต้องใช้เวลาหลายเดือนเลยทีเดียว เรื่องการซื้อรถมอเตอร์ไซค์ไว้ใช้เลยเป็นเรื่องที่ฉันพับเก็บไว้ท้าย ๆ ไปโดยปริยาย
“แกเอาชาไทยใช่ป้ะเทีย แล้วแกอะพัชเอาไร ฉันจะไปสั่งให้ พวกแกก็ไปเลือกโต๊ะไป ขอมุมเด็ด ๆ ปั๊ว ๆ เลยนะ”
พอจอดรถเสร็จสรรพเราสามคนก็เดินเข้าไปในร้านพร้อม ๆ กัน โดยปกติแล้วฟักแฟงจะเป็นคนรับหน้าที่สั่งออเดอร์ ส่วนฉันกับพัชชาก็จะเป็นคนไปหาโต๊ะนั่งมุมสวย ๆ สำหรับการถ่ายรูปให้กับยัยฟักแฟงตัวดีนี่แหละ เพราะนอกจากฟักแฟงจะเป็นนักศึกษาแล้ว ฟักแฟงยังเป็นอินฟลู[1] ที่รับรีวิวสินค้าตามโซเชียลมีเดียอีกด้วย ฉันและพัชชาเลยต้องกวาดมองหามุมดี ๆ ให้เพื่อนคนนี้ทำคอนเทนต์ยังไงล่ะ
“ฉันเอาเอสเพรสโซ เค้กชาเขียวด้วย...ยัยเทีย มุมนั้นสวย ตรงนั้นอะ แสงดี” พัชชาบอกเมนูที่ต้องการสั่งก่อนจะจับจูงมือของฉันให้เดินไปยังโต๊ะติดกระจกซึ่งเป็นมุมถ่ายรูปยอดฮิตประจำร้าน
แต่เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ทำให้ฉันชะงักฝีเท้า เพราะสายตากลับดันเหลือบไปเห็นคนคนหนึ่งที่ฉันเองก็ไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่
พี่เมฆ...
“เทีย...นั่นพี่เมฆป้ะวะ” พัชชาสะกิดและกระซิบเบา ๆ
เราสองคนเดินมาพร้อมกัน แถมสายตาก็เห็นพี่เมฆพร้อม ๆ กันอีก…
“ใช่ นั่นพี่เมฆ”
“แล้วเขามากับใครอะ สวยด้วย”
ฉันแน่นิ่งไปชั่วขณะ สมองก็กำลังประมวลคิดแต่ก็ให้คำตอบกับเพื่อนไม่ได้เหมือนกัน
ตอนนี้พี่เมฆกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับผู้หญิงคนหนึ่ง ท่าทางเรียบนิ่งตามแบบฉบับยังคงปรากฏสู่สายตา ซึ่งฉันไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่เห็นนักหรอก เพียงแค่ตกใจมากกว่าที่มาเจอกับพี่เมฆที่คาเฟ่แห่งนี้
“ไม่รู้อะ ช่างเหอะ เราไปนั่งที่โต๊ะก่อนเถอะ ฉันจะไปช่วยยัยแฟงถือแก้วน้ำ” ฉันบอกปัด ๆ และเดินตรงไปยังโต๊ะที่หมายตา ทว่ายิ่งเดินเข้าไปใกล้เท่าไหร่ฉันก็ยิ่งได้ยินบทสนทนาที่ดังมาจากโต๊ะของพี่เมฆมากเท่านั้น
“ขอบคุณพี่เมฆมากนะคะ ฮือ...ดีใจจังที่ได้เจอกับพี่เมฆอีก พรุ่งนี้หนูขอเลี้ยงข้าวพี่เมฆได้ไหมคะ ถือซะว่าแทนการขอบคุณที่พี่เมฆทำให้หนูสอบติดนิติอย่างที่ตั้งใจ”
น้ำเสียงใส ๆ ที่บ่งบอกถึงความรู้สึกดังเข้าสู่โสตประสาท เช่นเดียวกับหางตาของฉันที่เห็นชัด ๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังจับมือถือแขนพี่เมฆราวกับว่าสนิทสนมกันมากทำนองนั้น
“เฮ้ย! ยัยเทีย เขาจับมือกันด้วย แกจะอยู่เฉย ๆ แบบนี้ไม่ได้นะ”
“อะไรของแกพัช เลิกสนใจเถอะน่า นี่ ไปเร็ว อย่าไปมอง แกกำลังเสียมารยาทอยู่นะพัช”
พัชชาสะกิดฉันยกใหญ่ แต่ฉันเลือกที่จะไม่สนใจและเดินตรงไปยังโต๊ะตรงหน้าราวกับสิ่งที่เห็นเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่ได้มีผลต่อความรู้สึกฉันแต่อย่างใด
ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วในหัวของฉันมันมีแต่คำถามมากมายตีพันยุ่งเหยิงกันอยู่ก็เถอะ!
_____________
[1] อินฟลู มาจาก อินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) คือ บุคคลที่มีผู้ติดตาม ให้ความสนใจ หรือมีอิทธิพลเป็นจำนวนมากบนโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม, ทวิตเตอร์
